วันศุกร์, พฤศจิกายน 26, 2564

ที่ว่า “ดอนสอนมวย” ฝ่ายค้านเรื่องไปพม่า จริงๆ แล้วก็ 'หิวแสง' นั่นแหละ “เตี้ยอุ้มค่อม”

อ่า ที่ วาสนาบอก “ดอนสอนมวย” สมาชิกสภาฝ่ายค้านเรื่องไปพม่าโดยไม่โพนทะนานั้นน่ะ เป็นคำผวนซ่อนความหมายถึง ส่วยส่งหม่องไปมอบบรรณาการ ๑๗ อย่างละมัง มิใยวิปฝ่ายค้านตอกว่า “เป็นเหตุการณ์เชื่อมโยง ส่งผล”

ทำให้ไทยไม่ได้รับเชิญเข้าร่วมประชุม สุดยอดเพื่อประชาธิปไตย ออนไลน์ ที่สหรัฐเป็นผู้จัดคุยระหว่างประเทศต่างๆ ทั่วโลก เป้าหมาย “หยุดยั้งการเสื่อมถอยทางประชาธิปไตยและการพังทลายของสิทธิและเสรีภาพทั่วโลก” ระหว่างวันที่ ๙-๑๐ ธันวา

เนื่องจากขณะนี้ไทยกำลังถูกเพ่งเล็งจากประชาคมโลกว่าทำตัวเป็นฝักฝ่ายกับเผด็จการทหารพม่า ที่ให้การสนับสนุน มิน อ่อง หล่าย อย่างออกนอกหน้า แม้จะโดนข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติแถลงเตือนกรณีละเมิดพันธกรณีสิทธิมนุษยชน

นางกิลเลียน ทริกส์ ผู้ช่วยข้าหลวงใหญ่ ยูเอ็นเอชซีอาร์ระบุถึงการที่รัฐบาลไทยส่งตัวผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชากลับไปให้รัฐบาลฮุนเซนจับยัดคุก “๓ คนคือนายเวือน เวียสนา, นายเวือง สมนาง ซึ่งขึ้นทะเบียนเป็นผู้ลี้ภัยภายใต้ความคุ้มครองของยูเอ็น”

กับอีกคนคือ นายฐาวรี ลันห์ อดีตหัวหน้าคอมมูนในกัมพูชา ทั้งนี้หลังจากที่มีการส่งตัวผู้ลี้ภัยชาวเขมร ๒ คนกลับไปกัมพูชา เกิดขึ้นเพียง ๑๐ วันก่อนหน้า ทั้งๆ ที่ทางยูเอ็นเอชอาร์ซีได้แจ้งรัฐบาลไทยขอความร่วมมือไว้ก่อนแล้วว่าอย่าส่ง

เพราะทั้งคู่อยู่ในความคุ้มครองขององค์การโลก แต่ทางการไทยก็ไม่ใยดีต่อคำขอร้องนั้น มานี่กรณีรัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจของพม่า ซึ่งชาติประชาธิปไตยทั่วโลกรวมทั้งสมาชิกอาเซียนต่างพยายามที่จะโดดเดี่ยว ไทยก็ยังไม่แยแส

ดอน ปรมัตถ์วินัย ตอบกระทู้ฝ่ายค้านว่าการไปพม่าของตนไม่ใช่ หิวแสง และไม่ได้ทำลับๆ ล่อๆ แต่ตนรับอาสาจากรัฐบาลไทย เพราะตนเป็นผู้ชำนาญเรื่องพม่ามา ๔๐ ปี “นำสิ่งของ เวชภัณฑ์ที่ได้รับบริจาคจากภาคเอกชนรวม ๑๗ องค์กรไปช่วยเหลือ”

หลายต่อหลายคนก็งงว่านโยบายดีๆ อย่างนี้ ถ้าทำในเวลาที่ประเทศชาติอูฟูเหมือนตอนก่อนรัฐประหารก็จะเลิศเลอแหละ แต่ขณะที่ประชากรไทยกำลังอมทุกข์ ข้าวถูก (ขายขาดทุน) ผักแพง (ทหารปลูกไม่ทัน) กันอย่างนี้ แถมวัคซีนดีๆ ก็โดนกีดกัน

มันก็เลยกลายเป็นนโยบายหิวแสงนั่นละ มีลักษณะเตี้ยอุ้มค่อม ต้องกู้เขามาแล้วเอาไปบริจาค รอกุศลชาติหน้าและอาจต้องสะสม ๑๐ ชาติเหมือนเวสสันดร แต่ชาตินี้ประชากรอดอยากปากแห้ง มีแต่ดอนกับตู่เท่านั้นมั้งที่หน้าบาน

แล้วยังอวดดีเหมือนกันเลยทั้งสองคน รู้มากแต่ไม่ถูกเรื่อง เช่นที่ดอนตอบกรณี ไม่ได้รับเชิญว่า “การประชุมดังกล่าวเป็นเรื่องการเมืองล้วนๆ...เล่นงานกันและกัน...เพราะฉะนั้นมันไม่แปลกของการไม่ได้รับเชิญ บางเรื่องเราดีใจด้วยซ้ำไม่ต้องเชิญเรา”

ใช่สิ ขืนไปคุยกับเขา ประเภทฝักใฝ่เผด็จการอย่างนี้ โดนตอกหน้าหงาย มิใย ปณิธาน วัฒนายากร “นักวิชาการสายความมั่นคง” คณะรัฐประหาร พยายามจะบอกว่าสหรัฐจัดประชุมเพราะตัวเองประชาธิปไตยถดถอย ก็จริงในส่วนย่อย

เพราะระบอบ ‘Trumpism’ ทำให้พวกที่ชอบ เชื่อผู้นำชาติพ้นภัย(Autocracy) เสียงดังขึ้นมา แต่ก็สุดโต่งอยู่สมัยเดียว แม้จะอยากกลับมาใหม่อีกสมัยหน้า จึงยังพยายามป่วนกันอยู่ไม่หย่อนในสมัยนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าประชาธิปไตยเสื่อมถอย

ปณิธานบอกว่า “ประชาธิปไตยไม่ใช่สาธารณรัฐ ไม่ใช่ประธานาธิบดีเป็นประมุข หรือเลือกตั้งทุกอย่าง” ก็ถูกอีก แต่ประชาธิปไตยย่อมไม่ต้องมี autocrat เป็นผู้นำและ/หรือประมุขอย่างแน่นอน แล้วแม้ไม่ต้องเลือกตั้งทุกอย่างไป

ย่อมไม่ใช่ เลือกกันเอง ในหมู่ผู้แข่งขัน หรือแต่งตั้งคนกลุ่มหนึ่งมาเป็นสภาทำหน้าที่เลือกให้ นั้นมันไม่ใช่ประชิปไตยตั้งแต่ต้นน้ำ ถ้าได้ประชาธิปไตยมาโดยการพระราชทาน ต้องเรียกว่าประชาธิปไตยของชนชั้นผู้ปกครอง

ในความรู้สึกและอารมณ์เดียวกับ ประชาธิปไตยของชนชั้นกรรมาชีพ ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่คนเห็นต่างขั้วอยู่ร่วมกันได้โดยสันติ เฉกเช่นประชาธิปไตยแบบอเมริกัน เยอรมนี และแคนาดา ฯลฯ

(https://www.komchadluek.net/scoop/494186?twitter=, https://www.matichon.co.th/foreign/news_3057956 และ https://www.facebook.com/matichonweekly/videos/630424038147572/)