วันพุธ, ธันวาคม 03, 2568

เราไม่ต้องการเป็น "คนที่ลุกขึ้นมาได้ทุกครั้ง" เราอยากเป็น "คนที่ไม่ต้องล้มลงบ่อยขนาดนี้" วันนี้น้ำลดแล้ว แต่คำถามในหัวยังไม่ลด.. รัฐจะรับผิดชอบและเรียนรู้จากความล้มเหลวรึเปล่า ? หรือว่า 10 ปีข้างหน้า เราจะเจอน้ำท่วมอีกครั้ง


Noppawit Phukham is at Hatyai Thailand.
November 29
·
เราไม่ต้องการเป็น "คนที่ลุกขึ้นมาได้ทุกครั้ง"
เราอยากเป็น "คนที่ไม่ต้องล้มลงบ่อยขนาดนี้"
วันนี้น้ำลดแล้ว แต่คำถามในหัวยังไม่ลด..
HOME by อุดมโภชนา Est.1973 - ร้านอาหารไทยของครอบครัวที่ตอนนี้พ่อเป็นคนดูแล
อุปกรณ์ครัว กลายเป็นกองเหล็กสนิมปนโคลน
ตู้เย็น ชั้นวางของ เอียงล้มราบกับพื้น
โต๊ะ เก้าอี้ เค้าเตอร์ เป็นแผ่นไม้บวมน้ำปนคราบโคลนไปหมด
เครื่องใช้ไฟฟ้าหลายเครื่อง ใช้งานไม่ได้อีกแล้ว
ถังแก้สใหญ่ 2 ถัง ถูกขโมยไป
น้ำท่วมหาดใหญ่ 2568
- หนักสุดในรอบ 25 ปี (รุนแรงกว่า ปี 2543 และ 2553 รวมกัน)
- ปริมาณฝน 900+ มม. ใน 3-4 วัน (ปริมาณฝนมากสุดใน 300 ปี)
แต่.. ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้บอกว่า:
- คนติดอยู่บนตึกเป็นวันๆ โดยไม่มีอาหารและน้ำ
- โทรศัพท์กี่สายที่โทรไม่ติด
- ไฟฟ้าดับ แบตเตอรี่หมด น้ำไม่มี
- ประชาชนต้องช่วยเหลือกันเองเพราะรัฐหายไป..
น้ำพัดพาของไปมากมาย แต่มันทิ้งบางอย่างไว้ที่ไม่ใช่แค่โคลน
มันทิ้งคำถามไว้ในหัวว่าทำไมหาดใหญ่ยังไม่พร้อม..
- 25 ปีผ่านไปตั้งแต่น้ำท่วมครั้งใหญ่ครั้งแรก (ปี 2543)
- 15 ปีผ่านไปตั้งแต่น้ำท่วมครั้งที่สอง (ปี 2553)
- ทำไมเรายังใช้โทรศัพท์เป็นแผนหลัก ทั้งที่มันใช้ไม่ได้เมื่อไฟดับ แบตหมด และทุกคนแย่งกันโทร..
- ทำไมไม่มีการสื่อสารที่ชัดเจน คนไม่รู้ว่าน้ำจะสูงแค่ไหน ควรอพยพหรือไม่ มาบอกให้อพยพในวันที่น้ำมาแล้วและจะอพยพยังไงในวันที่น้ำมาแล้ว..
- ทำไมยังไม่มีระบบค้นหาที่เป็นระบบ รอให้คนโทรมา แทนที่จะไปหาคนที่ติดอยู่..
สิ่งที่เจ็บปวดที่สุด ในเรื่องน้ำที่ท่วม คือความรู้สึก "ถูกทิ้งไว้" เพราะรัฐบาลและส่วนกลางหายไป ประชาชนต้องช่วยกันเอง และไม่ใช่ว่าไม่มีใครมาช่วย มีแต่มันช้า มันไม่เพียงพอ มันไม่ทั่วถึง
และที่สำคัญ "ไม่มีการสื่อสารใดๆ ว่าจะช่วยอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร"
