วันอาทิตย์, กรกฎาคม 20, 2568

มีเสียงชื่นชม ‘ธนอน’ ที่ไปออกรายการ ‘ผ่าทางตัน’ เอาไปเปรียบกับ ทักษิณ ชินวัตร ในรายการ ‘ปลดล็อคประเทศไทย’ ว่า “มองได้เฉียบขาดกว่า”

พอ ธนอนไปออกรายการ ผ่าทางตัน บ้าง เอ๊ะมีการเปรียบเทียบกับคนก่อนที่ออกรายการของเจ้าเดียวกัน ไม่ทราบเบื้องลึกคนเขียน ภูมิหลังอย่างไร แต่ที่เขาเขียนไว้ แสดงความพอใจ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มากกว่า ทักษิณ ชินวัตร

Thiranai Arpong บอกว่าใช้เวลากว่า ๔ ชั่วโมงดูคลิปเต็มของมทั้งสองคน ผ่าทางตัน แล้วก็ ปลดล็อคประเทศไทย รายละ ๒ ชั่วโมง แล้วสรุปว่า ๑.ในมิติการเมือง “ผมคิดว่าคุณธนาธรเหนือกว่ามาก” เพราะอะไร เขาว่า

“เพราะพูดอยู่บนหลักการชัดเจน ไม่ได้มองที่ตัวเองแต่มองการสร้างการเปลี่ยนแปลง ส่วนคุณทักษิณแค่โดนคำถามแรกไปถึงกับเลิ่กลั่ก และชัดเจนว่าคุณทักษิณมองการเมืองเหมือนเป็นเรื่องส่วนตัว” ไม่รู้เขาอ่าน ปวิน ณ เกียวโต ช่วงนี้มากไปไหม

ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา Pavin Chachavalpongpun เขียนถึงทักษิณอย่าง Critical มาก โดยเฉพาะเรื่องความเป็น อัตตา สูงของทักษิณ เทียบกับบุคคลิกทางการเมืองของ ทรั้มพ์ น่าจะได้ แต่ Thiranai ก็บอกว่า คนดังทั้งสองเห็นตรงกันอย่างหนึ่ง

“ว่าจะแก้ปัญหาอื่นใดมันต้องเริ่มต้นจากการแก้วิกฤติการเมือง” เพียงแต่เขาฟันธงว่า “วิธีการคุณทักษิณและรัฐบาลชุดนี้ไม่มีทางทำได้เลย ส่วนคุณธนาธรก็ยังมีวิบากกรรมจากระบบการเมืองเก่าอีกมาก ไม่รู้ว่าปี ๒๕๗๓ จะได้กลับมาไหม”

ธนาธร พูดในรายการตอนหนึ่งว่า “ปัญหาที่สำคัญที่สุดคือการที่สังคมไทยยังไม่มีข้อตกลงร่วมกันว่าจะแบ่งปันและตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจกันอย่างไร ซึ่งสะท้อนผ่านการมีรัฐธรรมนูญถึง ๓ ฉบับในรอบ ๒๐ ปี” ทางออกที่เขาเสนอก็คือ

“ออกแบบกติกาใหม่” ผ่านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้าไม่แก้ “เศรษฐกิจก็ไปต่อไม่ได้” ต่างกับทักษิณ ตอกย้ำหัวตะปูว่าต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจก่อน “หัวใจน่าจะอยู่ที่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจครัวเรือน” ซึ่งเจ้าของโพสต์รายนี้ว่า

“มันไม่ได้ทำให้ตาลุกวาวเป็นประกาย รู้สึกมีความหวังเหมือนเมื่อ ๒๐ ปีที่แล้ว ประกอบกับนโยบายเรือธงที่รัฐบาลทำอยู่ก็แทบจะไม่เห็นอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน” แต่กับสิ่งที่ธนาธรพูดเรื่องเศรษฐกิจ เชิงโครงสร้าง เป็นหลักใหญ่

“ผมเป็นนักลงทุนผมก็ซื้อนะ ผมว่า ณ ตอนนี้คุณธนาธรมองได้เฉียบขาดกว่า ทำได้ไม่ได้อันนี้ไม่รู้” สิ่งที่ธนาธรพูดแสดงวิสัยทัศน์ออกมาในรายการของ เนชั่น ยืนกรานว่า ว่า การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายของโลก

...หากโครงสร้างทางการเมืองและการจัดสรรงบประมาณยังเป็นแบบเดิม ประเทศไทยจะไม่สามารถปรับตัวได้ทันและจะ ตกขบวน ในที่สุด”

(https://www.facebook.com/TheReportersTH/posts/2QrMpYH8dnt, https://www.facebook.com/thiranai.arpong/posts/2kkmWJ9Vt และ https://www.facebook.com/pavinchachavalpongpun/posts/0CSiq6eb3U)