วันอาทิตย์, สิงหาคม 24, 2568

‘บ้านหนองจาน’ ปมขัดแย้งไทย-กัมพูชา ล่าสุดของกรณีพิพาทที่น่าจะยืดเยื้อต่อไปอีกนาน ขณะที่ใครต่อใครเรียกหาสันติภาพ แต่ สศจ.ยืนกราน ศึกนี้ทหาร (ไทย) ก่อ

บ้านหนองจาน เป็นปมขัดแย้งและกระทบกระทั่งชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจังหวัดสระแก้ว ล่าสุดในกรณีพิพาทที่น่าจะจบยาก จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เนื่องเพราะการปีนเกลียวระหว่างผู้นำของสองประเทศ

คำว่า ผู้นำ สำหรับที่นี้ไม่เพียงแต่คนที่เป็นแกนนำในรัฐบาลเท่านั้น แต่รวมถึงสายการบังคับบัญชาทางทหารในแต่ละประเทศด้วย ในไทยจะเห็นได้ชัดกว่า ว่าฝ่ายทหารสามารถจัดการปัญหาชายแดนด้วยตนเองไม่ต้องรั้งรอคำสั่งจากรัฐบาล

ทางด้านกัมพูชาทราบกันว่าอำนาจทางทหารตกอยู่กับตระกูล เตีย คนที่เป็นผู้บัญชาการกองทัพ คือลูกชายของเตียบัณ ซึ่งเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง หลานสาวของเขาที่เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดแห่งหนึ่ง ต้องหลุดจากตำแหน่ง เป็นที่กล่าวขวัญกันมากในไทย

ตามรายงานของ เดอะรีพอร์ตเตอร์ส ที่ลงพื้นที่โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง หลังจากที่กองทัพภาค ๑ ได้ทำการผลักดันชาวเขมรซึ่งปักหลักอยู่อาศัยอยู่ในอาณาบริเวณ เป็นชุมชนย่อยๆ ประมาณ ๑๐ หลัง ๖ ครัวเรือน ตกค้างมาแต่หลังสงครามปี ๒๕๓๔

ระหว่างปี 2518-2522 โดยไทยเปิดให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ UNHCR มาตั้งศูนย์พักพิงผู้อพยพชาวกัมพูชา มีผู้อพยพกว่า 13,000 คน” เสร็จสงครามแล้วบางส่วยอพยพกลับภูมิลำเนา “แต่บางส่วนยังตั้งรกรากอยู่ที่บ้านหนองจาน”

เหตุการณ์กระทบล่าสุดนั้น “กองกำลังบูรพา กองทัพภาคที่ 1 ต้องปฏิบัติตามยุทธการบดินทร์ ของกองทัพบก” ทำการผลักดันชาวบ้านเขมรซึ่งตั้งรกรากในบริเวณที่เป็นเขตแดนไทย ประมาณ ๑๐ หลัง แล้วขึงลวดหนามหีบเพลงกั้น

กองทัพภาคที่ 1 จึงนำกำลังเข้าผลักดัน ทหาร ประชาชน และรื้อถอน จุดตรวจทหารของกัมพูชา โดยได้เจรจาผลักดันออกไปไม่มีการปะทะ และปฏิบัติตามหลักมนุษยธรรมไม่ได้มีการใช้กำลังผลักดันบ้านประชาชน ไม่มีการรื้อถอน”

โดยรวม ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชาตลอดมา Somsak Jeamteerasakul มักจะวิพากษ์สื่อและพรรคประชาชนว่าหลงคล้อยตามวาทกรรม ชาตินิยม กันเกินไป ล่าสุดเขาโพสต์ว่า “#พวกขุนศึกคือตัวก่อเรื่องครั้งนี้ ไม่ใช่กระแส ชาตินิยมอะไรที่ไหน

ใช่ มีกระแสอยู่ แต่ที่เป็นเป้าหมายจริงๆคือพวกทหาร พวกนี้ต่างหากที่ดำเนินการตั้งแต่ต้น...ตอนนี้เราถูกยึดอำนาจไปส่วนหนึ่งแล้ว #กลับไม่รู้สึกกัน” เขาพาดพิงถึงการสัมภาษณ์ อรรถจักร สัตยานุรักษ์ โดย Atukkit Sawangsuk ซึ่งเขียนสรุปสั้นๆ ว่า

ชาตินิยมที่เกิดจากปัญหาชายแดน ส่งผลกระทบต่อทุกพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย เพื่อไทยหนัก พรรคส้มก็เหนื่อย ชาตินิยมเป็นอันตราย แต่ในอีกมุม ทำอย่างไรจะทำให้การเมืองเรื่องชีวิตเรื่องความเปลี่ยนแปลงเป็นชาตินิยมขึ้นมาได้”

แม้ชาตินิยมทำให้ดูเหมือนสังคมไทยถอยหลัง จากปี ๖๓ ปี ๖๖ แต่จากนี้ไปจนถึงเลือกตั้ง กระแสสังคมจะหันมาทบทวนชาตินิยม พรรคการเมืองจะต้องนำเสนอชาตินิยมที่มีปัญญาญาณ สร้างชุดความหวังและอุดมคติ ที่ทำให้สังคมเดินต่อไปได้”

(https://www.facebook.com/baitongpost/posts/2RbMc5BM2z2wKJ, https://www.facebook.com/somsakjeam/posts/2Zox24recEC และ https://www.facebook.com/TheReportersTH/posts/d02oVuXd1w3d)