วันจันทร์, มีนาคม 10, 2568

กฎหมายไม่ได้ห้ามการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือการอภิปรายในรัฐสภา ไม่ให้พาดพิงถึงบุคคลภายนอกสภา เป็นเพียงมารยาทที่หากพาดพิงไปแล้วบุคคลดังกล่าวจะไม่มีโอกาสได้ชี้แจง แต่หากพาดพิงแล้วเกิดความเสียหายใดๆ กฎหมายก็เขียนชัดว่า ผู้อภิปรายต้องรับผิดชอบ อาจถูกฟ้องร้องได้ และเอกสิทธิ์ในฐานะสมาชิกรัฐสภาไม่ได้ครอบคลุมไปถึง


iLaw
10 hours ago
·
กฎหมายไม่ได้ห้ามการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือการอภิปรายในรัฐสภา ไม่ให้พาดพิงถึงบุคคลภายนอกสภา เป็นเพียงมารยาทที่หากพาดพิงไปแล้วบุคคลดังกล่าวจะไม่มีโอกาสได้ชี้แจง แต่หากพาดพิงแล้วเกิดความเสียหายใดๆ กฎหมายก็เขียนชัดว่า ผู้อภิปรายต้องรับผิดชอบ อาจถูกฟ้องร้องได้ และเอกสิทธิ์ในฐานะสมาชิกรัฐสภาไม่ได้ครอบคลุมไปถึง
.
จากกรณีที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติขออภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร และประธานสภาผู้แทนราษฎรได้แจ้งมายังผู้นำฝ่ายค้านขอให้แก้ไขญัตติเนื่องจากมีการพาดพิงถึงทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกรัฐสภา และฝ่ายค้านมีท่าทีที่ไม่ต้องการจะแก้ไข เนื่องจากไม่มีกฎหมายบังคับ "ห้ามพาดพิง" บุคคลภายนอก และประธานสภาผู้แทนราษฎรไม่มีอำนาจสั่งให้แก้ไขเนื้อหา
เมื่อดูรัฐธรรมนูญ 2560 ที่เกี่ยวข้องกับการอภิปรายในรัฐสภา และการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีมาตราที่เกี่ยวข้อง คือ มาตรา 124 ซึ่งเขียนไว้ว่า
"มาตรา ๑๒๔ ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่ประชุมวุฒิสภา หรือที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา
สมาชิกผู้ใดจะกล่าวถ้อยคําใดในทางแถลงข้อเท็จจริง แสดงความคิดเห็นหรือออกเสียงลงคะแนน
ย่อมเป็นเอกสิทธิ์โดยเด็ดขาด ผู้ใดจะนําไปเป็นเหตุฟ้องร้องว่ากล่าวสมาชิกผู้นั้นในทางใดๆ มิได้
เอกสิทธิ์ตามวรรคหนึ่งไม่คุ้มครองสมาชิกผู้กล่าวถ้อยคําในการประชุมที่มีการถ่ายทอดทาง
วิทยุกระจายเสียงหรือวิทยุโทรทัศน์หรือทางอื่นใด หากถ้อยคําที่กล่าวในที่ประชุมไปปรากฏนอกบริเวณรัฐสภา และการกล่าวถ้อยคํานั้นมีลักษณะเป็นความผิดทางอาญาหรือละเมิดสิทธิในทางแพ่งต่อบุคคลอื่นซึ่งมิใช่รัฐมนตรีหรือสมาชิกแห่งสภานั้น
ในกรณีตามวรรคสอง ถ้าสมาชิกกล่าวถ้อยคําใดที่อาจเป็นเหตุให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่รัฐมนตรี
หรือสมาชิกแห่งสภานั้นได้รับความเสียหาย ให้ประธานแห่งสภานั้นจัดให้มีการโฆษณาคําชี้แจงตามที่บุคคลนั้นร้องขอตามวิธีการและภายในระยะเวลาที่กําหนดในข้อบังคับการประชุมของสภานั้น ทั้งนี้ โดยไม่กระทบต่อสิทธิของบุคคลในการฟ้องคดีต่อศาล
เอกสิทธิ์ที่บัญญัติไว้ในมาตรานี้ ย่อมคุ้มครองไปถึงผู้พิมพ์และผู้โฆษณารายงานการประชุม
ตามข้อบังคับของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา หรือรัฐสภา แล้วแต่กรณี และคุ้มครองไปถึงบุคคล
ซึ่งประธานในที่ประชุมอนุญาตให้แถลงข้อเท็จจริง หรือแสดงความคิดเห็นในที่ประชุม ตลอดจนผู้ดําเนินการถ่ายทอดการประชุมสภาทางวิทยุกระจายเสียงหรือวิทยุโทรทัศน์หรือทางอื่นใดซึ่งได้รับอนุญาตจากประธานแห่งสภานั้นด้วยโดยอนุโลม"
