วันพุธ, มิถุนายน 24, 2563

ชวนรู้จัก #พลตรีพระประศาสน์พิทยายุทธ (วัน ชูถิ่น) ๑ ใน ๔ ทหารเสือคณะราษฎร ผู้ทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดิน เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕



#พลตรีพระประศาสน์พิทยายุทธ (วัน ชูถิ่น)
( ๒๔๓๗ - ๒๔๙๒)
๑ ใน ๔ ทหารเสือคณะราษฎร
ผู้ทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดิน
เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕
...
๔ ทหารเสือ คือ นายทหารบกชั้นผู้ใหญ่ระดับเสนาธิการและคุมกำลังพล ประกอบด้วย พระยาพหลพลพยุหเสนา พระยาทรงสุรเดช พระยาฤทธิอัคเนย์ และ พระประศาสน์พิทยายุทธ ซึ่งเป็นทหารเสือที่อายุน้อยที่สุด ด้วยวัยวุฒิ ยศ บรรดาศักดิ์
...
วัน ชูถิ่น เกิดที่ข้างวัดรังษีสุทธาวาส ต่อมารวมเป็นวัดเดียวกับวัดบวรนิเวศ เข้าศึกษาทหารบกอายุ ๑๔ ปี, ในช่วงปลายรัชกาลที่ ๖ สำเร็จการศึกษาออกเป็นนักเรียนทำการนายร้อยในปี ๒๔๕๔ สอบคัดเลือกไปเรียนต่อที่โรงเรียนนายร้อยทหารบกเยอรมนี... ในสงครามโลกครั้งที่ ๑ ขณะติดยศร้อยตรีเป็น ๑ ใน ๑๙ นายทหารระดับสูงที่ทำหน้าที่ประสานงานระหว่างกองทัพไทยกับฝ่ายสัมพันธมิตร ที่เรียกว่า "กองฑูตศึกสัมพันธมิตร"
...
แผนการในการก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดินโดยปฏิบัติการด้วยกำลังทหารนั้น นอกจากพระยาทรงสุรเดชจะเป็นผู้เดียวที่รับรู้แล้วเพราะเป็นผู้วางแผนทั้งหมด ก็มีพระประศาสน์พิทยายุทธเท่านั้นที่ทราบเนื่องจากได้ร่วมวางแผนบางส่วน

การประชุมวางแผนการเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดินในประเทศไทย คณะราษฎรได้ประชุมกันสองครั้ง การประชุมครั้งแรกเกิดขึ้นไม่กี่เดือนก่อนปฏิบัติการที่บ้านพักพระยาทรงสุรเดช ถนนประดิพัทธ์ ใกล้ย่านสะพานควาย ครั้งที่สองที่บ้านพัก ร.ท.ประยูร ภมรมนตรี ถนนเศรษฐศิริ พระยาทรงสุรเดชเสนอแผนการว่า ใช้ทหารยึดพระที่นั่งอัมพรสถานซึ่งเป็นที่ประทับของรัชกาลที่ ๗ ในเวลากลางคืน และขอถวายความอารักขาแก่ในหลวงในฐานะองค์ประกัน แล้วบังคับให้ลงพระปรมาภิไธยพระราชทานรัฐธรรมนูญแก่ประชาชน แต่แผนการนี้ พระประศาสน์พิทยายุทธไม่เห็นด้วย เพราะระหว่างบุกเข้าไปอาจเกิดการปะทะกันกับทหารมหาดเล็กจนถึงขั้นนองเลือด ผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองได้ตกลงในหลักการของการเปลี่ยนแปลงการปกครองครั้งนี้คือ จะต้องพยายามไม่ให้เกิดการนองเลือด จะต้องไม่กระเทือนพระเกียรติยศกษัตริย์เกินควร และตกลงจะทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดินในช่วงเวลาที่รัชกาลที่ ๗ แปรพระราชฐานไปที่พระราชวังไกลกังวล หัวหิน

การประชุมครี่งที่สอง ที่บ้านร.ท.ประยูร ภมรมนตรี พระยาทรงสุรเดชจึงเสนอแผนใหม่ ๓ แผน
แผนที่ ๑
