วันอาทิตย์, กรกฎาคม 20, 2568

"เมื่อเราสังเกตปฏิกริยาระหว่างบรรทัดของพรรคเพื่อไทยมาตลอดแล้ว เราจึงเห็นได้ว่า พรรคนี้ไม่โหวตให้หรอก แต่พวกเขาพอรู้ว่า ฐานเสียงของเขา "ซื้อ" เรื่องนี้และอยากเห็นพวกเขายืนยันอะไรบ้าง พวกเขาจึงอ้อมๆ แอ้มๆ พูดออกมาบ้าง เล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้ฐานเสียงยังไม่หันหน้าหนีทั้งหมดเสียทีเดียว"


Yingcheep Atchanont
11 hours ago
·
มีบางคน "ผิดหวัง" และ "เจ็บปวด" ที่พรรคเพื่อไทยไม่ช่วยโหวต #นิรโทษกรรมประชาชน ประชาชน ผมคิดว่าพรรคนี้จำเป็นต้องได้ยินความรู้สึกและเสียงเหล่านี้ ไม่ใช่ได้ยินในฐานะ Voters เพราะเขาอาจจะเลือกหรือไม่เลือกก็ได้ แต่ได้ยินในฐานะ เสียงของกลุ่มคนที่ต้องการเห็นประเทศดีกว่านี้ ที่กำลังลงหลักปักฐานเพื่ออยู่ "ตรงข้าม" กับพรรคเพื่อไทยไปอีกนาน และจะทำให้พรรคนี้เกิดไม่ได้อีก

มีประเด็นหลากหลายให้มองพรรคนี้ จะลองไล่เรียงดู

- สำหรับผมแล้วไม่ได้เป็นเรื่องแปลกใจ เพราะพรรคเพื่อไทยหรือพรรคภายใต้ "ชินวัตร" ไม่แตะ 112 มาตลอด ปี 2555 ประธานสภาของพรรคเพื่อไทยวินิจฉัย "ไม่รับ" ไม่ยอมบรรจุร่างแก้ไข 112 ฉบับแรกที่ประชาชนเข้าชื่อเสนอ ปี 2556 ตอนที่พรรคเพื่อไทยเสนอนิรโทษกรรม "สุดซอย" พวกเขาก็ไม่รวม 112 และในปี 2566 ที่จะโหวตพิธา เป็นนายกฯ แต่มีเสียงต้านเพราะพรรคก้าวไกลเสนอแก้ไข 112 พรรคเพื่อไทยใช้โอกาสนี้ยืนยันว่า ตัวเองไม่แตะ 112 เด็ดขาด (โหวตให้กูด้วย) และเขี่้ยก้าวไกลออกจากสมการตั้งรัฐบาล

- ตลอดเวลาที่ผ่านมา บุคลากรของพรรค และมวลชนของพรรค เป็นเหยื่อกลุ่มสำคัญที่โดน 112 เล่นงานมาตลอดเมื่อสวมเสื้อสีแดง https://www.ilaw.or.th/articles/52109 นั่นทำให้พรรคนี้แยกขาดออกจากเรื่อง 112 ได้ยาก จนกระทั่งมีกระแส "ยกเลิก112" ขึ้นในช่วงปี 2564 จึงเป็นครั้งแรกที่พรรคเพื่อไทย "ขยับบ้าง" ยกระดับการพูดเรื่องนี้บ้าง นอกจากแถลงการณ์จากชัยเกษม นิติสิริ แล้ว คนของพรรคนี้ก็เริ่มพยายามพูดเรื่อง 112 พูดให้เห็นปัญหา ทั้งทักษิณ เศรษฐา ทั้งแพทองธาร พูดไว้ก่อนเลือกตั้งถึงปัญหามาตรา 112

- แต่หากเราสังเกต "ระหว่างบรรทัด" ของคำพูดและการกระทำจากพรรคเพื่อไทยมาตลอด ไม่ใช่แค่ "จับคำ" ที่ออกจากปากสองสามคำ เราจะรู้ว่า เขาลังเลมากกกกกกก เช่น พรรคเพื่อไทยไม่เคยเสนอเอง ไม่เคยเขียนนโยบาย แค่มีคำตอบต่อคำถามบางครั้งเท่านั้น เวลาจัดงานเสวนาแล้วเชิญตัวแทนแต่ละพรรคมาพูดเรื่องนี้ พรรคเพื่อไทยจะเชิญยากที่สุด คือ ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ เชิญแล้วจะบอกเลยว่าไม่มา พรรคสีส้มมา แต่พรรคเพื่อไทยจะตอบช้า ยึกยัก สุดท้ายก็ส่งบางคนมาบ้าง บางครั้งไม่ส่งใครมาเลย เวลาโดนนักข่าวจี้ถาม ถ้ามันใช่เขาก็ตอบแล้ว แต่เขาก็จะตอบอ้อมๆ เลี่ยงๆ แต่ตอบให้มันฟังดูหล่อๆ แบบไม่เสียหาย

