
Kowit Phothisan
16 hours ago
·
5 มีนาคม เนื่องในวันสื่อมวลชนแห่งชาติ เราจึงสั่งปูน 5 คิวมาเทพื้น เพื่อสร้างบ้าน
อาชีพสื่อมวลชนมีรายได้ไม่มาก นักข่าวรุ่นเด็กมีตังค์แค่พอเช่าห้องซุกหัวแบบเดือนชนเดือน ตอนทำงานสื่อช่วงแรกๆ ผมเคยถูกลดเงินเดือนแบบงงๆ ฝ่ายบุคคลอ้างนโยบายจบปริญญาตรีรับเงินเดือน 15,000 ลดเงินเดือนของผมไปเกือบ 5,000 บาท ผมบอกเลยว่ายั๊วะขั้นสุด ผมโกรธในระดับที่ใกล้เคียงกับการเอาลูกระเบิดมาลนไฟ
ผมถามกลับว่าผู้บริหารองค์กรจำนวนมากก็จบปริญญาตรี พวกคุณได้เงินเดือน 15,000 ด้วยไหม เขาตอบว่าไม่ เพราะคนเหล่านั้นมีประสบการณ์ ผมยั๊วะอีกรอบ เพราะตอนนั้นผมไม่ใช่เด็กใหม่ แล้วประสบการณ์ 4-5 ปี บวกกับทักษะของผมถูกนับรวมเหมือนผู้บริหารหรือเปล่า เขาอ้ำๆ อึ้งๆ
ผมยังสนุกกับงาน แต่ผมยั๊วะมากกับผู้บริหาร พวกเขาอาจไม่เคยชินที่ถูกพนักงานเกรี้ยวกราดใส่ แต่ผมพบว่าพวกเขาดูเบาเรื่องแบบนี้เกินไป ผมสู้อยู่พักใหญ่เพื่อเอาเงินเดือนผมกลับคืนมา แน่ละว่าผมสู้เพื่อตัวเอง แม้นสำเร็จ แต่มันทำให้ผมเสียสุขภาพจิตพอสมควร
พนักงานตัวเล็กตัวน้อยถูกรีดนาทาเร้นจนตัวลีบเพื่อรับเงินเดือนต่ำๆ ทุกองค์กรพยายามโหนบาร์ล่างสุดเมื่อต้องคิดอัตราเงินเดือน นักข่าวจำนวนมากยังรับเงินเดือน 15,000 เท่ากับ 10 กว่าปีที่แล้ว โดยมี Job Description มากกว่าเดิมแบบครอบจักรวาล ยังไม่นับอัตราเงินเฟ้อที่เงิน 15,000 แทบไม่มีความหมายเชิงการอยู่รอด แต่มันก็ยังไม่ถูกนับรวมในการปรับฐานเงินเดือน
นักข่าวจำนวนมากสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน แต่ทำตัวลีบเสมอเมื่อต้องสู้เพื่อสิทธิของตนเอง เราจึงพบว่าอาชีพนักข่าวแม้นมีเกียรติแต่ไม่มีกิน ผมคนนึงละไม่เอาแบบนี้
ถ้าคุณพอใจอยู่แล้วก็แล้วไป แต่ข้อแนะนำของผมคือ ถ้าคุณทำงานมากกว่าเงิน ก็ถึงเวลาออกรบครับ!