ให้นัดประชุมนายทหารที่กรมเสนาธิการ หรือที่กรมศึกษา หรือที่ศาลาว่าการกลาโหมเพื่อประกาศว่าจะเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดินผู้ใดไม่เห็นด้วยจะเข้าควบคุมตัวไว้ ในระหว่างนั้นคณะผู้ก่อการฝ่ายทหารเรือและพลเรือนแยกย้ายกันไปคุมตัวเจ้านายและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่มากักตัวที่พระที่นั่งอนันตสมาคมหรือบนเรือรบ
แผนที่ ๒
ให้จัดส่งหน่วยต่างๆ ไปคุมตามวังเจ้านายและข้าราชการคนสำคัญ ในขณะเดียวกันให้จัดหน่วยออกทำการตัดการสื่อสารติดต่อ เช่น โทรเลข โทรศัพท์ และให้จัดการรวบรวมกำลังทหารไปชุมนุม ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า โดยวิธีออกคำสั่งลวงในตอนเช้าตรู่แล้วประกาศเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดินต่อหน้าทหารเหล่านั้น แล้วจัดนายทหารฝ่ายก่อการเข้าควบคุมบังคับบัญชาทหารเหล่านั้นแทนผู้บังคับบัญาชาคนเดิม ทหารก็จะฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชาคนใหม่ต่อไปการณ์คงสำเร็จเรียบร้อย โดยไม่ต้องมีการต่อสู้นองเลือด
แผนที่ ๓
ให้หน่วยทหารหน่วยหนึ่งจู่โจมเข้าไปในวังบางขุนพรหม จับกุมตัวสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ผู้มีอำนาจและบารมีสูงผู้ทรงควบคุมหน่วยงานความมั่นคงทั้งทหารและตำรวจ นำตัวมาประทับที่พระที่นั่งอนันตสมาคมเพื่อเป็นตัวประกันความปลอดภ้ยของคณะราษฎร และให้ดำเนินการอย่างอื่นๆ ตามที่กล่าวในแผนที่ ๒
ที่ประชุมพิจารณาแล้วเห็นด้วยกับแผนที่ ๓ จึงตกลงตามแผนนี้ จึงตกลงดำเนินการตามนี้ในวันอาทิตย์ที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๔๗๕ แต่สถานการณ์ยังไม่เป็นไปตามแผนจึงเลื่อนเป็นวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๔๗๕ แต่สมาชิกคณะราษฎรยังไม่พร้อมจึงเลื่อนเป็นวันศุกร์ที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕
...

เช้ามืดของวันศุกร์ที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕
พระประศาสน์พิทยายุทธ ขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ยศนายพันโท ตื่นตามเวลาที่กำหนดเอากรรไกรเหล็กที่ซื้อมาสองชุดสำรองไว้หนึ่งชุดเพื่อเตรียมการให้พระยาพหลฯใช้ตัดโซ่เหล็กที่คล้องประตูคลังแสงอาวุธ(เพื่อขนอาวุธออกมา)ในกรมทหารม้าที่ ๑ รักษาพระองค์(ม.๑ รอ.)เกียกกาย ใส่กรรไกรเหล็กในรถยนต์ แล้วเขียนจดหมายสั่งเสียภรรยาก่อนออกจากบ้านประมาณเวลา ๔ นาฬิกาเศษ ขับรถไปรับพระยาพหลพลพยุหเสนาที่บ้านพัก จากนั้นมุ่งไปที่นัดหมายห่างจากบ้านพักพระยาทรงสุรเดชราว ๒๐๐ เมตร มีหลวงพิบูลสงคราม หลวงทัศนัยฯ หลวงพรหมโยธี ขุนปลดปรปักษ์ ขุนเรืองวีรยุทธ ไชย ประทีปะเสน และคนอื่นๆ ที่เคยเป็นศิษย์พระประศาสน์ฯรออยู่ ใกล้เวลา ๐๕.๐๐ น.พระยาทรงสุรเดชก็มาถึงจึงแบ่งหน้าที่ให้แต่ละคนอย่างชัดเจน..
.
.
#เริ่มปฏิบัติการสายฟ้าแลบ
จากนั้นสั่งให้นายทหารเป็นผู้นำรถยนต์หุ้มเกราะ รถเกราะ รถยนต์บรรทุก รถนั่ง ออกจากกรมทหารม้ามารับกระสุนที่พระยาพหลพลพยุหเสนา กับ หลวงสฤษดิ์ยุทธศิลป์ที่สามารถใช้กรรไกรเหล็กตัดกุญแจเหล็กคลังอาวุธได้...
