วันพุธ, เมษายน 28, 2564

อานนท์นิด้า 'โหนหนัก' ขณะตั้วเฮี่ย 'ฟาดหาง' ไม่รู้ตอนนี้เป็นราชาธิปไตยเหนือ รธน. หรือ ปชต.ใต้อำนาจที่ออกแบบมา


มันก็เศร้าน่ะนะ ที่เราต้องมารับรู้ขี้เถ้าในหัว อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ขับถ่ายออกมาทางสื่อสังคม “รัฐประหารจำเป็นกับเมืองไทย...เที่ยวนี้ต้องกวาดล้างให้สิ้นซากไม่ให้เหลือขยะแผ่นดิน จำเป็นต้องโหด...แล้วรีบถวายคืนพระราชอำนาจ”

มันเศร้ากว่านั้นเมื่อคนที่อยู่ในฐานะตำแหน่ง (แม้จะได้จากการแย่งเขามา) ปกปักรักษา “ระบอบราชาธิปไตยที่มีรัฐธรรมนูญ” ดังที่อานนท์นิด้าอ้าง ทั้งที่ Constitutional monarchy ต้องหมายถึง อำนาจกษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ

“ประเทศไทยต้องปกครองด้วยระบอบราชาธิปไตยที่มีรัฐธรรมนูญ (Constitutional monarchy) ไม่ใช่สมบูรณาญาสิทธิราชย์ (Absolute monarchy) และไม่จำเป็นต้องเป็นประชาธิปไตย (Democracy) แต่อย่างใดเลย” อานนท์เพิ่งเขียนไว้ ๒๗ เมษายน

“ถ้าประชาชนโง่ ประชาชนชั่ว ประชาชนเลว ประชาชนเห็นแก่ตัว เป็นประชาธิปไตยเมื่อใด ฉิบหายเมื่อนั้น ประชาชนเป็นใหญ่ไม่ได้...” เสือ กอ้าง พุทธทาสภิกขุซะอีก “ต้องประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่... ธรรมาธิปไตยต้องมาก่อน”

จะเอาอะไรกันแน่ ราชาธิปไตยหรือธรรมาธิปไตย เพราะในสภาวะการณ์ปัจจุบันเหมือนว่าสองสิ่งนั่นเดินห่างจากกัน เห็นได้จากเรื่องราวในเรือนจำที่เยาวชนคณะราษฎรผู้ถูกข้อหาหมิ่นกษัตริย์และไม่ให้ประกัน รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล กำลังประสพ

“ถึงการดูแลผู้ต้องขังในเรือนจำ ที่ไม่สามารถคืนคนดีกลับสู่สังคมได้ คนที่เข้ามาในคดีค้ายา เข้ามาในเรือนจำก็มาหาลู่ทางดิวยาจากข้างใน เพื่อไปสานต่อข้างนอก แล้วก็วนกลับเข้ามาในเรือนจำซ้ำอีก...วนลู้บกลับเข้ามาในคดีเดิมอีกคนแล้วคนเล่า”

เนื้อความที่ อานนท์นิด้าเอาไปลงเฟชบุ๊ค เจตนาผลักดันให้มีการเข่นฆ่าประชาชนอีกในแบบเหตุการณ์ ๖ ตุลา ๑๙ “เที่ยวนี้ก็จำเป็นต้องทำ” เพื่อให้เกิดผล “กระบวนการฝ่ายซ้ายกระจัดกระเจิงไม่ผุดไม่เกิด... มาเกือบ ๓๐ ปี”

ยังมีที่ไปแขวะประชาธิปัตย์ “ด่ามาร์คด่าชวนไปเรื่อย แล้วก็ย้ำว่าถ้าจะเป็นพรรคกษัตริย์นิยมซึ่งประชาชนต้องการ ก็ต้องลดบทบาทการต่อต้านเผด็จการหรือกองทัพลง” คือทั้ง โหนเจ้า และ เลียขุนศึก ไปพร้อมกัน พรรคสีฟ้าโดนหนักว่า “กึ่งเหลือง กึ่งร่าน”

เหตุนั้นทำให้ข้อเรียกร้องให้ นิด้า สอบจริยธรรมอานนท์ ศักดิ์วรวิทย์ ทาง change.org ไม่ทันข้ามวัน เสียงสนับสนุนเข้าไปเป็นหมื่นแล้ว


