The Momentum
11 hours ago
·
5 วัน 55 กิโลเมตร
‘เดินเปลี่ยนอนาคต’ ถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแล้ว
ยืนยันรัฐธรรมนูญใหม่ต้องเขียนด้วยมือประชาชน
.
วันนี้ (10 ธันวาคม 2568) ขบวน ‘เดินเปลี่ยนอนาคต’ (Walk to the Future) เดินทางถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเรียบร้อยแล้ว หลังเดินเท้าจากอำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยใช้เวลาทั้งหมด 5 วัน ระยะทางกว่า 55 กิโลเมตร เพื่อแสดงเจตจำนงและยืนยันว่า ประชาชนคือผู้มีอำนาจสูงสุดในการเขียน ‘รัฐธรรมนูญฉบับใหม่’ พร้อมย้ำว่า สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ต้องมาจากการเลือกตั้ง 100%
.
แถลงการณ์ของขบวนเดินเปลี่ยนอนาคตระบุว่า
.
การเดินเปลี่ยนอนาคต คือการเดินด้วยความหวัง แม้ทุกคนจะรู้ว่าบ้านเมืองเงียบงันและมืดมิด แต่นี่คือการเดินของคนที่ยังเชื่อว่า ประเทศไทยดีกว่านี้ได้ ทั้งในเรื่องอำนาจทางการเมืองและสันติภาพ
.
“เราหวังว่าวันหนึ่งจะมีการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น เพื่อให้ชนบทมีงานทำ มีทรัพยากรไม่ต่างจากเมืองหลวง จะมีการจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติและที่ดิน โดยให้ประชาชนและชุมชนในพื้นที่เป็นผู้กำหนด จะมีการคุ้มครองคุณภาพชีวิตคนทำงาน สวัสดิการ การรักษาพยาบาล และสิ่งแวดล้อม
.
“จะมีกฎหมายที่ยืนยันว่า ไม่ว่าคนจะมีเพศใด อาชีพใด ชาติพันธุ์ใด หรือประสงค์จะใช้ชีวิตแบบใด ก็จะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม จะมีผู้บริหารประเทศที่มาจากการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม ผู้ใช้อำนาจทางการเมืองที่ตรวจสอบได้ และมีการจัดสรรงบประมาณเพื่อประโยชน์ของประชาชน ทั้งหมดนี้สามารถเกิดขึ้นได้ผ่านกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และบัดนี้การเดินเปลี่ยนอนาคตได้มาถึงจุดหมายแล้ว”
.
ทั้งนี้ แถลงการณ์ของขบวนเดินเปลี่ยนอนาคตมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ
.
1. ยกเลิกรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560
2. เริ่มกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ
3. ผู้ร่างรัฐธรรมนูญต้องมาจากการเลือกตั้ง 100%
.
พร้อมเชิญชวนประชาชนทุกคนโหวตเห็นชอบในการทำประชามติจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และออกเสียงเพื่อเปลี่ยนอนาคตประเทศ โดยย้ำว่าวันนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการรณรงค์ครั้งใหญ่ เพื่อเปลี่ยนอนาคตของประเทศและประชาชน
.
ภาพ: ธนดิษ ศรียานงค์
.
#TheMomentum #StayCuriousBeOpen #เดินเปลี่ยนอนาคต #WalkToTheFuture
5 วัน 55 กิโลเมตร
‘เดินเปลี่ยนอนาคต’ ถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแล้ว
ยืนยันรัฐธรรมนูญใหม่ต้องเขียนด้วยมือประชาชน
.
วันนี้ (10 ธันวาคม 2568) ขบวน ‘เดินเปลี่ยนอนาคต’ (Walk to the Future) เดินทางถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเรียบร้อยแล้ว หลังเดินเท้าจากอำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยใช้เวลาทั้งหมด 5 วัน ระยะทางกว่า 55 กิโลเมตร เพื่อแสดงเจตจำนงและยืนยันว่า ประชาชนคือผู้มีอำนาจสูงสุดในการเขียน ‘รัฐธรรมนูญฉบับใหม่’ พร้อมย้ำว่า สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ต้องมาจากการเลือกตั้ง 100%
.
แถลงการณ์ของขบวนเดินเปลี่ยนอนาคตระบุว่า
.
การเดินเปลี่ยนอนาคต คือการเดินด้วยความหวัง แม้ทุกคนจะรู้ว่าบ้านเมืองเงียบงันและมืดมิด แต่นี่คือการเดินของคนที่ยังเชื่อว่า ประเทศไทยดีกว่านี้ได้ ทั้งในเรื่องอำนาจทางการเมืองและสันติภาพ
.
“เราหวังว่าวันหนึ่งจะมีการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น เพื่อให้ชนบทมีงานทำ มีทรัพยากรไม่ต่างจากเมืองหลวง จะมีการจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติและที่ดิน โดยให้ประชาชนและชุมชนในพื้นที่เป็นผู้กำหนด จะมีการคุ้มครองคุณภาพชีวิตคนทำงาน สวัสดิการ การรักษาพยาบาล และสิ่งแวดล้อม
.
“จะมีกฎหมายที่ยืนยันว่า ไม่ว่าคนจะมีเพศใด อาชีพใด ชาติพันธุ์ใด หรือประสงค์จะใช้ชีวิตแบบใด ก็จะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม จะมีผู้บริหารประเทศที่มาจากการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม ผู้ใช้อำนาจทางการเมืองที่ตรวจสอบได้ และมีการจัดสรรงบประมาณเพื่อประโยชน์ของประชาชน ทั้งหมดนี้สามารถเกิดขึ้นได้ผ่านกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และบัดนี้การเดินเปลี่ยนอนาคตได้มาถึงจุดหมายแล้ว”
.
ทั้งนี้ แถลงการณ์ของขบวนเดินเปลี่ยนอนาคตมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ
.
1. ยกเลิกรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560
2. เริ่มกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ
3. ผู้ร่างรัฐธรรมนูญต้องมาจากการเลือกตั้ง 100%
.
พร้อมเชิญชวนประชาชนทุกคนโหวตเห็นชอบในการทำประชามติจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และออกเสียงเพื่อเปลี่ยนอนาคตประเทศ โดยย้ำว่าวันนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการรณรงค์ครั้งใหญ่ เพื่อเปลี่ยนอนาคตของประเทศและประชาชน
.
ภาพ: ธนดิษ ศรียานงค์
.
#TheMomentum #StayCuriousBeOpen #เดินเปลี่ยนอนาคต #WalkToTheFuture
