
18 hours ago
·
อ่านข้อเขียนของคุณภาสกร จำลองราช
https://www.facebook.com/paskorn.jumlongrach/posts/pfbid02pVUGENp2fw2Sb14Gxjot8jFySGQaV1A9JH4AUSAsCrsySjSbkR8xkW5FRKnNVTzcl
และดูภาพถ่ายของคุณกันต์ แสงทอง
https://www.facebook.com/photo?fbid=10162196220938500&set=pcb.10162196221228500

.....
Paskorn Jumlongrach
18 hours ago
·
สื่อและวงจรอุบาทว์
-------
พรรคพวกในสำนักข่าวแห่งหนึ่งเล่าว่า “รู้มั้ยมรึง เดี๋ยวนี้เขาโทรล้วงเข้ามาสั่งการถึงข้างใน แค่เราพาดหัวเรียบๆ คิดว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว แต่ถ้าเขาไม่พอใจ เขาสั่งเปลี่ยนเลย”
ในวงสนทนาของพวกเรานักข่าว ก็หนีไม่พ้นการคุยเรื่องวงการสื่อสารมวลชน
“เขา”ที่เพื่อนบอกว่าล้วงมาถึงข้างในคือ “นายหญิง”ซึ่งเป็นนักการเมืองคนหนึ่งของพรรคใหญ่ที่ถือหุ้นในบริษัทยักษ์ด้านการสื่อสาร แม้ฉากหน้าเขาอ้างว่าขายหุ้นออกไปเยอะแล้ว แต่โดยข้อเท็จจริงแล้ว เขายังทรงอิทธิพลอยู่ในบริษัทยักษแห่งนี้ สามารถชี้เป็นชี้ตายว่าควรให้ “แอด”กับสำนักข่าวใดบ้าง
สถานการณ์ด้านสื่อสารมวลชนมีความเปราะบางและตกต่ำมาหลายปี เนื่องจากการขาดอำนาจต่อรองและขาดความเป็นตัวของตัวเอง หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆคือจำเป็นต้องลดระดับจุดยืนลงเพื่อเอาใจทุนซึ่งใช้เม็ดเงินซื้อแอดที่เป็นปัจจัยสำคัญในการประคับประคองกิจการสื่อให้อยู่รอดได้
ไม่เว้นแม้แต่องค์กรวิชาชีพด้านสื่อ ต่างก็ตกอยู่ในวังวนนี้ ทำให้กลายเป็นความอ่อนแอทั้งระบบของวงการ
กลุ่มทุนใช้วิธีสามานย์อิงแอบอยู่กับนักการเมืองและพรรคการเมือง พยายามตัดตอนและบิดเบือนการสื่อสารสู่สาธารณชนในประเด็นที่เป็นผลลบสำหรับตัวพวกเขา โดยไม่คำนึงถึงข้อเท็จจริง
เป็นการสบคบกันระหว่างนักการเมืองใหญ่กับกลุ่มทุนใหญ่ซึ่งต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ แต่กลายเป็นวงจรอุบาทว์ของสังคมไทย
กลุ่มทุนจ้องจะผูกขาดธุรกิจขนาดใหญ่จึงใช้ทุกวิถีทางโดยไม่คำนึงถึงวิธีการ เช่นเดียวกับนักการเมืองที่ต้องการให้ได้มาซึ่งอำนาจในการบริหารบ้านเมืองและใช้วิธีการชั่วร้ายไม่แตกต่างกัน
ทุนด้านกิจการพลังงานแห่งหนึ่งร้ายมากถึงขนาดใช้เม็ดเงินมหาศาลเป็นอาวุธทำลายคนที่เห็นต่างหรือคนที่ไม่เห็นด้วยกับธุรกิจที่ตัวเองต้องการผูกขาด หรือใครที่บังอาจ “ทลายนั่งร้าน”ของความร่ำรวย ต่างมีอันเป็นไปด้วยวิธีการต่างๆ แม้แต่คนในพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเองก็ไม่มีข้อยกเว้น
นักการเมืองและทุนสามานย์พวกนี้ไม่เคยเห็นประชาชนอยู่ในสมการของอำนาจ ทุกอย่างทำเพียงเพื่อตัวเองและพวกพ้อง
พวกเขาไม่กลัวบาปบุญคุณโทษ ไม่เคยคิดว่าประชาชนของประเทศนี้จะเดือดร้อนหรือไม่ อนาคตลูกหลานจะอยู่กันอย่างไร เพียงแค่ขอให้ตัวเองร่ำรวยยิ่งๆขึ้นไป และมีอำนาจบงการบ้านเมืองอยู่ในมือของพวกเขา
พวกเขาใช้อำนาจรัฐ อำนาจทุน และ IO ทำลายระบบตรวจสอบและสิ่งกีดขวางต่างๆ
กรณีเรื่องแก๊งค์คอบเซ็นเตอร์และการส่งชาวอุยกูร์กลับจีน ทำให้เห็นพฤติกรรมสามานย์เช่นนี้ชัดเจนมากขึ้น
โครงสร้างบ้านเมืองยังตกอยู่ในวงจรอุบาทว์ ผมเองก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าออกจากวังวลเลวร้ายนี้ได้อย่างไร เพราะดูแล้วสถาบันหลักที่คิดจะพึ่งพาต่างก็อยู่ในลักษณะ “ง่อยเปลี้ยเสียขา” แทบทั้งสิ้น
ทำได้แค่ถ่ายทอดเสียงบ่นจากวงสนทนาในห้องสี่เหลี่ยมของเหล่านักข่าวกลุ่มเล็กๆให้ดังมากขึ้น บันทึกไว้เป็นรายงานสถานการณ์สื่อ ณ วันนี้