Atukkit Sawangsuk
12 hours ago
·
นักข่าวจำนวนมากยังรับเงินเดือน 15,000 เท่ากับ 10 กว่าปีที่แล้ว โดยมี Job Description มากกว่าเดิมแบบครอบจักรวาล
Atukkit Sawangsuk
15 hours ago
·
วันนักข่าว
:
หลายวันก่อนมีนักข่าวรุ่นน้องโทรมา ท่าจะเมาแล้วรันทด รุ่นน้องนี่คือเลขห้าแล้วละ
ไม่เจอกันนานทำไรอยู่ เป็นหัวหน้าข่าวอยู่ทีวีช่องหนึ่ง เงินเดือนหลายหมื่น แบบร้องโห! ในสถานการณ์อย่างนี้ดีที่สุดเลยนะเนี่ย
พี่ มันจะอยู่อีกกี่ปี มันไม่มีอนาคตเลย เดี๋ยวทีวีดิจิตอลก็ทยอยคืนช่อง อีกไม่เกิน 2-3 ปี ผมก็ตกงาน แล้วไม่รู้จะไปทำอาชีพอะไร บ้านยังผ่อนไม่หมด มีลูกเมื่อแก่ ลูกยังเรียนไม่จบ
:
คือนักข่าวรุ่นเก่า จะไปเป็นอินฟลูยูทูบเบอร์ติ๊กต๊อกเกอร์ มันก็ไม่ใช่ อย่าไปด่าว่าเขาไม่ปรับตัว
วิชาชีพสื่อมันมีตั้งแต่นักข่าวภาคสนาม รีไรเตอร์ หัวหน้าข่าว คอยจับประเด็น เจาะประเด็น ตรวจสอบความถูกต้อง เพิ่มแบ็กกราวด์
มันทำกันเป็นทีม มันไม่ได้มีแค่คนหน้าจอ
แต่ตอนนี้วิชาชีพข่าวที่ทำกันเป็นทีม กำลังพังทลาย อีก 2-3 ปีข้างหน้าคงจะเหลือไม่กี่สำนักไม่กี่ช่อง
:
โฆษณาออนไลน์จ่ายตามคลิกเบท มันทำลายคุณภาพข่าว
สื่อไม่ต้องสั่งสมเครดิตความน่าเชื่อถือ แค่ขายพาดหัวให้คนคลิก
หนังสือพิมพ์ที่ก่อตั้งมา 30-40 ปี เขียนข่าวละเอียดให้ข้อมูลเพิ่มแบ็กกราวด์ย้อนหลัง
สู้พาดหัวเว็บผีเพจหวือที่ก๊อปข่าวไปก็ไม่ได้
ทำข่าวสมัยนี้ก็มักง่ายๆ ก๊อป IG ดารา คนกดไลค์กดแชร์ตรึม
ก๊อปมาห้วนๆ นี่สื่อหลักก็เป็น ไม่มีแบ็กกราวด์ให้คนไม่เคยรู้เรื่องไม่เคยตามข่าวมาก่อน เขามีเรื่องอะไรกัน ผิดหลักวิชาทำข่าวทั้งหมด
:
ระบบโฆษณาเดิมมันพังทลาย จากที่เอเยนซีเป็นคนจัดสรรให้ทีวีวิทยุหนังสือพิมพ์ ตามเรตติ้งตามยอดขาย+เครดิตเฉพาะ (เช่นตลาดทั่วไปลงไทยรัฐเดลินิวส์ สินค้าไฮต้องลงบางกอกโพสต์ ขายข้าราชการมนุษย์เงินเดือนลงมติชน)
ปัจจุบันสื่อต้อง "ต่อตรง" กับลูกค้ามากขึ้น เมื่อก่อนก็มีแหละแต่มันไม่ตรงเท่ายุคนี้ และไม่ต้องพึ่งพามากขนาดนี้ พอต่อตรงกับทุนใหญ่ โฆษณารัฐ ยิ่งถูกบีบถูกจำกัด อย่างที่ภาสกร จำลองราช เขียนเมื่อวันก่อน
ยิ่งเศรษฐกิจแย่ ยิ่งต้องพึ่งงบรัฐ โฆษณารัฐ หรือยักษ์ใหญ่แบบปลาหมอคางดำ หนักเข้าไปอีก
:
น้องมันบอกว่า พี่โชคดีนะ อยู่ในยุคที่ใกล้วางมือพอดี
