วันเสาร์, ธันวาคม 16, 2560

บันได ๘ ขั้นในการตายของนักเรียนเตรียมทหาร #น้องเมย

หัวอกแม่ #น้องเมย
นายทหาร ๖ คนนั่งแถลงข่าวอย่างสุขุมคัมภีรภาพ แต่เนื้อหาที่ออกมา “น่าอับอายมาก น่าสังเวช” อย่างที่มารดาผู้ตายเขียนประชดไว้บนเฟชบุ๊ค

พล.อ.อ.ชวรัตน์ มารุ่งเรือง รองเสนาธิการทหารนำทีมแถลงอย่างเป็นทางการ ถึงการเสียชีวิตของ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ ๑ ตอน ๑๓ รุ่น ๖๐ เหล่า ทบ. โดยแจ้งรายละเอียดน่าทึ่ง

คือบอกว่าได้สอบสวนผู้เกี่ยวข้องหรือรู้เห็น ๔๒ คน รวมทั้งเพื่อนร่วมรุ่น รุ่นพี่ นายทหารบังคับบัญชา แพทย์จาก ๓ โรงพยาบาล ไปจนกระทั่งคนขับรถ รวมทั้งยาม แต่กระนั้นก็ยังขาดจุดสำคัญไป

พล.อ.อ.ชวรัตน์ กล่าวว่าได้เรียกนักเรียนเตรียมทหาร “ทั้งปี ๓ และปี ๑” มาสอบปากคำด้วย แต่ไม่มีรุ่น ๕๙ หรือปี ๒ ซึ่งมีข้อครหาทางโซเชียลมีเดียก่อนหน้านี้ว่าคนหนึ่งในรุ่นนั้น เป็นลูกคนใหญ่คนโตใน คสช. เป็นผู้ที่จัดการ ซ่อม น้องเมย ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนบักโกรกมาแล้วครั้งหนึ่ง ก่อนหน้าเหตุการณ์ในอาทิตย์ที่เสียชีวิต

ถึงแม้จะถือได้ว่าเป็นเรื่อง ‘hearsay’ เลื่องลือ ชาวบ้านพูดกันไป แต่ในการสอบสวนที่รอบด้านต้องเอาประเด็นเหล่านี้มาพิจารณาด้วย ในแง่การตรวจสอบให้ชัดเจนจะได้ใช้ยืนยันว่า โคมลอยมิฉะนั้นเป็นการละเลย ยิ่งถ้าเป็นข้อมูลปรักปรำทำให้เสียหาย ก็จะกลายเป็น เจตนา ละเลยไป

แถลงข่าวยังลำดับเหตุการณ์วันต่อวัน ตั้งแต่วันที่ ๑๐ ตุลาคม ที่พบว่าน้องเมยตกบันไดสูง ๘ ขั้น “มีครูพละได้เดินมาดู พบนอนตะแคงซ้ายมือกุมหน้าอก และจากการตรวจพบว่าจุกบริเวณหน้าอก และใช้รถส่งกองแพทย์ ภายนอกไม่พบบาดแผล และส่ง รพ. ผลการตรวจสอบไม่พบบาดแผล ไม่พบการบาดเจ็บภายใน”


ตรงนี้ นางสุกัลยา ตัญกาญจน์ มารดาของน้องเมยเขียนแซะว่า “VDO 4 ชม. หายไปไหน? แต่มีภาพช่วงบ่าย? บันไดที่ตกเห็นแค่มีการประคอง แล้วที่ตกลงมาอยู่ไหน เอาเป็นว่าประจวบเหมาะกันตลอด หาหลักฐานไม่ได้”

นอกจากนั้นยังตั้งข้อสงสัย “กล้องวงจรปิด ชุดพรางเดินถือตะกร้า เฮ้อ นร.ควรเรียน เวลานั้นไม่ใช่เดินถือตะกร้าแล้ว (ไม่เนียน วันอังคารอยู่กองแพทย์ มาเดินอะไรที่กองพัน)”