กลายเป็นประชาชนต้องช่วยเหลือกันเอง:
- คนที่มีเรือไปช่วยคนที่ติด
- คนที่มีอาหารแบ่งปันให้คนที่หมด
- คนที่นอกพื้นที่ช่วยประสานงานผ่าน Social Media
ความช่วยเหลือของทุกคนเป็นสิ่งที่สวยงาม แต่มันไม่ควรเป็น "แผนหลัก" มันควรเป็น "แผนสำรอง"
เราไม่ควรต้องพึ่งพาความเมตตาของคนที่ไม่รู้จัก เพราะรัฐที่เราจ่ายภาษีให้หายไปแบบหายเลยยยยย หาดใหญ่ประชากรไม่ใช่น้อยๆ ภาษีปีนึงได้มหาศาลแน่ๆ เพราะป็นเมืองหลักภาคใต้..
หาดใหญ่เราต้องการให้ส่วนกลางทำหน้าที่ผู้ปกครอง ไม่ใช่ทำหน้าที่ผู้มาเยี่ยมหลังเกิดเหตุ ไม่ใช่ผู้ที่มาเห็นอกเห็นใจ ไม่ใช่คนมาแจกจ่ายอาหารในยามวิกฤติ
ใช้เวลาหลายเดือนแน่ๆจะกลับมาเปิดร้านได้ และถัาเปิดได้ก็ไม่รู้จะมีลูกค้ารึเปล่า
มันไม่ใช่ความโกรธ ไม่ใช่ความหวัง
มันคือความเหนื่อย
เหนื่อยกับการต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
เหนื่อยกับการล้มลงโดยสิ่งที่ควบคุมไม่ได้
หลายๆคน หลายๆธุรกิจ เพิ่งฟื้นตัวจากโควิด แล้วเจอน้ำท่วม
คนที่เพิ่งกู้เงินซื้ออุปกรณ์ใหม่ แล้วตอนนี้ต้องกู้อีก
คนที่เพิ่งเริ่มมีลูกค้า แล้วตอนนี้ต้องปิดร้านไม่รู้กี่เดือน
ทุกครั้งที่เกิดภัยพิบัติ จะมีคนบอกว่า
"คนไทยเข้มแข็ง"
"ช่วยเหลือกันเอง"
"ผ่านมาได้ทุกครั้ง"
สิ่งที่เราต้องการไม่ใช่ความเข้มแข็ง แต่คือความปลอดภัย
ทำไมเราต้อง "เข้มแข็ง" ตลอดเวลา..
ทำไมเราไม่สามารถ "ปลอดภัย" ได้บ้าง..
ความเข้มแข็งเป็นเรื่องดี แต่มันไม่ควรเป็นข้อแก้ตัวสำหรับความล้มเหลวของระบบ
ที่ร้านพ่อ สักวันหนึ่งจะลุกขึ้นมาอีกครั้ง อันนี้ผมรู้
เพราะนี่คือสิ่งที่ครอบครัวทำมาตลอด
หลังไฟไหม้เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เราลุกขึ้นมา
หลังน้ำท่วมครั้งนี้ พ่อก็จะลุกขึ้นมาได้อีก
แต่ระบบล่ะ ??????
- การเตือนภัยจะดีขึ้นรึเปล่า ?
- การสื่อสารยามคับขัน จะดีรึเปล่า ?
- ระบบช่วยเหลือ ที่ไม่พึ่ง "โทรศัพท์" จะมีรึเปล่า ?
- รัฐจะรับผิดชอบและเรียนรู้จากความล้มเหลวรึเปล่า ?
หรือว่า 10 ปีข้างหน้า เราจะเจอน้ำท่วมอีกครั้ง
แล้วร้านของพ่อ ถ้ายังทำอยู่ จะต้องลุกขึ้นมาอีกครั้ง ?
หรือรอให้อีก 10 ปีผ่านไป ก็จะเกิดซ้ำอีกครั้ง..
#น้ำท่วมหาดใหญ่2568

https://www.facebook.com/I.am.witzz/posts/10224278670914837