ลองมาเรียงเม็ดกันดูใหม่ โดยไปเริ่มที่ ‘ช่อ’ พรรณิการ์ วานิช ว่า “การที่พรรคประชาชนไม่ร่วมรัฐบาลกับใครเลย แปลว่ารัฐบาลจะปริ่มน้ำอยู่แบบนี้แหละค่ะ เกิดเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจขึ้นมา หรือใช้กลไกในการเขย่าแบบนี้...มันก็ไปต่อไม่ได้โดยปริยาย”
ในเมื่อกฎหมายอะไรต่ออะไรผ่านไม่ได้เลย “นั่นเป็นกลไกที่จะทำให้ยุบสภา ภายในสิ้นปี บังคับสภาพรัฐบาลนายกเฉพาะกิจง่อนแง่น ถ้าคุณไม่ทำตามสัญญาเมื่อไหร่ก็เจอฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาชน” ดีลก็คือโหวตให้เมื่อผูกพันนโยบายตั้ง สสร.
“ทางที่ถูกของพรรคเพื่อไทยอย่างน้อยต้องทำว่า มีไมตรีกับพรรคประชาชน (ต่อให้เกลียดอย่างไร) เพื่อเอาไว้ขู่ทั้งพรรคร่วมรัฐบาล ว่าต่อให้แตกแถวไป ก็จะมีพรรคประชาชนมาร่วม” ธนาพล อิ๋วสกุล ให้ความเห็น “เอาไว้ขู่ชนชั้นนำด้วย”
หรือจะไปดูคำอธิบายของ ‘บัส’ เทวฤทธิ์ มณีฉาย สว.พันธุ์ใหม่เขาว่า “ภายใต้สมการของจำนวน สส. ที่มีอยู่ในสภา เป็นไปไม่ได้เลยที่ ‘อนุทิน’ จะเป็นนายกฯ แล้วอยู่รอดได้โดยไม่มี สส.เพื่อไทยเข้าไปร่วม” นั่นเป็นเบื้องต้นประการหนึ่ง
“ต่อให้สมติฐานที่บางคนตั้งว่าอนุทินมารับเงื่อนไขส้ม โหวตให้โดยไม่ร่วมรัฐบาล พร้อมวางเงื่อนไขทำประชามติเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ และเป็นรัฐบาลชั่วคราวเพื่อจัดเลือกตั้ง” ดีลนี้เพื่อเป็นรัฐบาลต่อไป “ถ้าน้ำเงินเบี้ยวเงื่อนไขส้ม
“แล้ว สส.แดงไม่เข้าร่วมรัฐบาลกับน้ำเงิน ส้มกับแดงก็เปิดลงมติไม่ไว้วางใจตาม ม.๑๕๑ ได้แบบไม่ต้องอภิปรายสักคำ เสียงรวมกัน ๒๘๐ เสียง ล้มน้ำเงินได้อยู่แล้ว” ดังนั้นแทนที่จะมารุมอัดส้ม รับเงื่อนไขของส้มไว้ “เพื่อถือไพ่ต่อรองที่เหนือกว่า”
ไม่เช่นนั้นจะต้องล็อค ส.ส.ของตนไว้อย่างเหนียวแน่น เพื่อป้องกันพรรคส้มกับแดงจับมือกันลงมติไม่ไว้วางใจตาม ม.๑๕๑ สว.สายก้าวหน้าถามว่าไม่เป็นไปได้หรือ “ด้วยเงื่อนไขที่ส้มไม่ไปร่วมเป็นรัฐบาลนี่หวานเจี๊ยบ” เก้าอี้รัฐมนตรีว่างเพียบ
อีกอย่าง “เรื่องเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ อันนี้ก็ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรง แค่เร่งเอาร่าง พรบ.ประชามติที่พ้น ๑๘๐ วันแล้ว มาโหวตรับในสภาผู้แทนก็ประกาศใช้ได้แล้ว...ไม่ต้องรอศาลรัฐธรรมนูญตอบคำถาม ว่ากี่ครั้งแล้วก็ได้ ทำมันไปเลย”
(https://www.facebook.com/bus.tewarit/posts/zagtfASkmR, https://x.com/loreneeliz/status/1940784458908815393 และ https://www.facebook.com/thanapol.eawsakul/posts/DcrYqvrb)