หลวงชำนาญยุทธศิลป์ผู้มีเสียงอันดังมีหน้าที่ปลุกทหารเร่งมารวมพลเข้าแถวหน้ากรมทหารม้าให้เร็วที่สุดโดยไม่ต้องล้างหน้า จากนั้นเคลื่อนขบวนขึ้นรถยนต์ของกรมทหารปืนใหญ่ที่พระยาฤทธิอัคเนย์สั่งเตรียมพร้อมอยู่แล้ว หลวงพิบูลฯและนายทหารหนุ่มมีหน้าที่คุมบ้านผู้อำนวยการกรมทหารม้า พระประศาสน์พิทยายุทธเป็นผู้จัดการให้รถทุกคันออกให้หมด โดยไม่ให้รถแล่นแตกแถวไปบอกฝ่ายตรงข้ามให้รู้ตัวเตรียมต่อสู้ แล้วจึงขึ้นรถปิดท้ายขบวน ผ่านหน้ากองพันทหารช่าง ทหารกำลังฝึกอยู่บนสนามหญ้าหน้ากองพัน พระประศาสน์กวักมือและส่งเสียงตะโกนผู้บังคับกองพันเข้าใจว่า ถึงเวลาต้องการใช้ทหารตามที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ จึงสั่งทหารขึ้นรถ...ภายในครึ่งชั่วโมงรถแล่นไปยังพระที่นั่งอนันตสมาคมมีพระยาทรงสุรเดชเป็นผู้อำนวยการอยู่ที่นั่น...หลวงสินธุ์ฯพร้อมด้วยทหารเรือประมาณร้อยคนมารออยู่ที่ลานพระบรมรูปทรงม้าก่อนเวลาหกโมงเช้า...ที่นั่นมีกองพันทหารราบซึ่งได้นัดหมายไว้ก่อนแล้ว นักเรียนนายร้อยทั้งหมดในความควบคุมของผู้บังคับการโรงเรียนและครูฝึกวิชาทหาร...
#ท่ามกลางทหารจำนวนมาก #นายพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนาหัวหน้าคณะราษฎร #ได้เดินออกมายืนเบื้องหน้าแล้วประกาศเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูาณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบราชาธิปไตยใต้รัฐธรรมนูญ...
ภายหลังจากนั้นพระประศาสน์พิทยายุทธต้อนทหารทั้งหมดเข้าประตูรั้วเหล็กของพระที่นั่งอนันตสมาคม แล้วสั่งให้ทหารทุกเหล่าเข้าแถวคละกัน
.
.
#พระประศาสน์พิทยายุทธได้รับคำสั่งให้ไปทำการจับกุมตัวสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ผู้มีอำนาจเด็ดขาดในการรักษาพระนคร ที่วังบางขุนพรหม บางลำพู...พระประศาสน์พิทยายุทธนำกำลังทหารจำนวนไม่มากนักพร้อมรถหุ้มเกราะไปที่สถานีตำรวจบางขุนพรหมเชิญตัวนายร้อยตำรวจโทผู้บังคับการขึ้นรถจากนั้นขบวนรถแล่นเข้าสู่ประตูวังบางขุนพรหม ตำรวจที่เฝ้าประตูวังเห็นนายร้อยตำรวจโทผู้บังคับการของตนเองนั่งมาในรถจึงรีบเปิดประตูวัง ขบวนรถทหารของพระประศาสน์พิทยายุทธจึงเข้าสู่วังบางขุนพรหมได้อย่างง่ายดาย ภายในตัววังมีปืนหลายชนิดหลายกระบอก #พระอาสาพลนิกรซึ่งทำหน้าที่รับใช้กรมพระนครสวรรค์ฯใช้ปืนยิง ปัง ปัง ใส่ขบวนทหารของผู้ก่อการที่กำลังแล่นรถเข้าไป #ทหารผู้ก่อการจากรถหุ้มเกราะจึงยิงโต้ตอบแต่ใช้ลักษณะยิ่งขึ้นฟ้า พระอาสาพลนิกรจึงหลบหนีหายไปทางเบื้องหลังพระที่นั่ง
พระประศาสน์พิทยายุทธสั่งให้ทหารบนรถกระโดดลงขยายแถวเรียงหน้าไปตามสนามหญ้าหน้าพระตำหนักวังทันที และสั่งให้นายร้อยตำรวจโทผู้บังคับกองขึ้นไปทูลเชิญสมเด็จเจ้าฟ้าฯ ลงมาเจรจากัน ณ เบื้องล่าง โดยให้เวลาตัดสินใจ ๑๕ นาที หมดเวลา ๑๕ นาทีแล้ว พระประศาสน์พิทยายุทธสั่งให้ทหารเข้าล้อมวังทันที ทหารพร้อมอาวุธขยายแนวเดินเข้าสู่พระตำหนัก ปรากฏว่าสมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระนครสวรรค์ฯและข้าราชบริพารนับร้อยไปคับคั่งอยู่ที่ท่าน้ำเตรียมหนีทางเรือ เรือรบของทหารเรือฝ่ายก่อการติดเครื่องบรรจุกระสุนดักอยู่ในแม่น้ำหน้าท่าน้ำ ขณะที่ทรงงันงงไม่มีใครกล้าลงเรือหนี ทหารฝ่ายก่อการก็เข้าไปควบคุมตัวอย่างจริงจัง ฝ่ายสมเด็จเจ้าฟ้าฯก็เตรียมพร้อม พวกผู้ชายมีปืนสั้นบรรจุกระสุนพร้อม