- เมื่อเราสังเกตปฏิกริยาระหว่างบรรทัดของพรรคเพื่อไทยมาตลอดแล้ว เราจึงเห็นได้ว่า พรรคนี้ไม่โหวตให้หรอก แต่พวกเขาพอรู้ว่า ฐานเสียงของเขา "ซื้อ" เรื่องนี้และอยากเห็นพวกเขายืนยันอะไรบ้าง พวกเขาจึงอ้อมๆ แอ้มๆ พูดออกมาบ้าง เล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้ฐานเสียงยังไม่หันหน้าหนีทั้งหมดเสียทีเดียว

- นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ประชาชนทุกคนไม่ว่าเฉดสีไหน จึงจับตาดูพรรคเพื่อไทยเป็นพิเศษในการโหวตครั้งที่ผ่านมา เพราะเราเชื่ออยู่แล้วว่าพรรคสีส้มจะโหวตให้ และเราเชื่ออยู่แล้วว่า พรรคสีน้ำเงิน สีฟ้า พรรคที่โหนเจ้าอยู่ในอำนาจมานานหลายปี เขาก็จะไม่มีทางโหวตให้ แต่ตั้งแต่มีพรรคการเมืองสีแดงมาหลายชื่อ เรื่องมาตรา 112 ยังไม่เคยเข้าสู่การลงมติของเขามาก่อน ถ้าพวกเขาเลือกได้จริงๆ คงจะใช้วิธีแค่พูดจาหล่อๆ แล้วก็ทำยังไงก็ได้ให้ไม่เข้ามาถึงวันที่ต้องลงมติให้มันปรากฏ

- นั่นจึงเป็นความสำเร็จ ที่เราเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชนเข้าไปท้าทายเขาสักหน่อย เพราะถ้าหวังพรรคสีส้ม เขาอาจจะมีบทบาทอื่นบ้าง ไม่อยากเผชิญหน้าตรงๆ บ้าง เราจึงต้องท้าทายเข้าไปตรงๆ และเปิดหน้าให้เห็นว่าเพื่อไทยลงมติกันอย่างไรในรอบนี้

- นับจากวันที่เราเสนอร่างมาจนถึงวันลงมติ ความจริงแล้วมีบทสนทนาระหว่างเรากับพรรคเพื่อไทย และพรรคอื่นๆ มากมาย ผมไม่ได้รับผิดชอบส่วนนี้ จึงเลือกเล่าได้ไม่หมด เอาเป็นว่าเราไม่ได้ยื่นร่างเฉยๆ แบบยื่นลอยๆ แล้วนั่งรอมันบรรจุ มีการพยายามเดินสายคุยโดยคนในเครือข่ายมากมาย พยายามเข้าหาพรรคการเมืองต่างๆ หลายช่อง ได้พบกันตามห้องอาหารและห้องประชุมสารพัด บอกได้เลยว่า บทสนทนานั้น "ดี" มีแต่ความเข้าใจเห็นอกเห็นใจ และมีแต่ความตั้งใจช่วยกันหาวิธีเอาคนออกจากคุก แต่ไม่เคยมีคำรับว่าจะโหวต

- ทุกพรรคไม่ใช่แค่เพื่อไทย เมื่อได้คุยกันหลังไมค์ไม่เคยมีใครปฏิเสธขาดว่าจะไม่โหวตให้ มีแต่คนบอกว่าเข้าใจและรับไปคุย รับไปสื่อสาร รับไปดูว่าจะทำอะไรได้บ้าง จึงไม่แปลกถ้าทีมเจรจา (ซึ่งไม่ใช่ผม ผมทีมด่า) จะมีบางวันที่แอบรู้สึกบ้างว่า อาจจะมีความหวัง อาจจะได้บางเสียง หรืออาจจะงดออกเสียงกันก็ได้

