วันเสาร์, สิงหาคม 23, 2568

ถ้ากฎหมายมันเขียนว่า A แล้วศาลตัดสินว่า B มาตลอดหลายปี อยู่ๆศาลตัดสินว่า A ถูกต้องตามที่กฎหมายเขียน เราจะบอกว่า นี่คือความยุติธรรมไหม ถ้าเราเป็นศาล เราจะตัดสินตาม A ที่กฎหมายเขียน หรือ B ที่ศาลเคยตัดสินมา


.....

Khemthong Tonsakulrungruang
13 hours ago
·
ถ้ากฎหมายมันเขียนว่า A แล้วศาลตัดสินว่า B มาตลอดหลายปี อยู่ๆศาลตัดสินว่า A ถูกต้องตามที่กฎหมายเขียน เราจะบอกว่า นี่คือความยุติธรรมไหม ถ้าเราเป็นศาล เราจะตัดสินตาม A ที่กฎหมายเขียน หรือ B ที่ศาลเคยตัดสินมา
อันนี้คงไม่ได้มีคำตอบ ขาวดำ แบบใช่หรือไม่ใช่ชัดเจน แต่เป็นโจทย์ให้ถกเถียงกันต่อไปอีกนาน เพราะเผลอๆ พรุ่งนี้ ศาลก็ตัดสิน B ต่อเหมือนเดิม

iLaw
13 hours ago
·
แม้ว่ามาตรา 112 จะเขียนไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นการคุ้มครองพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทและผู้สำเร็จราชการ ไม่ให้ถูกหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือถูกอาฆาตมาดร้ายแต่ก็มีอย่างน้อย 5 กรณีที่ศาลพิพากษาให้ลงโทษกับพฤติการณ์ที่ไม่ได้เจาะจงถึงบุคคลทั้งสี่ตามที่เขียนไว้ในตัวบทมาตรา 112 โดยตรง ดังนี้

1. มีชัย อดีตพนักงานโรงแรมที่เกาะช้าง ถูกกล่าวหาจากการโพสต์เฟซบุ๊กมีเนื้อหาตั้งคำถามต่อการใช้ภาษีประชาชนของสถาบันกษัตริย์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คำพูดของจำเลยมีนัยสื่อว่า มีการใช้อำนาจเหนือตลาดอย่างไม่เป็นธรรม ทำให้เกิดความเกลียดชังได้ ยิ่งไปกว่านั้นข้อความของจำเลย มีคำว่า “กษัตริย์” ประชาชนทั่วไปที่อ่านจะสามารถเข้าใจได้ว่า สื่อถึงในหลวงรัชกาลที่ 10 ซึ่งข้อมูลที่จำเลยโพสต์แสดงความคิดเห็นนั้นไม่เป็นความจริง ก่อให้เกิดความเกลียดชังและความเสื่อมเสียต่อพระมหากษัตริย์

2. ทิวากร อดีตวิศวกรชาวขอนแก่น ถูกฟ้องในคดีมาตรา 112 สามกรณี โดยกรณีหนึ่งคือการโพสต์ภาพใส่เสื้อ "เราหมดศรัทธาสถาบันกษัตริย์แล้ว" แม้ว่าศาลชั้นต้นจะเคยยกฟ้องแต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ลงโทษโดยให้เหตุผลว่าจำเลยยอมรับว่าคำว่าสถาบันฯหมายถึงกษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ รวมถึงองค์มนตรี แสดงให้เห็นว่าจําเลยมีเจตนาสบประมาท ลดคุณค่าพระเกียรติยศ อันเป็นการดูหมิ่นพระมหากษัตริย์

3. ธนกร หรือเพชร ขณะเกิดเหตุอายุ 17 ปี ถูกกล่าวหาว่าหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์จากการปราศรัยเรื่องระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์และกรณีเซ็นรับรองการรัฐประหารในการชุมนุม ศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด แม้คำปราศรัยของจำเลยจะไม่ได้มีการกล่าวถึงพระนามของกษัตริย์พระองค์ใด แต่เห็นว่ามาตรา 112 ไม่ได้คุ้มครองแค่กษัตริย์พระองค์ใดพระองค์หนึ่ง แต่คุ้มครองทั้ง "สถาบันกษัตริย์"

4.พอร์ท ไฟเย็น ถูกกล่าวหาว่าหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์จากการโพสต์เฟซบุ๊กวิจารณ์สถาบันกษัตริย์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า การกระทำของจำเลยเป็นการจาบจ้วงและมิบังควร พระมหากษัตริย์มีสถานะเป็นพระประมุขของประเทศ ประชาชนต้องให้การเคารพ เทิดทูน ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้ว ในประเด็นนี้เห็นว่าการกระทำของจำเลยทำให้กษัตริย์ รัชกาลที่ 10 เกิดความเสื่อมเสีย ทำให้ถูกดูหมิ่นและเกลียดชัง

นอกจากนี้ ศาลเห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการหมิ่นประมาทอดีตกษัตริย์รัชกาลที่ 9 ย่อมกระทบถึงพระมหากษัตริย์รัชกาลปัจจุบันที่ครองราชย์อยู่

5. สุปรียา ใจแก้ว ถูกกล่าวหาว่าแขวนป้ายผ้าข้อความ “งบสถาบันฯ>งบเยียวยาประชาชน” ไปแขวนไว้บริเวณป้าย “ทรงพระเจริญ” ซึ่งมีพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 10 โพสต์ภาพป้ายดังกล่าวในเฟซบุ๊ก

แม้ว่าศาลชั้นต้นจะระบุเป็นการวิพากษ์วิจารณ์งบประมาณแผ่นดิน แต่ศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษาเป็นลงโทษ โดยเห็นว่า ป้ายที่จำเลยนำไปแขวน จงใจเลือกสถานที่บริเวณใต้ป้ายพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 10 เมื่อพิจารณาบริบทดังกล่าวย่อมแสดงเจตนาของผู้กระทำว่าสื่อถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันหลักของชาติ อันมีองค์พระมหากษัตริย์เป็นประมุข และเป็นศูนย์รวมความจงรักภักดี เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ และเป็นที่เคารพรักเทิดทูนอย่างสูงของประชาชนชาวไทย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความพระมหากษัตริย์ อีกทั้งด้อยค่าองค์พระมหากษัตริย์ด้วย

หากเปรียบเทียบกับกรณีทักษิณ ชินวัตรที่ถูกกล่าวหาตามมาตรา 112 จากกรณีให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้แล้วหนึ่ง ในเหตุที่ประกอบคำพิพากษา "ยกฟ้อง" ของศาลระบุว่าคำให้สัมภาษณ์ของทักษิณ ไม่ได้มีส่วนใดที่เจาะจงหรือมุ่งหมายว่าเป็นการกล่าวถึงรัชกาลที่ 9 และไม่มีส่วนที่ใช้คำราชาศัพท์เพื่อเจาะจึงถึงกษัตริย์แต่อย่างใด

อ่านทั้งหมดได้ที่ https://www.ilaw.or.th/articles/54039
ศาลตีความมาตรา 112 ขยายขอบเขตเอาผิดการหมิ่นสถาบันที่ไม่ใช่ตัวบุคคล (ในบางคดี)