เออก็ใช่แหละ ทุกวันนี้เหมือนกึ่งเกษียณ ออกรายการประปราย รายได้ไม่พอรายจ่ายหรอกแต่จ่ายน้อยลงๆ แบบคนแก่และพอมีตุนไว้บ้าง ไม่ต้องผ่อนบ้านผ่อนรถ รถยิ่งใช้น้อยลงๆ ไม่ต้องเติมแก๊สเติมน้ำมันบ่อย กับข้าวซื้อมาทำหรือซื้อตลาดนัด แทบไม่นั่งร้านอาหาร ไม่ซื้อเสื้อผ้าใหม่ นอนอยู่บ้านโพสต์ด่าแบก แล้วไม่อ่านแบกด่ากลับ แว่บไปดูเน็ตฟลิกซ์ (เพิ่งติดตั้ง) มีคนยุให้ทำยูทูบ ก็ขี้เกียจอยู่
เอาตัวรอดไปได้ระหว่างรอนับถอยหลัง
แต่ห่วงสื่อรุ่นหลังนี่แหละ ยิ่งพวกเลขสี่เลขห้า อีก 2-3 ปี จะเป็นยังไง
https://www.facebook.com/iambuggo/posts/10225812175202106
https://www.facebook.com/baitongpost/posts/9384274251654320
·
5 มีนาคม เนื่องในวันสื่อมวลชนแห่งชาติ เราจึงสั่งปูน 5 คิวมาเทพื้น เพื่อสร้างบ้าน
อาชีพสื่อมวลชนมีรายได้ไม่มาก นักข่าวรุ่นเด็กมีตังค์แค่พอเช่าห้องซุกหัวแบบเดือนชนเดือน ตอนทำงานสื่อช่วงแรกๆ ผมเคยถูกลดเงินเดือนแบบงงๆ ฝ่ายบุคคลอ้างนโยบายจบปริญญาตรีรับเงินเดือน 15,000 ลดเงินเดือนของผมไปเกือบ 5,000 บาท ผมบอกเลยว่ายั๊วะขั้นสุด ผมโกรธในระดับที่ใกล้เคียงกับการเอาลูกระเบิดมาลนไฟ
ผมถามกลับว่าผู้บริหารองค์กรจำนวนมากก็จบปริญญาตรี พวกคุณได้เงินเดือน 15,000 ด้วยไหม เขาตอบว่าไม่ เพราะคนเหล่านั้นมีประสบการณ์ ผมยั๊วะอีกรอบ เพราะตอนนั้นผมไม่ใช่เด็กใหม่ แล้วประสบการณ์ 4-5 ปี บวกกับทักษะของผมถูกนับรวมเหมือนผู้บริหารหรือเปล่า เขาอ้ำๆ อึ้งๆ
ผมยังสนุกกับงาน แต่ผมยั๊วะมากกับผู้บริหาร พวกเขาอาจไม่เคยชินที่ถูกพนักงานเกรี้ยวกราดใส่ แต่ผมพบว่าพวกเขาดูเบาเรื่องแบบนี้เกินไป ผมสู้อยู่พักใหญ่เพื่อเอาเงินเดือนผมกลับคืนมา แน่ละว่าผมสู้เพื่อตัวเอง แม้นสำเร็จ แต่มันทำให้ผมเสียสุขภาพจิตพอสมควร
พนักงานตัวเล็กตัวน้อยถูกรีดนาทาเร้นจนตัวลีบเพื่อรับเงินเดือนต่ำๆ ทุกองค์กรพยายามโหนบาร์ล่างสุดเมื่อต้องคิดอัตราเงินเดือน นักข่าวจำนวนมากยังรับเงินเดือน 15,000 เท่ากับ 10 กว่าปีที่แล้ว โดยมี Job Description มากกว่าเดิมแบบครอบจักรวาล ยังไม่นับอัตราเงินเฟ้อที่เงิน 15,000 แทบไม่มีความหมายเชิงการอยู่รอด แต่มันก็ยังไม่ถูกนับรวมในการปรับฐานเงินเดือน
นักข่าวจำนวนมากสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน แต่ทำตัวลีบเสมอเมื่อต้องสู้เพื่อสิทธิของตนเอง เราจึงพบว่าอาชีพนักข่าวแม้นมีเกียรติแต่ไม่มีกิน ผมคนนึงละไม่เอาแบบนี้
ถ้าคุณพอใจอยู่แล้วก็แล้วไป แต่ข้อแนะนำของผมคือ ถ้าคุณทำงานมากกว่าเงิน ก็ถึงเวลาออกรบครับ!
