.webp)
ภาพความเสียหายโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแห่งหนึ่งใน จ.ศรีสะเกษ หลังถูกกระสุนปืนใหญ่ที่ทางกองทัพไทยระบุว่าเป็นของฝ่ายกัมพูชา ยิงทะลุทะลุเข้าภายในตัวอาคารได้รับความเสียหาย
เหตุใดรัฐบาลไม่เลือกดำเนินคดีผ่านศาลอาญาโลก ?
ที่ผ่านมา รศ.ดร.ปกป้อง ศรีสนิท อาจารย์คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ (มธ.) เคยบอกกับบีบีซีไทยว่าสามารถฟ้องร้องกัมพูชาฐานอาชญากรรมสงครามได้ โดยรวบรวมหลักฐานการโจมตีโรงพยาบาลและเป้าพลเรือนต่าง ๆ เพื่อส่งให้ศาลอาญาระหว่างประเทศ (International Criminal Court - ICC) พิจารณา หรือที่คนไทยเรียกว่าศาลอาญาโลก ถึงแม้ไทยไม่ได้เป็นภาคีธรรมนูญกรุงโรมก็ตาม
อาจารย์จากคณะนิติศาสตร์ มธ. บอกว่า หากประเทศไทยประสงค์จะดำเนินคดี ก็สามารถยอมรับอำนาจเฉพาะคดีที่เรียกว่า "ad hoc acceptance" เพื่อให้ศาลอาญาระหว่างประเทศเข้ามามีอำนาจเป็นเฉพาะ ๆ คดีไป โดยไม่ได้ทำให้ไทยต้องเข้าเป็นหนึ่งในภาคีธรรมนูญกรุงโรม
ทว่า ศาลอาญาระหว่างประเทศจะรับคดีไว้พิจารณาหรือไม่ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง และไทยจะชนะคดีดังกล่าวไหมก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง แต่กระบวนการพิจารณาย่อมใช้เวลาหลายปีแน่นอน
หากย้อนกลับไปที่คำสัมภาษณ์ของนายภูมิธรรมเมื่อวานนี้ ชัดเจนว่ารัฐบาลไม่ต้องการให้คดีนี้ไปยังศาลอาญาระหว่างประเทศ ทั้งที่มีช่องทางทำได้
ศ.ดร.ปวิน มองเรื่องนี้ว่าทั้งกองทัพไทยและนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต่างมี "ชนักติดหลัง" จึงไม่ต้องการสร้างบรรทัดฐานใหม่ที่แสดงให้เห็นว่าไทยสามารถยอมรับอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศได้
นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยในญี่ปุ่นอธิบายต่อว่า คดีความที่กองทัพไทยอาจเกี่ยวข้องหรืออาจเข้าข่ายอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ได้แก่ เหตุการณ์มัสยิดกรือเซะและเหตุการณ์ตากใบในปี 2547 ซึ่งมีการกล่าวอ้างถึงการใช้กำลังเกินกว่าเหตุ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก รวมถึงการสังหารคนเสื้อแดงที่แยกราชประสงค์ในปี 2553
"หากมีการตั้งบรรทัดฐานให้ศาล ICC เข้ามามีเขตอำนาจในการพิจารณาคดีความรุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศไทย คดีเหล่านี้ก็มีโอกาสที่จะถูกรื้อฟื้นและนำไปสู่การไต่สวนในระดับนานาชาติได้เช่นกัน"
เหตุใดรัฐบาลไม่เลือกดำเนินคดีผ่านศาลอาญาโลก ?
ที่ผ่านมา รศ.ดร.ปกป้อง ศรีสนิท อาจารย์คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ (มธ.) เคยบอกกับบีบีซีไทยว่าสามารถฟ้องร้องกัมพูชาฐานอาชญากรรมสงครามได้ โดยรวบรวมหลักฐานการโจมตีโรงพยาบาลและเป้าพลเรือนต่าง ๆ เพื่อส่งให้ศาลอาญาระหว่างประเทศ (International Criminal Court - ICC) พิจารณา หรือที่คนไทยเรียกว่าศาลอาญาโลก ถึงแม้ไทยไม่ได้เป็นภาคีธรรมนูญกรุงโรมก็ตาม
อาจารย์จากคณะนิติศาสตร์ มธ. บอกว่า หากประเทศไทยประสงค์จะดำเนินคดี ก็สามารถยอมรับอำนาจเฉพาะคดีที่เรียกว่า "ad hoc acceptance" เพื่อให้ศาลอาญาระหว่างประเทศเข้ามามีอำนาจเป็นเฉพาะ ๆ คดีไป โดยไม่ได้ทำให้ไทยต้องเข้าเป็นหนึ่งในภาคีธรรมนูญกรุงโรม
ทว่า ศาลอาญาระหว่างประเทศจะรับคดีไว้พิจารณาหรือไม่ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง และไทยจะชนะคดีดังกล่าวไหมก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง แต่กระบวนการพิจารณาย่อมใช้เวลาหลายปีแน่นอน
หากย้อนกลับไปที่คำสัมภาษณ์ของนายภูมิธรรมเมื่อวานนี้ ชัดเจนว่ารัฐบาลไม่ต้องการให้คดีนี้ไปยังศาลอาญาระหว่างประเทศ ทั้งที่มีช่องทางทำได้
ศ.ดร.ปวิน มองเรื่องนี้ว่าทั้งกองทัพไทยและนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต่างมี "ชนักติดหลัง" จึงไม่ต้องการสร้างบรรทัดฐานใหม่ที่แสดงให้เห็นว่าไทยสามารถยอมรับอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศได้
นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยในญี่ปุ่นอธิบายต่อว่า คดีความที่กองทัพไทยอาจเกี่ยวข้องหรืออาจเข้าข่ายอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ได้แก่ เหตุการณ์มัสยิดกรือเซะและเหตุการณ์ตากใบในปี 2547 ซึ่งมีการกล่าวอ้างถึงการใช้กำลังเกินกว่าเหตุ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก รวมถึงการสังหารคนเสื้อแดงที่แยกราชประสงค์ในปี 2553
"หากมีการตั้งบรรทัดฐานให้ศาล ICC เข้ามามีเขตอำนาจในการพิจารณาคดีความรุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศไทย คดีเหล่านี้ก็มีโอกาสที่จะถูกรื้อฟื้นและนำไปสู่การไต่สวนในระดับนานาชาติได้เช่นกัน"

ภาพผู้ประท้วงราว 300 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ถูกตำรวจและทหารจับกุมโดยให้นอนคว่ำหน้าอยู่บนทางเท้าหน้าสถานีตำรวจภูธรตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2547
ศ.ดร.ปวิน กล่าวต่อว่าการดำเนินนโยบายสงครามยาเสพติดช่วงปี 2546 ซึ่งเป็นยุครัฐบาลของนายทักษิณ ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากในระยะเวลาอันสั้น
ข้อมูลของมูลนิธิผสานวัฒนธรรมระบุว่าในช่วงเดือน ก.พ.- เม.ย. 2546 เกิด "การฆ่าตัดตอน" ซึ่งเป็นคำกล่าวอ้างของภาครัฐว่าเป็นฝีมือการฆาตกรรมของขบวนการค้ายาเสพติดด้วยกัน ส่งผลให้มีคดีฆาตกรรม 2,604 คดี และมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 2,873 คน
นอกจากนี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยแห่งชาติ (กสม.) ของไทยยังได้รับข้อร้องเรียนจำนวนมากว่าเจ้าหน้าที่ใช้นโยบายดังกล่าวในการขึ้นบัญชีดำบุคคลที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์, ไม่มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด, หรือเป็นหัวคะแนนของพรรคตรงข้าม เป็นต้น
กรณีนี้ยังทำให้เกิดวาทะของนายทักษิณที่เป็นตำนาน จากการออกมาพุดว่า "ยูเอ็นไม่ใช่พ่อผม" เพื่อตอบโต้นางอัสมา จิลานี จาฮังเกียร์ ผู้แทนพิเศษจากองค์การสหประชาชาติ ที่ออกมาแสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อรายงานเกี่ยวกับการเสียชีวิตของประชาชนกว่าร้อยคนในประเทศไทย เนื่องจากการปราบปรามการค้ายาเสพติด
ตัวอย่างจากประเทศฟิลิปปินส์ อาจทำให้เห็นภาพชัดขึ้นว่าคดีนี้สุ่มเสี่ยงถูกพิจารณาโดยศาลอาญาโลกได้อย่างไร
เมื่อช่วงเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ตำรวจฟิลิปปินส์จับกุมอดีตประธานาธิบดีโรดริโก ดูแตร์เต หลังจากศาลอาญาระหว่างประเทศออกหมายจับในข้อหาก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ จากนโยบายสงครามปราบปรามยาเสพติดที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนหลายพันคนในช่วงปี 2559-2565
"หากมีการนำคดีความของฮุน เซนเข้าสู่ศาล ICC ก็อาจเป็นช่องทางให้มีการยื่นฟ้องร้องต่อศาลดังกล่าวในกรณีของนโยบายสงครามยาเสพติดได้ในอนาคต ทำให้ทั้งกองทัพและอดีตผู้นำทางการเมืองของไทยต่างระมัดระวัง และไม่ต้องการสร้างบรรทัดฐานนี้ขึ้นมา" ศ.ดร.ปวิน กล่าว

นักเคลื่อนไหวถือป้ายประท้วงนโยบายสงครามยาเสพติดของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร หน้าองค์การสหประชาชาติในประเทศไทย
ช่วงสายวันนี้ ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลสอบถามรักษาการนายกรัฐมนตรีภูมิธรรมอีกครั้งว่ารัฐบาลจะนำคดีฟ้องร้องสมเด็นฮุน เซน และ สมเด็จฮุน มาเนต ไปยังศาลอาญาระหว่างประเทศหรือไม่
เขาตอบว่าขอดำเนินคดีด้วยกฎหมายภายในประเทศก่อน ส่วนการฟ้องร้องต่อ ICC นั้นขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และเงื่อนไข ซึ่งฝ่ายกฎหมายของ สมช., กระทรวงการต่างประเทศ, และกองทัพ ร่วมกันพิจารณาตามกระบวนการ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำอีกครั้งว่ามีนักวิชาการแสดงความเห็นว่าไทยสามารถยอมรับอำนาจศาลอาญาโลกในบางเรื่องได้ ทางนายภูมิธรรมตอบมาเพียงว่า "ก็ให้เขาทำเรื่องเสนออย่างเป็นทางการมา จะให้ฝ่ายกฎหมายที่เกี่ยวข้องไปพิจารณา"
ที่มา บีบีซีไทย
อ่านบทความเต็ม
รัฐบาลเปิดฉากฟ้อง ฮุน เซน-ฮุน มาเนต ผู้เชี่ยวชาญชี้อาจเป็นกลยุทธ์แก้ต่างทางการเมือง และไทยไม่ไปศาลอาญาโลกเพราะมี "ชนักติดหลัง"
https://www.bbc.com/thai/articles/c201jljp2deo