
ประชาไท Prachatai.com
19 hours ago
·
สำหรับคอการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย-กัมพูชา มีเรื่องให้ต้องจับตาดูกันอีกครั้ง เพราะเมื่อเช้าตรู่ของวันที่ 28 พ.ค.2568 เกิดเหตุปะทะกันบริเวณ ‘ช่องบก’ จ.อุบลราชธานี ระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา ผลของการแลกกระสุนทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย
.
ล่าสุด สถานการณ์ดูจะคลี่คลายลงไปบ้าง เพราะกองทัพบกไทยและกัมพูชาได้ตกลงร่วมกันว่าจะยึดแนวทางสันติในการแก้ไขปัญหา โดย 1.ทหารทั้ง 2 ฝ่ายจะยอมถอยออกจากจุดปะทะคนละ 200 เมตร 2.ทั้งสองฝ่ายจะอดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น 3.ใช้แนวทางแก้ไขปัญหา โดยการหารือผ่านคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) ซึ่งมีคิวประชุมช่วงต้นเดือน มิ.ย.นี้
.
บางคนอาจมองเรื่องนี้อย่างชินชา นับตั้งแต่มีกรณีปราสาทเขาพระวิหารเมื่อปี 2554 แต่มีข้อน่าสังเกตว่า ทำไมกระแสพิพาทเขตแดนไทย-กัมพูชา กลับมาก่อตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่พรรคเพื่อไทยสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จเมื่อปลายปี 2566
.
ปีที่ผ่านมา (2567) มีการหยิบข้อพิพาทเขตแดนทางทะเล และเขตแดนบนบกขึ้นมากล่าวถึงหลายกรณี เริ่มที่เกาะกูด ตามมาด้วยศาลาตรีมุข อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี, ข้อพิพาทกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์, กรณีการขุดคูเลตที่เนิน 745 (ช่องบก) และการปะทะรอบล่าสุดในบริเวณใกล้ๆ กัน
.
เกริ่นสักนิดสำหรับกรณีข้อพิพาทเขตแดนของกลุ่มปราสาทตาเมือน ประกอบด้วย ปราสาทหิน 3 องค์ คือ ตาเมือนธม ตาเมือน และตาเมือนโต๊ด ตั้งอยู่ใน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ คร่อมสันปันน้ำอยู่ และยังไม่ได้มีการปักปันเขตแดนให้ชัดเจน
.
ข้อมูลจากเอกสารประกอบการพิจารณา (อ.พ. 4/2551) การประชุมร่วมกันสมัยสามัญนิติบัญญัติ สภาผู้แทนราษฎรไทย อ้างรายงาน "สำรวจุดพิพาทเขตแดนไทย-เขมรพื้นที่ซับซ้อน บก-ทะเล" เผยแพร่ในเว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ 18 ก.ค.2551 ซึ่งสังเขปเนื้อหาจาก "จุลสารความมั่นคงศึกษา ฉบับที่ 38 (2551) ที่ระบุว่า เคยมีการประชุมเจ้าหน้าที่เชิงเทคนิค นำโดย ประชา คุนะเกษม ที่ปรึกษา รมว.กระทรวงการต่างประเทศ และประธาน JBC ฝ่ายไทย และวาร์ กิมฮง ที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชา และประธาน JBC ของกัมพูชา โดยฝ่ายไทยเสนอเมื่อปี 2544 ให้มีการจัดตั้งคณะสำรวจเขตแดนด้วยเท้าร่วมกัน เพื่อตรวจสอบสันปันน้ำในภูมิประเทศบริเวณปราสาท เพื่อนำมาพิสูจน์ทราบตำแหน่งปราสาททั้ง 3 หลัง
.