- สิ่งที่น่าจะเล่าได้ คือ บทสนทนากับบางคนภายในพรรคเพื่อไทย บางคนนั้นเข้าใจอยู่แล้วว่า ถ้าไม่ร่วมร่างนิรโทษกรรมประชาชน จะเหลือแต่ร่างที่นิรโทษกรรมให้เสื้อเหลือง,​กปปส. เท่านั้น มีคนที่เห็นสิ่งนี้อยู่แล้ว ผมจึงเคยบอกพวกเขาว่า ผมโอเคถ้าเขาไม่รีบเอาร่างเข้าแล้วให้ผลเป็นการผ่านเฉพาะคนบางกลุ่ม และมีบางคนในพรรคเพื่อไทยเข้าใจแล้วว่า ถ้ารับร่างภูมิใจไทยไปจะอันตรายมาก จะโดนล็อกต่อในวาระสอง ถ้ารับร่างครูไทยไปจะอันตรายมาก เพราะจะนิรโทษกรรมให้ตำรวจทหารที่ใช้ความรุนแรงด้วย คือ มีคนข้างในพรรคที่เข้าใจทั้งหมดแล้ว และมีหลายต่อหลายคนที่รับว่าจะไปลองคุยดู พรรคยังไม่มีนโยบาย จะสื่อสารกันภายใน จะพยายามผลักดัน แต่พรรคก็ยังตัดสินใจไปแบบนี้ สุดท้ายไม่ได้อะไรเลย

- จึงต้องโมโหเป็นพิเศษ เมื่อพรรคเพื่อไทยโหวตไปแล้ว และทำเป็นประกาศเหมือนว่า ตัวเองกำลังจะนิรโทษช่วยคนที่โดนคดีหลายพัน ทั้งที่ความเป็นจริงเราคุยกันแล้วหลายช่องทาง หลายครั้งว่า มันไม่ใช่ ไอ้ที่ลงมติรับไปนั้นเป็นร่างช่วยเสื้อเหลือง กปปส. ส่วนอีกฝั่งหนึ่งแทบไม่มีใครได้เลย ข้างในพรรคก็รู้เรื่องนี้แล้วแต่ทีมงานสื่อสาร ถ้าไม่โง่มากๆๆๆ ไม่ทำการบ้านเลย ก็จงใจตอแหลโกหก และโยนข้อมูลให้กองเชียร์หยิบมาอวดอ้างว่าพรรคนี้กำลังทำความดีอยู่

- ทีนี้เราต้องรู้สึกอย่างไรกับ 6 เสียงของพรรคเพื่อไทยที่ยอมลงมติรับร่าง ต้องขอบคุณไหม ... ไม่นะ ต้องชื่นชมไหม ...​ ก็ไม่แน่ใจ เพราะพวกเขาคิดอย่างนี้จริงๆ และลงมติอย่างนี้จริงๆ เขาทำเพื่อสามัญสำนึกของตัวเอง เพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกแย่ เพื่อให้ตัวเองยังมีอนาคตทางการเมืองเผื่อต้องย้ายพรรค เพื่อให้เดินกลับบ้านแล้วลูกเมียเพื่อนฝูงไม่ด่า เพราะถ้าเขาจะทำเพื่อช่วยนักโทษจริงๆ เขาควรจะทำอะไรได้มากกว่านี้ และควรจะทำตั้งนานแล้ว ไม่ใช่แค่กดปุ่มแปบเดียว

- ในเมื่อคนในพรรคเพื่อไทย รู้แล้ว เข้าใจแล้ว แต่ก็ยังลงมติไปอย่างนั้้น ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า ตอนนี้พรรคเพื่อไทยต้องง้อเสียง 36 เสียงของพรรครวมไทยสร้างชาติเพื่อค้ำยันเก้าอี้รัฐบาลเอาไว้ จึงต้องช่วยผ่านร่างช่วยศัตรู คิดดูแล้วมันน่ารังเกียจขนาดไหนที่พรรคสีแดงมาช่วยผ่านร่างกฎหมายที่ยกเลิกคดีให้กับพรรคสีเหลือง พรรคของประยุทธ์ ไม่บกมือให้ร่างที่เสื้อแดงจะได้ออก แต่เขาก็ทำ