จากไทม์ไลน์ หลังจากน้องเมยถูก ธำรงวินัย ในห้องซาวน่าจนทนไม่ไหว ถูกแยกออกไปทำโทษด้วยการวิดพื้นเป็นเวลา ๑ ชั่วโมง ซึ่งทั่นรอง เสธ. บอกว่าเป็นเรื่องปกติแล้ว รุ่งขึ้นน้องเมยโดนซ่อมอีก ฐานที่วิ่งช้ากว่าเพื่อน

“ถูกสั่งให้กระโดดกบ ๒๐ เมตร จากนั้น คอมแมนด์ ให้กลับไปเข้าแถวเหมือนเดิม แล้วสั่งให้ขอบคุณ จุดนี้แหละน้องเมยแสดงความไม่พอใจ ไม่ยอมขอบคุณ นักเรียนบังคับบัญชาก็เลยนำตัวไปสั่ง พุ่งหลังอีกไม่ถึง ๒ นาฑี”

(จากยูทู้ปข่าวเนชั่น เรื่อง “หมอตั้งข้อสังเกตุในคำแถลงของกองทัพฯ” โพสต์โดย DuangAesthetic II https://www.youtube.com/watch?v=RS2DUeYoY0Y)

พล.อ.อ.ชวรัตน์ชี้ว่าการทำโทษโดยพุ่งหลัง (ซึ่งผู้พุ่งเอาหัวทิ่มพื้นโดยสองขายังอยู่ในท่ายืน) นี้ เป้นท่าที่อนุญาติให้ใช้ และไม่น่าจะเป็นเหตุให้เกิดอาการ เกินกำลังได้

แต่ข้อเท็จจริงก็คือทำให้ภคพงศ์ฟุบลงไป หายใจถี่และมีอาการ มือจีบหรือ ‘Hyperventilation’ คือ “เกร็งหายใจแรงและถี่ รวมถึงมีการพ่นน้ำลายออกมาเป็นระยะ

นายทหารเห็นเหตุการณ์ก็ตามแพทย์ และแพทย์เห็นว่าอาการไม่ดีขึ้นจึงสั่งให้นำส่ง รพ. ซึ่งปกติ hyperventilation ไม่ต้องกังวล เพราะไม่ถึงชีวิต” ทั่นรองฯ ชี้แนะ

“แต่นี่ตายไง ตำราแพทย์ผิด หรือมีเงื่อนงำ #น้องเมยWiPa. @WiPa_ng สมาชิกทวิตเตอร์ตั้งแง่สงสัย

กระนั้นก็ดี คณะกรรมการสรุปได้ว่า ในวันที่ ๑๗ ธันวา วันที่ภคพงศ์เสียชีวิต ผู้ตายมีอาการเครียดสูง “ไม่มีผู้ใดสั่งลงโทษหรือทำร้ายอันอาจเป็นเหตุให้เสียชีวิต

และจากการตรวจ สรุปภาพรวมได้ว่าไม่พบรอบฟกช้ำภายนอก ส่วนซี่โครงที่หักก็ไม่ตัดประเด็นการทำ CPR นานกว่า ๔ ชั่วโมง” คณะทหารรวบยอด


ทว่ามารดาผู้ตายยังตัดใจไม่ได้ ลูกชายคนเดียว จึงตัดพ้อ “เพราะเคยมีตัวอย่างมาทำให้ได้เรียนรู้ว่า #ตายเป็นเรื่องธรรมดาและไม่ผิด ใช่หรือไม่...

วันที่ ๑๗ ไม่มีใครทำร้ายเมย เพราะอยู่กองแพทย์ใช่ แต่ถามว่าเมยโดนอะไรหนักขนาดก่อนวันที่ ๑๗ หามกันขึ้นมา”

นั่นละ บันได ๘ ขั้นในการตายของนักเรียนเตรียมทหาร