ครั้งนั้น ทางฝ่ายกัมพูชา อ้างว่า ได้ตรวจสอบตำแหน่งของปราสาทตาเมือนธม และตาเมือนโต๊ดแล้ว ประกอบกับหลักฐานบันทึกว่าจากการปักปันเขตแดน หมายเลข 23 ระหว่างไทย-ฝรั่งเศส เมื่อปี 2451 แสดงสัญลักษณ์ว่า ทั้ง 2 ปราสาทอยู่ในเขตกัมพูชา
.
ขณะที่ฝ่ายไทยใช้หลักฐานแผนที่ L7017 มาตราส่วน 1 : 50,000 ปี 2527 ที่ไทยยึดถือ และแผนที่ชุด L7016 มาตราส่วน 1:50,000 ที่สหรัฐฯ จัดทำเมื่อปี 2514 และกัมพูชายึดถือ ปรากฏเส้นเขตแดนตรงกันคือ ปราสาทตาเมือนธมอยู่ในเขตกัมพูชา แต่ว่าอีก 2 ปราสาท (ตาเมือนโต๊ด และตาเมือน) อยู่ในเขตไทย
.
ปัจจุบัน ปัญหาเขตแดนนี้ยังไม่ได้ข้อยุติ และสถานะตอนนี้คือให้ทั้ง 2 ฝ่ายคงทหารไว้ฝ่ายละ 5 คน
.
อีกกรณีที่มีการรายงานตามสื่อเมื่อกลางเดือน พ.ค. 2568 ที่ทหารไทยพบว่ากัมพูชาขุดคูเลตที่ช่องบก จ.อุบลฯ ซึ่งปัจจุบันดูเหมือนสถานการณ์จะคลี่คลายลง เพราะฝ่ายไทยคุยกับกัมพูชา ยืนยันว่ามันผิดข้อตกลง MOU43 ข้อ 5 ซึ่งระบุว่า เพื่ออำนวยความสะดวกในการปักปันเขตแดน เจ้าหน้าที่ 2 ฝ่ายไม่สามารถดำเนินการให้สภาพแวดล้อมมันเปลี่ยน เพื่อไม่ให้สันปันน้ำมันเปลี่ยน เพราะเขตแดนยังไม่ได้ปักปัน ยังไม่ทราบว่าเขตแดนของใคร จนมาถึงกรณีล่าสุด คือ จุดปะทะที่ช่องบกใกล้ๆ
.
เบื้องหลังของกระแสข้อพิพาทเขตแดนที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ เป็นความบังเอิญหรือจงใจ เหตุการณ์เหล่านี้สะท้อนอะไรในความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา และจะเป็นอุปสรรคต่อไปในอนาคตอย่างไร หากมีความร่วมมือร่วมกันระหว่าง 2 ประเทศนี้
.
เพื่อร่วมตอบคำถามดังกล่าว ประชาไทชวน ‘สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี’ อดีตสื่อมวลชนมากประสบการณ์ และนักวิชาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศภูมิภาคอาเซียน มาร่วมมองเบื้องหลังปรากฏการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา และความไม่ไว้วางใจของขุนศึกศักดินาต่อรัฐบาลที่นำโดยตระกูล ‘ชินวัตร’
.
ผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม อุปสรรคของการพัฒนาความสัมพันธ์ร่วมกับเพื่อนบ้าน และข้อเสนอเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ ซึ่งตัวเขาเองยอมรับว่า “ไม่ง่ายนักที่จะลดอารมณ์ความรู้สึกของสังคมไทยขณะนี้”
.
อ่านรายละเอียดบทสัมภาษณ์ คลิกลิงก์
https://prachatai.com/journal/2025/06/113148
มีการแก้ไขเมื่อ 3 มิ.ย. 2568 เวลา 16.13 น.
https://www.facebook.com/photo/?fbid=1135616781945961&set=a.643704854470492
มีการแก้ไขเมื่อ 3 มิ.ย. 2568 เวลา 16.13 น.
https://www.facebook.com/photo/?fbid=1135616781945961&set=a.643704854470492