- เท่านั้นยังไม่พอ แม้พรรคเพื่อไทยจะแตกคอกับพรรคภูมิใจไทยไปแล้ว นึกว่าจะไม่สนับสนุนร่างภูมิใจไทย หรืองดออกเสียงสักหน่อย แต่ก็ไม่ ปรากฏยังไปโหวตรับร่างของภูมิใจไทยไปด้วย ทั้งที่เป็นพรรคฝ่ายค้านไปแล้ว ทั้งที่เกลียดกันทะเลาะกันจะตายห่า แสดงให้เห็นว่า ข้างหลังสีแดงกับสีน้ำเงินยังมีดีลอะไรบางอย่าง ที่ใหญ่พอและทำให้พรรคสีแดงไม่กล้าขัดขาสีน้ำเงิน ถ้าแค่จะรับร่างรวมไทยสร้างชาติสีเหลืองไป แล้วกวนตีนตัดขาสีน้ำเงินสักหน่อย ร่างสีน้ำเงินก็ไปต่อไม่ได้แล้ว แต่สีแดงก็ทำตรงกันข้าม คือ เอาเสียงสส. ทั้งหมดที่มีแบกทั้งสีเหลืองทั้งสีน้ำเงิน เดินต่อไปพร้อมกัน อันนี้ก็มองไม่เห็นว่าเขาดีลอะไรกันแต่สุดท้ายคือ สส. จากพรรคสีแดงตอนนี้ลงมติได้เพียงเป็นฐานเสียงให้สีเหลืองสีน้ำเงินเขาเหยียบย่ำ ทำอะไรก็ได้ หักหาญน้ำใจขนาดไหนก็ได้ หักหาญหลักการขนาดไหนก็ได้

- พรรคเพื่อไทยตอนนี้จึงทำตัวเป็นเครื่องมือรองรับอำนาจของศัตรูเก่าอย่างเต็มๆ ยังไม่รู้ว่ามีประเด็นอะไรอีกที่ต้องหวังจากพรรคนี้ นอกจากหวังเห็นเขาได้สส. น้อยลง หรือไม่ได้เลย แบบที่เคยหวังจะเห็นพรรคแบบพลังประชารัฐพังทลายไป

- เคยสงสัยมานานว่า เวลาจะคุมเสียงสส. เป็นร้อยคนให้โหวตทางเดียวกันเขาทำยังไง เพราะสส. บางคนอาจจะเพิ่งวิ่งเข้ามาในห้องประชุมเพื่อลงมติ ไม่ได้ทำการบ้าน ไม่ได้ตามข่าวสาร เคยเข้าใจว่าเขาจะส่งโพยกระดาษ หรือส่งไลน์กันเพื่อบรีฟการลงมติ แต่พอไปนั่งอยู่ในสภาเอง ภาพที่เห็นก็คือ ทั้งพรรคส้มพรรคแดงทำแบบเดียวกัน คือ จะมีทีมงานบางคนทำหน้าที่เดินส่งสัญญาณ ตอนประธานขานให้ลงมติเรื่องต่างๆ ถ้าเป็นพรรคส้มจะมีคนเดินวนๆ แล้วชูนิ้วว่าให้ลงมติอย่างไร ชูหนึ่งนิ้ว หรือสองนิ้ว หรือสามนิ้ว หรือสี่นิ้ว แล้วสส. ที่เพิ่งเข้ามาโหวตก็มองคนนั้นแล้วกดตาม ส่วนพรรคเพื่อไทยยกมือเป็นรหัส ถ้าจะให้รับก็ชูนิ้วโป้ง คือ ให้กดโหวตรับหลักการ ถ้าจะให้โหวตไม่รับหลักการ ก็จะชูนิ้วโป้งคว่ำ ตอนที่ประธานขานให้โหวตร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน ผมก็หันไปมองคนส่งสัญญาณคนนี้ ก็เห็นเขาชูนิ้วโป้งคว่ำๆ แล้วเดินวนไปวนมา ก็รู้แล้วว่าผลจะเป็นยังไง เลยแอบถ่ายรูปเขาไว้

- ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการถ่ายรูปตรงนั้น และเอามาโพสต่อ ผิดกฎระเบียบอะไรหรือเปล่า ถ้าจะโดนแบนแล้วเข้าสภาไม่ได้อีกก็ไม่เป็นไร แต่อยากให้ทุกคนที่เคยร่วมลงชื่อกันเห็นภาพนี้ด้วยกัน ตอนที่เขายกนิ้วโป้งคว่ำให้กับร่างของเราครับ
 
https://www.facebook.com/photo/?fbid=24347697024834294&set=a.164850830212251