วันจันทร์, มิถุนายน 22, 2563

โควิดไทย ติดน้อยเพราะตรวจน้อยหรือไม่ Somehow ทรั้มพ์ 'งับ' ไอเดีย ไปใช้


สถานะโควิดไทย ที่ไม่ค่อยมีผู้ติดเชื้อเพิ่มมาพักใหญ่ เสริมส่งบรรยากาศ ลบยังไงก็ไม่ลืมวันที่ ๒๔ มิถุนาซึ่ง Pannika Wanich เชื้อเชิญว่า “ปรีดีก็มา แถมพระยาพหลฯ ชวนเอง” รีทวี้ตจาก กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย ย่ำรุ่งเจอกัน” (ตีห้า)

“ทุกคนรู้ เรารู้ แต่เผด็จการไม่อยากให้เรารู้” เขาว่า “มาร่วมกันแสดงเจตนารมน์ ให้เผด็จการตระหนักว่าเราจะไม่ลืมในสิ่งพวกเขาอยากให้ลืม ประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์จะต้องถูกจดจำไปจนชั่วลูกชั่วหลาน...โอกาสครบรอบ ๘๘ ปี วันอภิวัฒน์สยาม”

อ้างไม่ได้แล้วละว่าห้ามชุมนุมเพราะกลัวติดเชื้อระบาด แต่พวกผู้ครองอำนาจที่ไม่อยากให้เรารู้ ก็ยังดั๊นอ้างจนได้ว่าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย “อยู่ระหว่างการปรับปรุง” และ “ห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต” นักศึกษาที่ไปผูกโบว์ขาวถูกตำรวจเรียกไปแจ้งข้อหาเป็นแถว

บางคนถูกคุกคาม ดังมีเจ้าหน้าที่ปกครองไปก่อกวนถึงบ้านโฆษกศูนย์นักเรียนนักศึกษา สนท. น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ตั้งคำถามข่มขู่มารดาของเธอ “ใครเป็นเจ้าของบ้าน” แถมลงท้ายด้วยว่า “เดี๋ยวนายผมจะโทรมานะ”
 

ต่อการที่อาทิตย์นี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อโควิด-๑๙ สะสม ๓,๑๔๘ ราย อยู่ในอันดับ ๙๒ ของโลก และเสียชีวิตแล้วเพียง ๕๘ ราย ขณะที่ในสหรัฐและบราซิล จำนวนคนตายและติดเชื้อยังเพิ่มอย่างน่าใจหาย สวนทางกับบรรยากาศ ผ่อนคลาย

ก็ ดั๊น อีกแหละ ขณะที่แถลงทางการวันนี้บอกในประเทศมีผู้ติดเชื้อเพิ่มแค่รายเดียว แต่ไปเจอผู้ติดเชื้อจากไทยที่พม่า ๑๙ ราย ตัวเลขไม่ใหญ่นักหากเทียบกับระดับโลก แต่หมอไทยบอก น่าห่วงจนกระทรวงสาธารณสุขยอมรับ

เป็น “ตัวเลขที่ค่อนข้างสูง ดังนั้น สธ.ของไทย อยู่ระหว่างการตรวจสอบความชัดเจนของรายงานข่าวดังกล่าวจากทางการพม่า และองค์การอนามัยโลก” ระหว่างนี้ข้อเท็จจริงต่างๆ ก็พรั่งพรูออกมาตามสื่อเสรี โซเชียลมีเดีย

จากข่าวรอยเตอร์ระบุว่าสาธารณสุขเมียนมาร์ประกาศเมื่อ ๑๙ มิ.ย.พบผุ้ติดเชื้อไวรัสโควิดใหม่อีก ๒๓ คน เป็นชาวพม่าถูกผลักออกจากมาเลเซีย ๔ คน และไทย ๑๙ คน ตั้งแต่วันที่ ๘ มิ.ย. “หลังจากถูกจับกุมฐานละเมิดวีซ่า และกักขังไว้ที่ศูนย์กักตัว” ใกล้ชายแดนแม่สอด จังหวัดตาก

