วันศุกร์, พฤศจิกายน 19, 2564

โถตู่ ฝันเปียกชื้น เปิดประเทศทั้งยังเสี่ยงก็ยังไม่มีท่าจะดีนัก ติดก็ตรงปัญหา ‘แผนดีแต่วิธีทำห่วย’

โถตู่ อุตส่าห์ชวนพวกพ้องและลูกน้องลายพรางเก่า ใส่เสื้อลายพร้อยหลากสีไปยืนเหม่อลอยริมน้ำ ทำท่าเพ้อฝันดังว่าพวกเรามาถูกทางแล้ว ที่ดันทุรังเปิดประเทศทั้งที่ยังไม่พร้อม ไม่ว่าจะเรื่องป้องปรามโควิด หรือปลดเปลื้องปัญหาเชื้อเพลิงแพง

ที่ไหนได้ความฝันนั้นกลับเปียกชื้น เมื่อธนาคาร เอชเอสบีซีที่ทรงอิทธิพลของฮ่องกงเปิดผลงานวิจัยเรื่อง บางกอกกวักมือออกมาสู่สายตาชาวโลกว่า “เป็นก้าวแรกที่ถูกต้อง แต่การฟื้นตัวในระยะสั้นจะยังไม่เกิด” อาการแบบนี้ฝรั่งมักเรียก ‘Good strategy, but bad execution.’

ก่อนอื่น การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจาก ๖๓ ประเทศที่ความเสี่ยงแพร่เชื้อโควิดต่ำ “โดยไม่ต้องกักตัว” ตั้งแต่เมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกานี้ ยังมีความเสี่ยงอย่างยิ่งต่อการเกิดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ระบาดอีกครั้ง เพราะตัวเลขการติดเชื้อและคนตายลดลงไปเพียงเล็กน้อย

ตลอดจะสามอาทิตย์ที่ผ่านมา ถ้าใส่ใจติดตามสถิติโควิดจะเห็นว่าตัวเลขลดลงจากเมื่อก่อนตอนพี้ค เกือบครึ่งแต่ไม่ได้ลดต่อเนื่องอย่างที่สาธารณสุขพยายาม เคลมจำนวนคนติด คนตาย เพิ่มแต่ละวันอยู่ที่ ๖-๗ พัน และ ๕๐-๖๐ รายสม่ำเสมอ

หมายความว่าอาจจะอยู่ในสถานะคงที่ตายตัว หรือ ‘plateau’ แต่ก็อาจขึ้นหรือลงต่อไปก็ได้ ถ้าเมื่อไรพุ่งๆ ขึ้นไปไม่หยุดแบบ ‘trajectory’ ละก็เสร็จมัน ถ้าเอาแต่ลงๆ ไม่หยุดยั้ง ก็ต้องบอกว่าเออเอ็งเก่ง (ตู่น่ะ) แต่ขณะนี้ยังลูกผีลูกคน

ที่เอชเอสบีซีพยายามจะบอกนั่น ว่าการเสี่ยงเปิดประเทศของไทยมุ่งหมายล้วงเงินจากกระเป๋านักท่องเที่ยว ถ้ามีนักท่องเที่ยวเดินทางมาให้ล้วง แต่ “ปัญหาใหญ่ที่เป็นที่รู้กันแต่ไม่มีกล้าพูดถึงก็คือ ไร้นักท่องเที่ยวจีน” นักวิจัยฮ่องกงบอก

ไทยเคยได้เป้นกอบเป็นกำจากนักท่องเที่ยวจีน “๓๐% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เข้าประเทศ” ก่อนการระบาดใหญ่โควิด ตอนนั้นไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวถึง ๑๑% ของจีดีพี แต่ตอนนี้ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว “มีตัวเลขคนตกงานมากกว่าตัวเลขทางการ”

เมื่อ ๑๕ พ.ย.เลขาฯ สภาพัฒน์ (สศช.) ดนุชา พิชยนันท์ ยอมรับว่า “ยอดจำนวนนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะจากโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่คาด” หวังจะได้เดือนละแสนคน “แต่ว่าผลที่เกิดขึ้นมีอยู่ประมาณ ๔๐,๐๐๐ คนเท่านั้น” เศร้าสิ

“หากพิจารณาจากเที่ยวบินที่เหลือในช่วงสองเดือนนี้ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพียง ๒๕๗,๐๐๐ คน และสร้างรายได้ราว ๑๓๐,๐๐๐ ล้านบาท” คิดดู กู้ไปแล้วเป็นล้านล้าน ทิ้งหนี้ไว้ให้ลูกหลานชดใช้ ตู่ตาย ๕ ไปแล้วไม่รู้ใช้หมดไหม

เลขาฯ สภาพัฒน์คาดว่าปีหน้าดีกว่าปีนี้ รายได้จากนักท่องเที่ยวจะเป็น ๔๔๐,๐๐๐ ล้าน จากจำนวนนักท่องเที่ยว ๕ ล้านคน หยุน หลิว นักวิจัยแบ๊งค์ฮ่องกงเพิ่มให้เป็น ๘.๕ ล้านคน ก็น่าจะดีขึ้นไปใหญ่ เท่ากับ ๒๐% ของจำนวนเมื่อปี ๖๒

เขาใจปั้มว่าเอ้าเพิ่มเป็น ๑๐ ล้านคนยังได้ ๒๕% ของยุครุ่งเรืองก็ยังดี คงจะทำให้ “ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทย ที่เอชเอสบีซีคาดว่าจะติดลบ ๓% ของจีดีพีปีนี้ ไปเป็นบวก ๐.% ในปีหน้า” กำขี้ดีกว่ากำตด ทว่าทั้งหมดขึ้นอยู่กับจำนวนจริงนักท่องเที่ยว

จีนนั้นเพิ่งเจอปัญหา ‘surge’ การระบาดโควิดกลายพันธุ์ถีบตัวขึ้นสูงในบางมณฑล จึงยังไม่มีเบาะแสว่าเมื่อไรจะเปิดให้ประชาชนออกท่องเที่ยวกันอูฟูเหมือนเมื่อก่อน แม่สายบัวไทยก็แต่งตัวรอเก้อ แล้วไอ้ที่คาดจะมีมาพอยาไส้นั้นน่ะ

เจอปัญหาแบบว่าเชื้อฝังชิป (ถ้าไม่ใช่กรรมพันธุ์) เข้าให้อีก อย่างที่บอกไว้ตอนต้น แผนดีแต่วิธีทำห่วยรู้ๆ กันอยู่ว่าทักษะในการบริหารงานเชิงธุรกิจของตู่ไม่มีแม้ขี้เล็บ อย่างนี้ก็มองไม่เห็นแสงไฟที่ปลายอุโมงก์น่ะสิ เอางี้ดีไหม

เลือกตั้งครั้งที่ถ้าจะมีมา ยอมๆ ให้พวกนักแลนด์สไล้ด์เขาเอาไปทำกันใหม่ พอบ้านเมืองได้อิ่มหมีพีมันดีแล้วค่อยกลับมายึดอีกที อ้างว่าทำเพื่อเจ้านายเหนือหัว ไม่ต้องห่วงพี่ที่คลับเฮ้าส์คนนั้นเขาจะมากวนใจ

(https://www.bbc.com/thai/59335544dic และ https://www.khaosod.co.th/politics/news_6739184)