จะแสดงความจงรักภักดีพลีชีพเพื่อเจ้านายของตน ทหารฝ่ายผู้ก่อการก็มั่นใจในอุดมการณ์จะสร้างประชาธิปไตยให้ชาติให้ได้ในครั้งนี้ ยินดีพลีชีพเพื่ออุดมการณ์
ในนาทีนั้นพระประศาสนส์พิทยายุทธ ตัดสินใจสั่งทหารด้วยเสียงอันดังว่า
#อย่ายิงจนกว่าฉันจะสั่งยิงหรือฉันเป็นอันตราย"
คำสั่งแบบจิตวิทยาสะกดกระบอกปืนทั้งสองฝ่าย ไม่มีใครกล้าลั่นปืนออกมา...
ท่ามกลางการประจัญหน้ากัน เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น "เอ๊ะ อีตาวันเป็นกบฏกับเขาด้วยหรือ?" เป็นเสียงของสมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระนครสวรรค์ฯรับสั่ง "มิได้ฝ่าบาท" พระประศาสน์ฯทูลตอบ "เราต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เราไม่มีเจตนาสักนิดเดียวที่จะทำลายกษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ และมิเป็นการสมควรที่จะกราบทูลเรื่องอันเป็นความลับต่อฝ่าบาทด้วยเสียงอันดังต่อหน้าธารกำนัล ฉะนั้นเกล้ากระหม่อมขอเชิญเสด็จไปเจรจาการเมืองเรื่องสำคัญอันลับอย่างยิ่งที่หน้าสนามพระตำหนักพะยะค่ะ" "ก็ได้" สมเด็จเจ้าฟ้าฯทรงตอบ
พระประศาสน์พิทยายุทธเดินออกห่างจากทหารผู้ก่อการที่มาทำหน้าที่ด้วยกัน พร้อมด้วยสมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระนครสวรรค์ฯซึ่งมีพระยาอธิกรณ์ประกาศเป็นองครักษ์ตามไปในลักษณะ ๒ ต่อ ๑ การเจราจานั้นพระประศาสน์พิทยายุทธพยายามชี้แจงในเรื่องไม่ต้องการทำลายหรือคิดร้ายต่อพระมหากษัตริย์หรือพระบรมวงศานุวงศ์ หรือต้องการพระราชทรัพย์แต่อย่างใด ต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดินเป็นระบอบประชาธิปไตย และไม่ต้องการให้เกิดการนองเลือดจึงขอเชิญเสด็จพระองค์ท่านเป็นตัวประกัน และจะส่งคนไปเฝ้าพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ณ พระราชวังไกลกังวล เชิญเสด็จฯมายังพระนคร และขอพระราชทานรัฐธรรมนูญต่อไป ถ้าไม่ฟังเหตุผลไม่ยอมไปกับเรา ก็ยอมไม่ได้... ขณะที่การเจรจากำลังแรงขึ้นนี้เอง #พระยาอธิกรณ์ประกาศควักปืนพกออกจะยิงพระประศาสน์พิทยาุทธ #หลวงนิเทศกลกิจทหารฝ่ายก่อการกระโดดเตะมือพระยาอธิกรณ์ประกาศปืนกระเด็นตกลงพื้น #ทหารฝ่ายก่อการฮือเข้ามาเก็บปืน พระประศาสน์ฯ ก้าวไปหน้าทหารร้องสั่งทันที
"เรากำลังเจรจากันโดยสงบ ทำไมใช้อาวุธลอบทำร้ายกันเช่นนี้ ทหารยึดอาวุธให้หมด" พอขาดคำทหารฝ่ายก่อการก็ถือปืนในท่าเตรียมยิง เดินแถวตรงเข้ารับอาวุธจากทหารสมเด็จเจ้าฟ้าฯ ฝ่ายสมเด็จเจ้าฟ้าฯทุกคนต่างตะลึงรู้ว่าตนเป็นฝ่ายผิด เพราะหัวหน้าตนจะไปยิงเขาก่อน ต่างไม่มีใครกล้าขัดขืน.... สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระนครสวรรค์วรพินิจเห็นสถานการณ์แล้วจึงตรัสว่า " เฮ้ย อีตาวัน ข้าตกลงจะไปให้ แต่ขอขึ้นไปแต่งตัวให้ดีๆ หน่อยนะ" " ไม่ได้พะยะค่ะ" พระประศาสน์ฯตอบ ...ในที่สุดจึงเสด็จไปกับทหารฝ่ายก่อการในชุดกางเกงแพรโดยมีข้าราชบริพารตามไปด้วย...