มาตรา 124 นั้นกล่าวถึง "เอกสิทธิ์" ของสมาชิกรัฐสภา หากมีการอภิปรายกล่าวถ้อยคำใดๆ ต่อกันจะไม่สามารถนำไปฟ้องร้องกันได้ แต่ถ้าการประชุมมีการถ่ายทอดสด เอกสิทธิ์นี้ก็ใช้ไม่ได้ ซึ่งการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีมีการถ่ายทอดสดอยู่แล้ว เอกสิทธิ์นี้จึงไม่ครอบคลุมไปด้วยอย่างแน่นอน
และมาตรา 124 วรรคสาม ยังกำหนดชัดเจนว่า หากการอภิปรายเป็นเหตุให้บุคคลอื่นที่ไม่ได้อยู่ในสภาได้รับความเสียหาย และบุคคลนั้นร้องขอมาให้ประธานสภาโฆษณาคำชี้แจงของบุคคลนั้นๆ ได้ และหากจะฟ้องร้องกันก็ยังฟ้องร้องได้ จึงหมายความว่า มาตรา 124 "ไม่ได้ห้าม" การอภิปรายที่มีเนื้อพาดพิงถึงบุคคลภายนอกสภา ในทางตรงกันข้าม มาตรา 124 ยังบอกเป็นนัยว่า การอภิปรายถึงบุคคลภายนอกนั้น "ทำได้" เพียงแต่ผู้อภิปรายและสภาเองจะต้องมีความรับผิดชอบตามมาอย่างไรบ้าง
.
นอกจากนี้ ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ข้อ 178 178 ซึ่งอยู่ในหมวด 9 การเปิดอภิปรายทั่วไป ส่วนที่ 1 การเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ ยังกำหนดไว้ว่า
"ข้อ ๑๗๘ ในการอภิปรายและการลงมติไม่ไว้วางใจ สมาชิกมีอิสระจากพรรคการเมือง
ไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมาย หรือความครอบงำใดๆ
การอภิปรายตามวรรคหนึ่ง นอกจากที่กำหนดไว้ในส่วนนี้แล้ว ให้นำความใน หมวด ๔ ส่วนที่ ๓ การอภิปราย มาใช้บังคับโดยอนุโลม ยกเว้นข้อ ๖๗ และข้อ ๖๙ เฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับการห้ามมิให้นำเอกสารใด ๆ มาอ่านในที่ประชุมโดยไม่จำเป็น และห้ามมิให้นำวัตถุใด ๆ เข้ามาแสดงในที่ประชุม มิให้นำมาใช้บังคับ
การนำเอกสารหรือวัตถุใด ๆ เข้ามาแสดงในที่ประชุม ในการอภิปรายตามวรรคหนึ่ง
ที่อาจเป็นเหตุให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีหรือสมาชิกได้รับความเสียหาย
หรือเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม สมาชิกผู้นั้นต้องรับผิดชอบ
ผลแห่งการกระทำนั้น"
ซึ่งข้อ 178 ก็กำหนดทำนองเดียวกันกับรัฐธรรมนูญมาตรา 124 คือ ไม่ได้กำหนด "ห้าม" แต่กำหนดความรับผิดชอบของผู้ที่อภิปรายมีเนื้อหาไปถึงบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในสภาและไม่มีโอกาสชี้แจง โดยกำหนดชัดว่า หากเป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับความเสียหาย หรือเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรม ผู้ที่อภิปรายก็ต้องรับผิดชอบผลแห่งการกระทำนั้น ไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครองเป็นการพิเศษแต่อย่างใด
หรือแปลว่า การอภิปรายถึงบุคคลภายนอกสามารถ "ทำได้" หากไม่เป็นการทำให้บุคคลอื่นได้รับความเสียหาย ไม่ได้เป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรม ก็ไม่มีความผิด
ทั้งรัฐธรรมนูญและข้อบังคับการประชุมไม่ได้ห้ามการเอ่ยชื่อบุคคลภายนอก อย่างตรงไปตรงมา โดยเฉพาะในญัตติหรือประเด็นที่กล่าวหาว่า นายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีกระทำการใดร่วมกับบุคคลภายนอกที่อาจผิดกฎหมาย หรือเป็นประเด็นที่กระทบต่อประโยชน์สาธารณะ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจสมาชิกรัฐสภาย่อมสามารถอภิปรายโดยเอ่ยชื่อบุคคลภายนอก และกล่าวถึงการกระทำของบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของรัฐบาลได้

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1051058187067800&set=a.625664036273886