มีรายละเอียดเพิ่มเติมด้วยว่า ๒๓ คนที่ถูกผลักกลับพม่านี้ มาจากที่ตรวจพบเชื้อ COVID-19 Positive’ ที่ด่าน ตม.สงขลา ระหว่างการกักตัว “เนื่องจากเอกสารการเดินทางไม่ครบถ้วน...ทั้งหมดถูกส่งกลับถึงด่านเมียวดี-แม่สอดตั้งแต่วันที่ ๘”

จึงเป็นที่วิจารณ์กันหนักว่าระวังให้ดีทั้งที่แม่สอดและสงขลา บ้างแนะว่าการสุ่มตรวจเฉพาะกลุ่มเสี่ยงเช่นที่ทำมาอาจไม่พอ ต้องทำการตรวจดะในพื้นที่เสี่ยงแบบที่เยอรมนีและไต้หวันทำ เลยช่วยไม่ได้เมื่อการวิพากษ์ไปกันใหญ่ ว่าที่เจอน้อยเพราะไม่ค่อยตรวจ

‘Somehow’ ประธานาธิบดีสหรัฐงับไอเดียไปใช้ “ตรวจน้อยๆ หน่อย จะได้ไม่ค่อยเจอ” เฮียทรั้มพ์เค้าพูดปาฐกถาระหว่างรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งนัดแรก ไม่ฟังเสียงค้านเสียงเตือนของผู้เชี่ยวชาญการแพทย์ ว่าการชุมนุมคนนับพันๆ ในที่ปิดเช่นนั้น เสี่ยง
 
ข่าวเอเอฟพีว่าไม่รู้ทรั้มพ์ถ่มออกมาเพราะเอาใจพวกฐานเสียงประเภทระห่ำ หรือว่าด้วยก้นบึ้งแห่งจิตสำนึกเขาเป็นเช่นนั้นเอง เมื่อบอกว่าการตรวจหาเชื้อโควิด-๑๙ แบบกวาดให้ทั่วนั้น “เป็นดาบสองคม” ในเมื่ออเมริกาทำการตรวจมากกว่า ๒๕ ล้านราย

“นี่เป็นส่วนที่ไม่ดี” ทรั้มพ์ว่า “เมื่อทำการตรวจจำนวนมากขนาดนั้น มันก็ต้องเจอคนป่วย คนที่ติดเชื้อจำนวนมากขึ้นน่ะสิ” นี่นะระดับวุฒิปัญญาประธานาธิบดีอเมริกันคนนี้ “ผมเลยสั่งเจ้าหน้าที่ของเรา เฮ้ยเพลาๆ มือกันหน่อย” เค้าว่า


ไม่ว่ากรณีไหนไทยหรืออเมริกา โคโรน่าไวรัสมาเปิดช่องให้พวกผู้เผด็จการฉวยโอกาสกระชับอำนาจกันมากขึ้น รายงานอันนี้เขาเน้นประเทศที่ไม่ค่อน อิน กับประชาธิปไตยเท่าไรนัก รวมทั้ง ไทยถึงตอนนี้ไม่รู้ไงทรั้มพ์เอาบ้าง

สงสัยกำลัง ‘depressed’ เก็บกดหนัก ไหนจะเจอ รีพับลิกัน ที่ยังมีจิตสำนึกประชาธิปไตย ไม่ว่าจ๊อร์จ ดับเบิ้ลยู มิตต์ รอมนี่ย์ กระทั่งลินซี่ย์ แกรมม์ ประกาศแล้วรับไม่ไหว ไหนจะโดนลูกน้องเก่าเปิดโปงความเห็นแก่ตัวเองมากกว่าชาติ

โดยเฉพาะการดึงดันเปิดชุมนุมหาเสียงที่ทุลซ่า โอกลาโฮม่า จนได้ไม่สนโควิด คนไปร่วมน้อยกว่าที่คาดหวังมาก ก็ ดั๊น อีกนิ ให้ผู้สมัครเข้าร่วมเซ้นสัญญาจะไม่เอาเรื่องหากติดโควิดกลับบ้าน คนกล้าเสี่ยงตายอย่างนั้นเลยน้อยลงไป