สิ่งที่อานนท์นิด้าเขียนเหล่านั้น ไม่มีอะไรมากกว่าแสดงให้ประมุขราชวงศ์เห็น แล้ววันหนึ่งข้างหน้าไม่นาน จะได้รับตบรางวัลให้ไปเป็น องค (มนตรี แห่ง) ชาติกับเขาบ้าง แต่การกลับถีบย้อนเข้าให้ เมื่อมี คนรักเจ้า รายหนึ่งติติงกึ่งตอบโต้

“การที่อาจารย์ปวารณาตนเป็นผู้จงรักภักดีและดำเนินชีวิตตามรอยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ นั้น ย่อมไม่ควรทำในสิ่งที่ทำอยู่ทุกวันนี้...การปวารณาตนและการแสดงออกของอาจารย์จึงทำให้พระองค์ท่านแปดเปื้อนหม่นหมอง” (Pansit Torsuwan)

พระองค์ท่านที่ว่านั้น ไม่อยากเดาว่าจะจง ร.๙ หรือ ร.๑๐ แต่อาจเหมารวมทั้ง ๙ และ ๑๐ ให้เป็นองค์กรหรือสหบุคคล ซึ่ง สูงส่งเหลือล้น แต่ก็หนีไม่พ้นทำให้ แปดเปื้อนหม่นหมองจนต้องจัดการ อาจไม่ถึงขนาด พิสิทธ์ศักดิ์ หมอหยอง ปากรม

ก็คงมีการ ซ่อม หรือ ชำระ บ้าง เพื่อให้ผุดผ่องยองใย “เที่ยวนี้จำเป็นต้องทำ” เพื่อลบล้างภาพลักษณ์อื่นๆ ที่เคยมีตั้งแต่ครั้งอังกิด เมกา ออสซี่ จนกระทั่งถึงเจอมนี เวลานี้จิตรอาสา หนองโคกนาคนละภาพกัน ไม่งั้นลูกจะไม่เป็นดวงตาและดวงใจ

ว่ากันว่าสิ่งที่อานนท์นิด้าเสนอ ลอกมาจาก “ร่างรัฐธรรมนูญฉบับพระยากัลยาณไมตรี (Dr. Francis Bowes Sayre) ฉบับแปลโดยวิษณุ เครืองาม ที่ให้อำนาจอธิปไตยเป็นของพระมหากษัตริย์ เป็นผู้ “แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี อภิรัฐมนตรี และองคมนตรีสภา”

ซึ่ง Thanapol Eawsakul บอกว่า “ไม่มีอะไรมากกว่าการกลับไปหา สมบูรณาญาสิทธิราชย์แบบมีรัฐธรรมนูญ” และ “ไปถึงขั้นว่า ต้องทำลายประชาธิปไตยเพื่อปกป้องสถาบัน ตามที่ Atukkit Sawangsuk ชี้ว่าลามปามไปถึง ปชป.สุดที่รักด้วย

ขณะที่ ตั้วเฮี่ยออกอาการอย่างใหม่ ขณะสภาวะโควิดย่ำแย่ แม่งคุณมรึงฟาดหาง ไล่เบี้ย “รัฐมนตรีบางคนพูดจาไม่ดี และนินทาผมในที่ประชุมบางวง ให้ระวังตัวไว้ด้วย...ถ้ามีปัญหาผมจะพิจารณาเอาออก ผมจะไม่ให้โควต้าพรรค จะดึงมาเป็นโควต้าผม”

ปรากฏว่าดึงไปแล้วก่อน พิจารณาเอาออก ตามข่าว “คณะรัฐมนตรีพร้อมใจประเคนอำนาจที่มีตามรัฐธรรมนูญ” ใน ๓๑ พรบ. ไปให้อยู่ในกำมือ ประยุทธ์ จันทร์โอชา จนล้น ดั่งว่าจะแข่งกับ ราชาธิปไตยที่มีรัฐธรรมนูญ

(https://www.facebook.com/WassanaJournalist/posts/4045301138861647, https://www.facebook.com/NewsXtra168/photos/a.125926882158114/481135593303906 และ https://www.change.org/p/8C-nida/A3A8-signed=true)