
.....
Angkhana Neelapaijit
13 hours ago
·
จากคำชี้แจงของสถานทูตจีน (ลบโพสต์ไปแล้ว อ่านในคอมเม้นท์นะคะ) เห็นว่ามีหลายประเด็นที่อาจคลาดเคลื่อนทั้งข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายสิทธิมนุษยชนสากล จึงขอให้ความเห็นทางวิชาการ ดังนี้
1. #ข้อกล่าวหาชาวอุยกูร์ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ขอเรียนว่า ปัจจุบันมีคนต่างชาติที่อยู่ในสถานะผู้เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายในประเทศไทยจำนวนมาก ด้วยเหตุผลต่าง ๆ กัน เช่น ผู้กระทำผิดที่หนีคดี กลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงผู้แสวงหาที่พักพิงจากภัยสงคราม ผู้หนีภัยความตาย การกดปรามจากประเทศต้นทาง ปัญหาการขาดแคลนอาหาร หรือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คนกลุ่มนี้อาจเข้ามาโดยถูกกฎหมาย แต่เมื่อหนังสือเดินทางหรือวีซ่าหมดอายุ พวกเขาจะกลายเป็นผู้เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายในทันที กรณีผู้แสวงหาที่พักพิงเนื่องจากคนกลุ่มนี้ไม่ใช่ผู้กระทำผิดอาญา พวกเขาแค่หนีภัยความตาย หรือการปราบปรามจากประเทศต้นทาง การเข้ามาในประเทศไทยก็เพื่อเป็นทางผ่านไปยังประเทศที่ 3 ที่ผ่านมาประเทศไทยได้ดำเนินการหลายประการเพื่อคัดกรองและคุ้มครองคนกลุ่มนี้ เช่น การยุติการกักเด็กที่ติดตามครอบครัวผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหารทีพักพิง กรณีอุยกูร์เพื่อคุ้มครองสิทธิเด็ก ประเทศไทยได้ส่งเด็กและผู้หญิงจำนวน 172 คนไปประเทศตุรกีในเดือนกรกฎาคม 2558 ปัจจุบันประเทศไทยดำเนินการจัดทำนโยบายคัดกรองระดับชาติ (National Screening Mechanism) เพื่อคัดแยกผู้แสวงหาที่พักพิงออกจากผู้กระทำผิดอาญา แต่เนื่องจากปัญหาความล่าช้าและการขาดเจตจำนงค์ทางการเมือง (Political Will) ทำให้ไทยยังไม่สามารถนำนโยบายนี้มาคุ้มครองผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาที่พักพิงโดยเฉพาะชาวอุยกูร์ได้ อย่างไรก็ดีประเทศไทยได้ให้คำมั่นต่อสหประชาชาติและยืนยันการไม่ผลักดันบุคคลใดสู่อันตราย (Non-Refoulement)
2. #ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ จากรายงานสหประชาชาติ มีรายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์หลากหลายรูปแบบที่ละเมิดบรรทัดฐานและมาตรฐานระหว่างประเทศ เช่น การทรมานหรือการปฏิบัติที่โหดร้าย การบังคับสูญหาย การควบคุมตัวโดยพลการในรูปแบบศูนย์อบรมการศึกษาและอาชีพ การละเมิดเสรีภาพในการนับถือศาสนาของชาวมุสลิมที่เป็นชนกลุ่มน้อย เช่น อุยกูร์ คาซัก การเลือกปฏิบัติและการละเมิดบรรทัดฐานและมาตรฐานระหว่างประเทศ และอื่น ๆ (แนะนำอ่านรายงานการประเมินข้อกังวลด้านสิทธิมนุษยชนของ OHCHR ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ https://www.ohchr.org/.../22-08-31-final-assesment.pdf... )
3. #ระบบกฎหมายต่อต้านการก่อการร้าย ของจีนซึ่งไม่สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนสากล ทำให้เกิดปัญหาร้ายแรงเมื่อพิจารณาตามบรรทัดฐานและมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ กฎหมายที่ใช้ในจีนเป็นแนวคิดที่คลุมเครือ กว้างขวาง และเปิดกว้าง ทำให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจสามารถใช้ดุลพินิจอย่างกว้างขวางในการตีความและใช้มาตรการสอบสวน และบังคับใช้ในบริบทที่มีการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่จำกัดและขาดกลไกตรวจสอบที่เป็นอิสระ ระบบดังกล่าวที่เอื้อต่อการเลือกปฏิบัติ และอาจนำไปสู่การกักขังโดยพลการในวงกว้างของชาวอุยกูร์และชุมชนมุสลิมอื่น ๆ ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ (อ้างอิงรายงานเรื่องเดียวกัน)
4. #หลักการไม่ผลักดันบุคคลสู่อันตราย (Non-Refoulement) ผูกพันกับประเทศสมาชิกสหประชาชาติ เนื่องจากมีสถานะเป็นกฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศ (Customary International Law) หลักการห้ามผลักดันกลับ ใช้ทั้งที่ชายแดน หรือในดินแดนของรัฐ กับคนที่หากถูกส่งกลับไปยังประเทศต้นทางอาจได้รับอันตรายโดยไม่คำนึงถึงว่าบุคคลนั้นจะเป็นผู้ลี้ภัยหรือไม่ (https://www.unhcr.org/.../conclusions-adopted-executive...) ดังนั้นไม่ว่าชาวอุยกูร์กลุ่มนี้จะได้สถานะผู้ลี้ภัยหรือไม่จึงไม่ได้ทำให้พวกเขาหลุดพ้นจากคุ้มครองจากหลักการไม่ผลักดันสู่อันตราย ดังที่ปรากฏในมาตรา 13 พรบ. ป้องกันและปราบปราม การทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 และอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการบังคับให้หายสาบสูญของสหประชาชาติ (ICPPED) ที่ประเทศไทยเป็นภาคีและมีผลบังคับ ในข้อบทที่ 16
ข้อ 16
1. จะไม่มีรัฐภาคีใดขับไล่ ส่งกลับ ส่งคืนหรือโอนตัวบุคคลไปยังอีกรัฐหนึ่ง หากมีเหตุผลเพียงพอที่จะเชื่อว่าบุคคลผู้นั้นจะอยู่ในอันตรายจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ
2. เพื่อจุดประสงค์ในการกำหนดว่ามีเหตุผลดังกล่าวเพียงพอหรือไม่ เจ้าพนักงานผู้รับผิดชอบจะต้องพิจารณาประเด็นที่เกี่ยวข้องทั้งหมดรวมทั้งการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงและสม่ำเสมอ หรือการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างรุนแรง (หากมี)
ทั้งนี้ขอเน้นย้ำว่ามีหลายประเทศที่ยินดีรับชาวอุยกูร์ทั้ง 40 คนไปตั้งถิ่นฐานในประเทศของตน แต่ด้วยข้อจำกัดทางการทูตจึงไม่อาจเปิดเผยต่อสาธารณะได้ ซึ่งหากรัฐบาลไทยยินดีให้ผู้ทำงานสิทธิมนุษยชนช่วยประสานการส่งชาวอุยกูร์ไปยังประเทศที่ 3 ประเทศไทยจะได้รับการยกย่องจากนานาประเทศในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และการแก้ปัญหาผู้ลี้ภัย และขอเน้นย้ำว่ามนุษย์ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการแสวงหาที่พักพิงที่ปลอดภัย ไม่ถูกเลือกปฏิบัติและได้รับการคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
https://www.facebook.com/angkhana.nee/posts/10163922863563268
