การเลือกตั้งกลางปี ปี 2566 เป็นเครื่องตัดสินอนาคตทางการเมือง ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ลุ้นเป็นนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 3 ภายใต้เสื้อคลุมแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)
พล.อ.ประยุทธ์ ต้องฝ่าอีกหลายด่านกว่าจะผ่านเข้าป้ายเป็นนายกฯ สมัยที่ 3
ด่านแรก พล.อ.ประยุทธ์ ต้องปั่นเรตติ้งทั้ง คะแนนส่วนตัว และกระแสพรรครวมไทยสร้างชาติ ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง เพราะจะอาศัย “เรตติ้งลุงตู่” เพียงอย่างเดียว คงจะขายได้เฉพาะพื้นที่ที่มีคะแนนนิยม เช่น ภาคใต้ ตามความเชื่อของ ส.ส.-นักการเมือง ที่ย้ายไปสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ
เนื่องจากในเวลานี้ โฉมหน้านักเลือกตั้งที่ประกาศตัวไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ ยังเป็นเพียง “นักการเมืองเกรดบี”
คำถามคือ พรรครวมไทยสร้างชาติจะได้ ส.ส.กี่คน
ด่านสอง ไฟต์บังคับของพรรครวมไทยสร้างชาติ ต้องได้ที่นั่ง ส.ส.ในสภา ร้อยละ 5 คือ 25 ที่นั่ง เสียก่อน จึงจะมีสิทธิเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาได้ แต่รูปการณ์ในปัจจุบัน นักการเมืองนอกค่ายรวมไทยสร้างชาติ ยังตั้งคำถามว่า พรรครวมไทยสร้างชาติจะหา ส.ส.มาจากไหน 25 คน ในเมื่อมีแต่นักการเมืองเกรดบี
ดังนั้น ยังต้องรอโค้งสุดท้ายว่า กระแสลุงตู่ก่อนเลือกตั้ง บวกกับอำนาจเงิน และอำนาจรัฐ จะสามารถช็อปตัวนักการเมืองเกรดเอ เข้าค่ายได้กี่คน
ด่านสาม พรรคร่วมฝ่ายค้านปัจจุบัน นำโดยพรรคเพื่อไทย ยังเป็นก้างชิ้นโตขวาง พล.อ.ประยุทธ์ ในการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกฯ รัฐมนตรีสมัยที่ 3 หลังผลสำรวจโพลสำคัญๆ ระบุชัดว่า พรรคเพื่อไทย เป็นพรรคที่จะได้ ส.ส.มากที่สุด ดังนั้น ด้วยกติกาเลือกตั้งเปลี่ยนจากบัตรใบเดียวเป็นบัตร 2 ใบ คือ แบบแบ่งเขต 400 คน และ แบบบัญชีรายชื่อ 100คน แถมคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อด้วย100
กติกาเลือกตั้งหนนี้ จึงเป็นเกมที่พรรคเพื่อไทยถนัด และได้เปรียบมากที่สุด จึงมีการประเมินภายในพรรคว่า อาจจะได้ ส.ส.180 – 190 ที่นั่ง บวกกับ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ที่จะได้เข้ามาอีก 30-40 เสียง พรรคเพื่อไทยอาจได้ ส.ส.เฉียดๆ 250 ที่นั่ง เมื่อรวมกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่มีเจตนารมณ์เดียวกัน ก็อาจทำให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ โดยยื่นไมตรีไปให้พรรคภูมิใจไทยมาเสริมความแข็งแกร่ง บพรรคพลังประชารัฐ – พรรครวมไทยสร้างชาติ ไปเป็นฝ่ายค้าน
ด่านสี่ ที่น่ากลัวที่สุดในการเลือกตั้งหนนี้คือความแข็งแกร่งของพรรคภูมิใจไทย ที่เพิ่งจะโชว์ฟอร์มโหด ดูด ส.ส.จากพรรคต่างๆ มาร่วมประดับบารมีความแข็งแกร่ง
ในการเลือกตั้งครั้งที่จะถึงนี้ พรรคภูมิใจไทยตั้งเป้าขั้นต่ำว่าจะได้ ส.ส.ประมาณ 80-90 ที่นั่ง หลังจากคาดว่าจะมีอดีต ส.ส. - นักเลือกตั้งเกรด เอ จากหลายพรรคย้ายมาสั่งกัดพรรคภูมิใจไทยเพิ่มอีก
ในทางกลับกัน หากพรรคภูมิใจไทย ได้ ส.ส.ทะลุ 70-80 เสียง กลายเป็นพรรคอันดับ 2 บนกระดาน ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ ได้ต่ำกว่ามาก ก็เท่ากับเก้าอี้นายกฯ สมัย 3 พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในกำมือของพรรคภูมิใจไทย
ที่สำคัญกว่านั้น พรรคภูมิใจไทยจะยอมให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ หรือไม่... ถ้าพรรคภูมิใจไทยชดใช้ – ล้างหนี้ทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ ไปหมดแล้ว
ด่านห้า แม้ว่า ฝ่ายพล.อ.ประยุทธ์ ต้องการรวมเสียงให้ได้ 125++ เสียง เป็นขั้นต่ำ แล้วดึงคะแนน ส.ว.250 คน มาช่วยเติมแต้ม เพื่อให้ได้ 376 เสียงขึ้นไป แล้วโหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ
แต่ขอให้จับตาดู กลุ่มการเมืองใน - นอกสภา จะเริ่มเคลื่อนไหวตั้งแต่เปิดศักราช ผลักดันเรื่องปิดสวิตช์ ส.ว.กดดันให้ “สภาฝักถั่ว” หยุดยกมือสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ แม้ไม่อาจปิดสวิตช์ด้วยการแก้รัฐธรรมนูญ แต่หวังให้กระแสสังคมช่วยกดดัน ส.ว.มีสติในการยกมือโหวตนายกฯ ที่มาจากฉันทามติของประชาชน มากกว่าการ “กดปุ่ม” สั่งของผู้มีอำนาจ
ที่มา
5 ด่านนรก! ขวาง 'ประยุทธ์' นั่งนายกฯ สมัย 3
Voice TV
Dec 29, 2022
อ่านฉบับเต็มที่ https://www.voicetv.co.th/read/eNy8b4G_R