วันเสาร์, เมษายน 29, 2566

"เลือกก้าวไกลประเทศไทยไม่เหมือนเดิม" แต่ยังไม่ทันเลือก ประเทศก็เปลี่ยนแล้ว


Atukkit Sawangsuk
10h
·
เลือกตั้งเปลี่ยนประเทศ
........................................
"เลือกก้าวไกลประเทศไทยไม่เหมือนเดิม" แต่ยังไม่ทันเลือก ประเทศก็เปลี่ยนแล้ว
.......................................
อันที่จริง บทความพูดในภาพรวม แต่โพสต์เอาก้าวไกลมาเรียกแบก
เพรา่ะเป็นไฮไลท์ของการเลือกตั้ง
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7636651
:
พลังของการเลือกตั้งทำให้เราเห็นอะไรที่ไม่คาดคิด การเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดหวัง บางครั้งก็ตลกขบขัน
เช่นค่าไฟแพง ทุกพรรค ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ ประกาศเป็นรัฐบาลจะลดค่าไฟ อ้าว สี่ปีที่ผ่านมาพวกมึงเป็นฝ่ายค้านหรือไง
ประยุทธ์โวยวาย พรรคร่วมโยนบาป ก็หาเสียงนี่ครับทุกพรรคต้องเอาใจชาวบ้าน
:
ใครจะคิดว่ามีวันนี้ วันที่ประยุทธ์ต้องมาเดินหาเสียงเอาใจชาวบ้าน
ติดป้ายตามเสาไฟฟ้าก็โดนยัดหญ้าเต็มปาก
เขาอยากเลือกตั้งหรือ ไม่ใช่หรอก แต่ไม่รู้จะทำไง
อำนาจอนุรักษ์ใหญ่โตมหึมา รัฐราชการทหารตำรวจศาลองค์กรอิสระ 250 ส.ว. สร้างไว้แวดล้อมประยุทธ์ แต่ประยุทธ์ที่อยู่ใจกลางมันยุบลงไปเฉยเลย
รัฐประหารตัวเอง ก็ทำไม่ได้ ไม่ให้มีเลือกตั้ง ก็ทำไม่ได้ ยุบฝ่ายค้านก่อนเลือกตั้ง คงมโหฬารบานปลาย
แล้วพอปล่อยให้เลือกตั้ง กระแสก็ไหลไปหาฝ่ายค้าน กำลังจะชนะถล่มทลาย 300 เสียงอาจน้อยไป
:
ก่อนเลือกตั้ง ใครก็รู้เพื่อไทยเป็นที่หนึ่ง
ที่ไหนได้ ก้าวไกลกระแสขึ้น กลายเป็นว่าพรรคที่คนนิยมมากที่สุดอันดับหนึ่งอันดับสอง คือพรรคฝ่ายประชาธิปไตย (ทำติ่งแบกเปิดสงครามยกใหญ่)
ผลเลือกตั้งจริงก้าวไกลอาจไม่ได้ที่สอง
แต่มองอนาคตได้ว่านี่คือพรรคอันดับหนึ่งอันดับสองของระบอบประชาธิปไตยไทย
:
อย่างที่มีมิตรสหายกล่าวไว้
เลือกตั้ง 62 คือเลือกว่าจะเอาประชาธิปไตยหรือเผด็จการ
เลือกตั้ง 66 คือเลือกจะเอาประชาธิปไตยแบบไหน
ปี 62 โดยผลเลือกตั้ง ประชาธิปไตยชนะ เพราะอภิสิทธิ์ก็ประกาศไม่เอาประยุทธ์ แต่พรรคแมลงสาบถีบหัวหน้า อนุทินประกาศไม่ยอมรับ 250 ส.ว. แต่อ้างว่าไม่ต้องมี ส.ว.ตู่ก็เป็นนายกฯ ได้
ขณะที่พรรคฝ่ายประชาธิปไตยรวมกันก็ยังชนะแต่โดนสูตรคำนวณเศษมนุษย์
:
เลือกตั้งครั้งนี้ วิเคราะห์กันแต่แรกว่า เพื่อไทยจะจับมือพลังประชารัฐ อาศัยป้อม เกาะโต๊ะ แบ่ง 250 ส.ว.มาโหวตให้
ซึ่งก็มีเค้ามูล ไม่งั้นจะเอาเมียเพื่อนป้อมมาลงปาร์ตี้ลิสต์ทำไม
อย่างน้อยก็เผื่อไว้ เข้าใจนะ ชนะเลือกตั้งก็ต้องเจรจาต่อรอง
แต่พอหาเสียงเลือกตั้งไป พลังเลือกตั้ง แรงกดดันมวลชน ก้าวไกลรดต้นคอ
เพื่อไทยก็ต้องประกาศชัดเจน ไม่ร่วมพลังประชารัฐ กัดฟันเรียกร้องเลือกเพื่อไทยให่้เกินครึ่ง ปิดสวิทช์ สว.
:
กระแสก้าวไกลยิ่งโคตรทึ่ง
เปิดหน้ามา พรรคแก้ 112 ใช่เลย อย่างเราๆ เลือกอยู่แล้ว
แต่ในอีกภาพหนึ่ง "การเมืองดี" คนรุ่นใหม่ การเมืองใหม่ใสสะอาด วิสัยทัศน์ชัดคม ดีเบตชนะเกือบทุกเวที
กลายเป็นดึงคะแนนนิยมคนทั่วไป คนชั้นกลางในเมืองที่เคยเลือกประชาธิปัตย์ คนต่างจังหวัดคนชนบทที่อยากได้การเมืองใหม่
คนอยากเลือกจนไม่ซีเรียส 112 (ทำเป็นมองไม่เห็น รู้นะคิดอะไรอยู่) คำถามเรื่องแก้ 112 กลายเป็น New Normal ถกเถียงในเวทีดีเบตทั่วไป
:
ยังไม่ทันเลือกก็เปลี่ยนแล้ว ผลออกมาชนะหรือแพ้ ทุกคะแนนที่เลือกก้าวไกล จะมีความหมายกดดันอำนาจจารีต และการเมืองแบบเก่า
:
ถ้ามองพลังเลือกตั้งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมาจนถึงจุดนี้
แล้วมองไปข้างหน้าหลังเลือกตั้ง
ที่กลัวกันว่า 250 ส.ว.จะขัดขวาง จะยุบพรรค จะรัฐประหาร
ถ้าฝ่ายค้านกวาดเสียงประชาชนได้ถึง 60-66% สองในสาม
อำนาจนั้นใหญ่โตมหึมาก็จริง แปรปรวนคาดเดาไม่ได้ก็จริง
แต่จะทำอะไรง่ายๆ ไม่ได้หรอก
สมมติก้าวไกล เพื่อไทย กวาด ส.ส.ทั้งกรุงเทพ ปริมณฑล
คะแนนคนชั้่นกลางในเมืองไหลมาก้าวไกล
รัฐประหารตุลาการภิวัตน์ที่เคยอาศัยสองนคราประชาธิปไตย
ก็จะไม่เหลือฐานมวลชนอีกเลย เหลือแค่พวกไล่ช่อไปดูท็อปนิวส์นั่นแหละ


https://www.facebook.com/baitongpost/posts/6219538484794595