วันจันทร์, มิถุนายน 23, 2568

“เสียไม่จ่าย ได้จะเอา” วิธีทำธุรกิจแบบเจ้าสัวไทย


วรภพ วิริยะโรจน์
7 hours ago
·
[ “เสียไม่จ่าย ได้จะเอา” ตอน1 ทำธุรกิจแบบเจ้าสัวไทย ไม่มีวันขาดทุน ถ้าขาดทุนก็มาขอให้รัฐช่วย ]
.
จากข่าวการขอยื่นเจรจาเพื่อยกเลิกสัญญา Duty Free 5 สนามบิน ต่อ AOT ที่ทำให้มูลค่าหุ้น AOT ลดลงมาแล้ว 15% หรือ 67,857 ล้านบาท ภายใน 2 วัน ซึ่งชัดเจนว่าเป้าหมายคือการขอเจรจาแก้ไขสัญญา เพื่อลดการจ่ายผลตอบแทนให้ AOT เป็นเรื่องมหากาพย์ที่ต้องติดตาม ว่าจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้เอกชนครั้งใหญ่อีกหรือไม่
.
การแก้ไขสัญญาสัมปทาน Duty Free ไม่ใช่ครั้งแรก ตั้งแต่มีการประมูลสัมปทาน Duty Free เมื่อปี 2562 ซึ่งให้เอกชนประมูลแข่งกันเสนอ ผลตอบแทนขั้นต่ำที่เรียกว่า Minimum Guarantee ซึ่งในการประมูลนี้ กลุ่มทุนที่ชนะประมูล ยื่นข้อเสนอสูงสุดที่ 23,548 ล้านบาทต่อปี (หรือ จ่ายผลตอบแทน 20% ของรายได้ แล้วแต่ค่าใดจะมากกว่า) ตลอดอายุสัญญา 10 ปี ซึ่งหมายความตอนประมูล เอกชนต้องรับความเสี่ยงเอง ถ้านักท่องเที่ยวมาน้อยหรือเอกชนสร้างรายได้น้อยกว่าที่เอกชนคาดการณ์ตอนยื่นประมูล
.
และช่วง โควิด-19 ก็มีการแก้ไขสัญญาและลดเงื่อนไขการจ่ายไปแล้ว 9 ครั้ง โดยที่สำคัญคือ เปลี่ยนไปใช้สูตร ผลตอบแทนขั้นต่ำ Minimum Guarantee “ต่อหัวผู้โดยสาร” แทนที่ “เงินก้อน (23,548 ล้านบาท)” และแม้จำนวนนักท่องเที่ยวจะฟื้นตัวอย่างชัดเจน แต่เอกชน Duty Free ก็ยังคงขาดทุน (งบการเงินปี 66 ขาดทุน 651 ล้านบาท) จึงเสนอขอเจรจาแก้ไขสัญญาอีกครั้ง และ ระหว่างเจรจาจะขอจ่ายเฉพาะ 20% ของรายได้ โดยไม่อ้างอิงผลตอบแทนขั้นต่ำต่อจำนวนผู้โดยสารด้วย! คือ ไม่จ่ายแล้วผลตอบแทนขั้นต่ำต่อหัวผู้โดยสารที่แก้ไขสัญญาไปช่วงโควิด
.
ถ้ารัฐ (AOT) ยอมรับข้อเสนอ แก้ไขยกเลิกการจ่ายผลตอบแทนขั้นต่ำต่อหัวผู้โดยสาร เหลือเพียง 20% ของรายได้เท่านั้น ก็มีการประเมินว่า รายได้ของ AOT อาจจะลดลงประมาณ 5,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่มีนัยสำคัญต่อสาธารณะ เพราะอย่าลืมว่า AOT มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือกระทรวงการคลัง ถือหุ้น 70% หรือ หมายความว่ากำไรของ AOT คือรายได้ของประชาชนทุกคน
.
และจะเป็นการย้ำบรรทัดฐานใหม่ที่อันตราย ว่าเอกชนสามารถเสนอผลตอบแทนสูงๆ เพื่อให้ชนะการประมูลสัมปทานรัฐมาก่อน แล้วค่อยมาขอเจรจาเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขภายหลังถ้าขาดทุน เพราะนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของประเทศไทยที่เจ้าสัวไทย ทำแบบนี้ เช่น ตัวอย่าง รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ที่ประมูลมาแล้ว 6 ปี แต่ไม่ยอมก่อสร้าง เพื่อหวังจะมาเจรจาแก้ไขสัญญาทีหลัง
.
สิ่งที่ รัฐ หรือ AOT ควรทำคือการยึดประโยชน์ของสาธารณะเป็นหลัก คือ การยึด Bank Guarantee 11,000 ล้านบาท ที่ยื่นมาตอนลงนามสัญญา และ เปิดประมูลสัมปทานใหม่โดยเร็ว จะเป็นหนทางที่เป็นประโยชน์กับรัฐมากที่สุด และการใช้สิทธิตามสัญญานี้อาจเป็นกลไกที่ทำให้เอกชนตระหนักถึงความจริงจังของภาครัฐในการคุ้มครองผลประโยชน์สาธารณะ มากกว่า ที่จะยอมแก้ไขสัญญาให้กับการทำธุรกิจแบบที่ว่า “เสียไม่จ่าย ได้จะเอา”
.
ชวนติดตามมหากาพย์ สัมปทาน Duty Free ที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยกำลังจะแก้ไขสัญญาเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนผูกขาด เจ้าสัวไทย กันอีกครั้ง ต่อจาก เรื่อง การสานต่อการรับซื้อไฟฟ้าเพิ่ม, การแก้ไขสัญญารถไฟ 3 สนามบิน ถ้าประชาชนไม่สนใจ ก็จะเป็นอีกครั้งที่รัฐบาลกำลังจะเอาเงินของประชาชนทุกคนมาอุ้มเจ้าสัวอีกครั้ง

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1294647992667983&set=a.337967835002675