Atukkit Sawangsuk
12 hours ago
·
นักข่าวจำนวนมากยังรับเงินเดือน 15,000 เท่ากับ 10 กว่าปีที่แล้ว โดยมี Job Description มากกว่าเดิมแบบครอบจักรวาล
Atukkit Sawangsuk
15 hours ago
·
วันนักข่าว
:
หลายวันก่อนมีนักข่าวรุ่นน้องโทรมา ท่าจะเมาแล้วรันทด รุ่นน้องนี่คือเลขห้าแล้วละ
ไม่เจอกันนานทำไรอยู่ เป็นหัวหน้าข่าวอยู่ทีวีช่องหนึ่ง เงินเดือนหลายหมื่น แบบร้องโห! ในสถานการณ์อย่างนี้ดีที่สุดเลยนะเนี่ย
พี่ มันจะอยู่อีกกี่ปี มันไม่มีอนาคตเลย เดี๋ยวทีวีดิจิตอลก็ทยอยคืนช่อง อีกไม่เกิน 2-3 ปี ผมก็ตกงาน แล้วไม่รู้จะไปทำอาชีพอะไร บ้านยังผ่อนไม่หมด มีลูกเมื่อแก่ ลูกยังเรียนไม่จบ
:
คือนักข่าวรุ่นเก่า จะไปเป็นอินฟลูยูทูบเบอร์ติ๊กต๊อกเกอร์ มันก็ไม่ใช่ อย่าไปด่าว่าเขาไม่ปรับตัว
วิชาชีพสื่อมันมีตั้งแต่นักข่าวภาคสนาม รีไรเตอร์ หัวหน้าข่าว คอยจับประเด็น เจาะประเด็น ตรวจสอบความถูกต้อง เพิ่มแบ็กกราวด์
มันทำกันเป็นทีม มันไม่ได้มีแค่คนหน้าจอ
แต่ตอนนี้วิชาชีพข่าวที่ทำกันเป็นทีม กำลังพังทลาย อีก 2-3 ปีข้างหน้าคงจะเหลือไม่กี่สำนักไม่กี่ช่อง
:
โฆษณาออนไลน์จ่ายตามคลิกเบท มันทำลายคุณภาพข่าว
สื่อไม่ต้องสั่งสมเครดิตความน่าเชื่อถือ แค่ขายพาดหัวให้คนคลิก
หนังสือพิมพ์ที่ก่อตั้งมา 30-40 ปี เขียนข่าวละเอียดให้ข้อมูลเพิ่มแบ็กกราวด์ย้อนหลัง
สู้พาดหัวเว็บผีเพจหวือที่ก๊อปข่าวไปก็ไม่ได้
ทำข่าวสมัยนี้ก็มักง่ายๆ ก๊อป IG ดารา คนกดไลค์กดแชร์ตรึม
ก๊อปมาห้วนๆ นี่สื่อหลักก็เป็น ไม่มีแบ็กกราวด์ให้คนไม่เคยรู้เรื่องไม่เคยตามข่าวมาก่อน เขามีเรื่องอะไรกัน ผิดหลักวิชาทำข่าวทั้งหมด
:
ระบบโฆษณาเดิมมันพังทลาย จากที่เอเยนซีเป็นคนจัดสรรให้ทีวีวิทยุหนังสือพิมพ์ ตามเรตติ้งตามยอดขาย+เครดิตเฉพาะ (เช่นตลาดทั่วไปลงไทยรัฐเดลินิวส์ สินค้าไฮต้องลงบางกอกโพสต์ ขายข้าราชการมนุษย์เงินเดือนลงมติชน)
ปัจจุบันสื่อต้อง "ต่อตรง" กับลูกค้ามากขึ้น เมื่อก่อนก็มีแหละแต่มันไม่ตรงเท่ายุคนี้ และไม่ต้องพึ่งพามากขนาดนี้ พอต่อตรงกับทุนใหญ่ โฆษณารัฐ ยิ่งถูกบีบถูกจำกัด อย่างที่ภาสกร จำลองราช เขียนเมื่อวันก่อน
ยิ่งเศรษฐกิจแย่ ยิ่งต้องพึ่งงบรัฐ โฆษณารัฐ หรือยักษ์ใหญ่แบบปลาหมอคางดำ หนักเข้าไปอีก
:
น้องมันบอกว่า พี่โชคดีนะ อยู่ในยุคที่ใกล้วางมือพอดี
เออก็ใช่แหละ ทุกวันนี้เหมือนกึ่งเกษียณ ออกรายการประปราย รายได้ไม่พอรายจ่ายหรอกแต่จ่ายน้อยลงๆ แบบคนแก่และพอมีตุนไว้บ้าง ไม่ต้องผ่อนบ้านผ่อนรถ รถยิ่งใช้น้อยลงๆ ไม่ต้องเติมแก๊สเติมน้ำมันบ่อย กับข้าวซื้อมาทำหรือซื้อตลาดนัด แทบไม่นั่งร้านอาหาร ไม่ซื้อเสื้อผ้าใหม่ นอนอยู่บ้านโพสต์ด่าแบก แล้วไม่อ่านแบกด่ากลับ แว่บไปดูเน็ตฟลิกซ์ (เพิ่งติดตั้ง) มีคนยุให้ทำยูทูบ ก็ขี้เกียจอยู่
เอาตัวรอดไปได้ระหว่างรอนับถอยหลัง
แต่ห่วงสื่อรุ่นหลังนี่แหละ ยิ่งพวกเลขสี่เลขห้า อีก 2-3 ปี จะเป็นยังไง
https://www.facebook.com/iambuggo/posts/10225812175202106
https://www.facebook.com/baitongpost/posts/9384274251654320