วันศุกร์, ธันวาคม 22, 2560

"ลุง (ตูบ) ทำให้พวกเรานะ" อุ๊ต๊ะ "โยนภาระให้เด็กแล้วไง"

สองสามวันก่อน ทั่นรองฯ สมคิด จาตุฯ คุยเรื่องปีหน้าเศรษฐกิจจะ เหินฟ้า พูดถึงตอนอียู ยูเอส บอยคอตไทย “เขาคือผู้เสียประโยชน์ แต่เราต้องการมิตรสหาย”

วานนี้ (๒๑ ธ.ค.) วันเปิดรถไฟไทย-จีนที่ ต.กลางดง อ.ปากช่อง โคราช ทั่นหัวหน้าใหญ่ คสช. ประกาศ “จีนคือเพื่อนของเรา” แถมเดาะภาษาปักกิ่ง ธงซิน เซี่ยลี่ ซื่อซื่อ ฉุนหลี่” ที่วาสนา นาน่วม ให้คำแปลว่า “น้ำหนึ่งใจเดียว ทุกเรื่องราบรื่น”

นั่นยังไม่สำคัญเท่าคำกล่าวกับเด็กนักเรียนที่มาต้อนรับ “ลุงทำให้พวกเรานะ...ขอให้เรียนหนังสือสำเร็จปลอดภัยทุกคนและนำเรื่องราวเหล่านี้ไปบอกกับพ่อแม่ด้วยว่านายกฯ ทำให้”

ไม่ยักบอกด้วยว่าไอ้ที่ล่าช้ามาถึงคราลุงนี้น่ะ เพราะรัฐบาลก่อนๆ อืดอาด มัวแต่จะรอให้ถนนลูกรังหมดก่อน ตามที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั่นสั่ง ดูเหมือน ตลก.คนนั้น (สุพจน์ ไข่มุกด์) ตอนนี้เป็นรองประธานคนที่หนึ่งของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญให้แก่ คสช.อยู่

แล้วยังมีคำพูดที่สำคัญเป็นพิเศษในโอกาสเดียวกันนี้ที่ ‘Quai Thu’ บอกเด็กๆ อีกว่า “ต้องรีบโตรีบเรียนให้จบเพื่อหาเงินแล้วขึ้นรถไฟ อนาคตข้างหน้าก็มาช่วยกันสร้างต่อ”


แน่ะนี่ มิทันไร โยนภาระให้เด็กแล้วไง ก็ไอ้เมกกาโปรเจ็คทั้งหลายของ คสช. โดยเฉพาะโครงการรถไฟไทย-จีนนี้นั้น

รัฐบาล คสช.ไม่เคยเปิดเผยตัวเลขจำนวนเงินกู้ อัตราดอกเบี้ย ตลอดจนเงื่อนไขและระยะเวลาที่ชำระหนี้คืนต่อสาธารณชนแต่อย่างใด” ข่าวอิศราเขาคอมเม้นต์ตามที่นักวิชาการ ทีดีอาร์ไอวิเคราะห์วิจัยไว้

แม้ว่ารัฐบาลจะบอกว่าคุ้มค่าต่อการลงทุน แต่ที่ผ่านมาเขายังไม่ปล่อยข้อมูลอะไรออกมา เราก็เลยไม่รู้ว่าโครงการคุ้มหรือไม่คุ้ม เพราะอะไร” ดร.สุเมธ องกิตติกุล ผอ.วิจัยการขนส่งและโลจิสติกส์ ทีดีอาร์ไอ แจ้งไว้เมื่อ ๑๘ ธ.ค. นี้เอง
 
นอกเหนือจากนั้น ดร.สุเมธท่านนี้ยังชี้อีกว่า “สิ่งที่ทำให้รัฐบาลลงทุนโครงการต่างๆได้เร็ว...และเร็วกว่ารัฐบาลที่ผ่านมาด้วยซ้ำ เนื่องจากโครงการเหล่านี้มีการเตรียมการมาหลายรัฐบาลแล้ว”


อ่า ถ้าลุงตุ่นจะเอาเครดิตคนเดียวก็ได้แหละ เพราะเวลานี้จะมีใครกล้าหือ เพียงแค่ว่าผ่านนี้ไปแล้วลุงจะส่องกระจกดูหน้าตัวเองไหวไหม หรือจะอยู่ครองเมืองให้ครบยี่สิบปีตามยุทธศาสตร์ชาติตะหาน คงต้องดูกัน

อันค่าใช้จ่ายโครงการรถไฟความเร็วสูงสุดที่ ๒๕๐ ก.ม.ต่อชั่วโมง ด้วยเทคโนโลยี่ของจีนล้วนๆ นี้ตก ๑ แสน ๗ หมื่น ๙ พัน ๔ ร้อยล้านบาท สำหรับตลอดระยะทางกรุงเทพฯ-ราชสีมา ๒๕๒ ก.ม. แต่ที่ไปวางศิลาฤกษ์กันวานนี้แค่ตัดไม้ข่มนาม ๓.๕ กิโลก่อนเท่านั้น
 