.

จากนั้นพระประศาสน์พิทยายุทธนำกำลังทหารฝ่ายก่อการมุ่งไปบ้านพระยาสีหราชเดโชชัย เสนาธิการทหารบก "เสือร้ายที่สุดของทหาร" ที่บ้านใกล้วัดโพธิ ก่อนหน้านี้พระยาสีหราชเดโชชัยทราบข่าวทางลับว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจึงระมัดระวังตัวเป็นพิเศษมีปืนติดตัวอยู่เสมอ พระประศาสน์พิทยายุทธนำกำลังทหารฝ่ายก่อการไปถึงบ้านท่านในขณะที่ท่านอาบน้ำพอดี จึงสั่งทหารฝ่ายก่อการจู่โจมเข้าล้อมบ้านเอาไว้ พระยาสีหราชเดโชชัยอาบน้ำเสร็จกำลังออกจากห้องน้ำนุ่งผ้าอาบน้ำผืนเดียว... จึงถูกควบคุมตัวอย่างง่ายดายโดยไม่มีการขัดขืนแต่อย่างใด
พระประศาสน์พิทยายุทธนำตัวทั้งหมดไปควบคุมยังพระที่นั่งอนันตสมาคม... การควบคุมตัวบุคคลสำคัญสูงสุดทางการทหารจึงสำเร็จด้วยสติปัญญาและไหวพริบของฝ่ายปฏิบัติการซึ่งนำโดยพระประศาสน์พิทยายุทธ...
ฯลฯ
...
...
หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดิน พระประศาสนส์พิทยายุทธ ได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการราษฎร ซึ่งเป็นคณะรัฐมนตรีชุดแรกของไทย ฯลฯ หลังเหตุการณ์วันที่ ๑ เมษายน ๒๔๗๖ พระยามโนปกรณ์นิติธาดานายกรัฐมนตรีประกาศปิดสภา งดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา จนทำให้เกิดความแตกแยกในคณะราษฎร ฯลฯ
...
...
พ.ศ.๒๔๘๒ สมัยจอมพล ป.พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี พระประศาสน์พิทยายุทธได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชฑูตไทยประจำจักวรรดิไรซ์ที่สาม(เยอรมนี) ...ฯลฯ
เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ ความเป็นอยู่ลำบาก บุตรสาวคนโตของพระประศาสน์ฯเสียชีวิตจากการถูกระเบิดถล่่มบ้านพักสถานฑูต จึงส่งภรรยาและบุตรที่เหลือกลับเมืองไทย เมื่อสงครามโลกครั้งที่ ๒ สิ้นสุดลง กองทหารสหภาพโซเวียตบุกเข้ากรุงเบอร์ลิน พระประศาสน์ฯถูกทหารโซเวียตจับตัวไปขังยังค่ายกักกันในกรุงมอสโค ซึ่งมีอากาศหนาวเย็นมากเป็นเวลา ๗ เดือนครึ่ง จึงได้รับการปล่อยตัว
...
หลังเดินทางกลับเมืองไทยแล้ว พระประศาสน์พิทยายุทธได้รับการแต่งตั้งเป็นอธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลข เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๔๙๐ ก่อนจะถึงแก่กรรมในวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๔๙๒ ด้วยโรคตับเนื่องจากติดสุราและดื่มสุราจัด