เนื่องเพราะ “ฝ่ายไทยรับภาระการลงทุนโครงการทั้งหมด และดำเนินการก่อสร้างงานโยธา ฝ่ายจีนรับผิดชอบการออกแบบรายละเอียดงานโยธา และควบคุมการก่อสร้างงานโยธา ออกแบบและก่อสร้างระบบรถไฟความเร็วสูง ระบบอาณัติสัญญาณ และระบบควบคุมการเดินรถ โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จปี ๒๕๖๔ และเปิดให้บริการได้ในปี ๒๕๖๖”


นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของโครงการใหญ่กว่าชนิดอภิมหาเลยเชียวละ คือจะไปเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟเร็วสูงกรุงเทพฯ-หนองคาย อันจะไปเชื่อมอีกต่อกับรถไฟลาว-จีน เส้นทางเวียงจันทร์-บ่อเต็น ที่ไปจ่อติดกับรถไฟจีนสายโมฮัน-คุนหมิงอีกที

ส่วนในประเทศไทยยังจะมีสายหนองคาย-มาบตาพุดมาจอยอีกเส้น รวมเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ของจีนลงใต้ออกสู่ทะเลที่อ่าวไทย เรียกว่า สายไหมยุคใหม่หรือ ‘One Belt One Road’ ทำให้ไตแลนเดียเป็นเพื่อนสนิทแนบแน่นกับจีน สมกับที่ตามสถิติล่าสุดพบว่าคนจีนโพ้นทะเลมีอยู่ในประเทศไทยมากที่สุดในโลก

และสำหรับโครงการรถไฟไทย-จีน (ขนาดราง ๑.๔๓๕ เมตร) ที่มีระยะทางทั้งสิ้น ๖๐๘ ก.ม.นี้ “จะเป็นรถไฟที่ให้บริการขนส่งผู้โดยสารอย่างเดียว ซึ่งจีนเขาก็บอกว่าคนไทยไม่ได้มากมายอะไร ทำไมไม่ใช้ขนส่งสินค้าด้วย เราก็บอกว่าถ้าขนสินค้าเราก็ใช้รถไฟทางคู่ได้ เราไม่อยากให้ใช้ปนกัน”

ทั่น รมว.คมนาคม อาคม เติมพิทยาไพสิฐ เพิ่งคุยไว้เมื่อกลางเดือนนี้เองว่า “การก่อสร้างในเฟสสองช่วงนครราชสีมา-หนองคาย สิ่งที่เราต้องการ คือ การถ่ายทอดเทคโนโลยี ดังนั้น ในระยะที่สองฝ่ายไทยจะออกแบบก่อสร้างเอง”

ว้าว อย่างนี้อุตสาห-วิศวกรรมไทย น่าจะได้ เหินฟ้า(‘take-off’) ตามอย่างเศรษฐกิจดังที่ทั่นรองฯ สมคิด วาดให้สำหรับปีหน้าด้วยแน่ 

เพียงแต่ไอ้การที่ “เราจะเป็นตัวนำในการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงช่วงนี้เอง” ดังที่ รมว. อาคมว่านั้นจะมาจาก “การเรียนรู้จากเขา” ทั้งนั้น (ดูบทความ อิศรา ตามลิ้งค์ก่อนหน้า)

คงจำกันได้ว่า คสช.พยายามเข็นโครงการรถไฟเร็วสูงไทย-จีนนี้ออกมาให้จนได้ หลังจากที่เจอปัญหาจีนหน้าเลือดจะเอาทุกท่า ค่าจ้างแพง ค่าวัสดุและภูมิรู้ หรือ ‘knowhow’ ไม่เบา แถมค่าดอกเบี้ยเงินกู้สูงลิบลิ่ว

จึงมาลงเอยที่ไทยออกเงินเอง แล้วประเคนให้จีนทุกอย่าง ถึงขั้นใช้ ม.๔๔ ยับยั้งกฎหมายหลายฉบับเกี่ยวกับการควบคุมอาชีพวิศวกรรมและสถาปัตยกรรมไทย ทั้งหมดนี้เพื่อที่จะให้คุยได้ว่า ลุงตูบเป็นคนทำนะ

ขณะที่ปากก็คุยนักคุยหนารัฐบาลตะหานทำได้ ไม่แพ้นักการเมืองเลือกตั้ง แต่ค่าใช้จ่ายที่ควักจากเงินคงคลังสะสมมาตั้งแต่รัฐบาลเลือกตั้งหาไว้ รวมทั้งที่ไปกู้ใคร ค่าดอกเบี้ยเท่าไร ค่าคอมมิสชั่นแค่ไหน ค่าเก๋าเจี๊ยะให้ใคร ปิดกันเงียบเชียว