วันพุธ, ตุลาคม 23, 2562

"ทุกคนต้องช่วยกัน" คุณธรรมการบินไทย เหมือนข้อแก้ตัวสำเร็จรูปตั้งแต่นายกฯ ลงไป

อยากให้ทำมากขึ้น เป็นเรื่องที่ทุกคนทุกฝ่ายต้องเริ่มที่ตัวเอง” ตัวใหญ่คนหนึ่งพูดกับพวกตัวเล็กๆ “แต่สิ่งที่ DD ต้องการเห็นในวันนี้คือ ความร่วมมือของพนักงานทุกคน” ฟังแล้วคลับคล้ายคำของตัวใหญ่ที่สุดแห่งเมืองนี้

ข่าวว่าผู้บริหารสูงสุดของการบินไทยยอมรับเป็นครั้งแรกว่ามี วิกฤตจริง ในบริษัท เพราะ “การแข่งขันในปีนี้รุนแรงมากขึ้นจนทำให้ Operating Profit ติดลบ” แต่ก็ “ขอยืนยันว่า ไม่ยอมแพ้ แม้สถานการณ์จะน่ากลัว”

ปัญหาเรื่อง บ่จี๊ไม่มีรายได้เข้าแต่รายจ่ายจมหูเนี่ย มีข้อแก้ตัวสำเร็จรูปเหมือนๆ กันยังกับ ‘default’ ในภาษาไอที ตั้งแต่นายกฯ ลงไปถึงรัฐมนตรีช่วยว่าการ ต้องบอกว่าเศรษฐกิจโลกยังไม่กระเตื้อง สงครามการค้ามหาอำนาจ บลา บลา บลา

ผมทำคนเดียวไม่ได้ งานเยอะหลายด้าน ประชาชนต้องช่วยกัน ข้าว-ยางไม่ดีให้ไปปลูกหมามุ่ย-สตรอว์แบรี่ น้ำท่วม-เลี้ยงปลา น้ำลด-ขุดบ่อ ซื้อเรือดำน้ำ-รถถังไว้ใช้สวนสนาม เพื่อนบ้านจะได้เกรงใจ อะไรเทือกนั้น

ขนาดจะแห่แหนล่องเรือ เชิดหน้าประชันกับพิธีโบราณแดนอาทิตย์อุทัยเสียหน่อย ยังต้องเลื่อนออกไป เหตุเพราะ concubine หมายเลข ๑ เกิดเฮี้ยวแย่งที่นั่ง นี่ละ ไตแลนเดีย แดนกะลา

ดังนั้นเมื่อกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ หลุดออกมาระหว่างอบรม คุณธรรมการบินไทย เมื่อ ๑๗ ตุลาว่า การแก้ปัญหาที่ให้ลดเงินเดือนฝ่ายบริหารก็ไม่เกี่ยวกับพนักงานระดับล่าง” จึงหมายความอย่างเดียวกับที่นายกฯ บอกว่าประชาชนต้องช่วยกัน

คำว่า “ถ้าพนักงานยังไม่ตื่น และไม่ทำอะไรจริงจัง ก็หมดเวลาที่จะสู้กันแล้ว” ของ สุเมธ ดำรงชัยธรรม มีความหมายอย่างเดียวกับที่โฆษกรัฐบาล คสช.๒ บอกว่าคนจนดีแต่แบมือขอ ไม่ยอมช่วยตัวเอง งบประมาณเบิกง่ายเอาไปแจกชั้นกลางดีกว่า นี่ก็เพิ่งแถม ชิมช้อปใช้ อีก ๘๐๐

ขณะที่สมัชชาคนจนปักหลักเรียกร้องริมคลองข้างทำเนียบมาเกือบ ๒๐ วันแล้ว ไม่ได้อะไรคืบหน้า รัฐมนตรีหลายกระทรวงส่งลูกน้องไปเจรจา ๔-๕ รอบ แล้วยังสรุปอะไรไม่ได้ เก็บข้อมูลเข้าแฟ้มกลับกระทรวงรอเจ้านายตัดสินใจ
 
พวกที่ตัดสินใจไวเกิ๊นอย่าง คมนาคม คิดจะขาย จีพีเอส ให้รถทุกคันต้องติด เครื่องละ ๓ พันบาท ค่าบริการอีกเดือนละ ๓๐๐ เจอผู้บริโภครู้ไต๋ค้านทันควัน ไม่เกินข้ามวัน ยอมถอย เปลี่ยนจากหาข้อสรุป ๑ เดือน ไปเป็นขอศึกษา ๑ ปี


เรื่องชาวบ้านหลากหลายจังหวัดโดยการประสานของสมัชชาคนจน มาชุมนุมกางเต๊นนอนกันอยู่ที่ถนนราชดำเนินนอก ๑๗ วันเข้านี่แล้ว ไม่เป็นข่าวออกสื่อสายหลัก นอกจาก ว้อยซ์และโคโค่นัทส์แต่ว่าแกนนำถูกฟ้องคดี สอย ทีละคนสองคน

เมื่อวานที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายเรียกแกนนำ ในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน ตาม พ.ร.บ. การชุมนุมในพื้นที่สาธารณะ ทั้งที่แกนนำมีการแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อขออนุญาตชุมนุมแล้ว” ไพฑูรย์ สร้อยสด โฆษกสมัชชาคนจนเผย

ในขณะที่การเจรจาบางส่วนไม่มีความคืบหน้า แถมกระบวนการแก้ปัญหา “เหมือนย้อนกลับไปเริ่มต้นใหม่ เมื่อปี ๒๕๔๕” อย่างเรื่องเขื่อนปากมูล แก่งเสือเต้น และท่าแซะ การเจรจา “คืบหน้าราว ๒๐% แต่ไม่เห็นแนวทางการแก้ไขที่เป็นรูปธรรม”

คืบหน้าน้อยที่สุดก็เรื่อง ทวงคืนผืนป่าฝ่ายสมัชชาฯ ชี้ว่าปัญหาอยู่ที่ “แนวทางของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.)” จึง “เสนอให้ใช้ พ.ร.บ.จัดที่ดินเพื่อการครองชีพ ๒๕๑๑ แทน เพิ่อจัดสรรในรูปแบบนิคมสหกรณ์”

ยื่นไปตั้งแต่วันที่ ๒๑ กันยา แม้ถึงวันเริ่มชุมนุมเมื่อ ๖ ตุลา รัฐมนตรีอ้างว่ายังไม่รู้เรื่อง “ไม่ทราบรายละเอียด” ถึงตอนนี้ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐไปคุกคามครอบครัวและญาติของแกนนำในต่างจังหวัด ที่วาริชภูมิ สกลนครมีการพกปืนให้เห็น และใช้มือตบที่ปืนระหว่างไปถามหาแกนนำกับภรรยาและลูกของเขา

 
ผู้สื่อข่าว ‘Coconuts Bangkok’ ลงพื้นที่สัมภาษณ์ผู้ชุมนุมตามเต๊นต่างๆ ริมถนนราชดำเนินนอก ใกล้ทำเนียบรัฐบาล ฉลวย จันทร์ช่วง จากชุมพรกล่าวถึงเขื่อนท่าแซะว่า “จะช่วยอะไรไม่ได้เลยถ้าเกิดภัยธรรมชาติ” มันไม่ได้แก้ปัญหาน้ำท่วมหรือน้ำแล้ง

แต่กลับ “จะทำให้ชาวบ้าน ๗๐๐ หลังคาเรือนต้องพลัดที่อยู่อาศัย” สตรีอีกคนจากศรีสะเกษพูดบ้าง “ไม่ใช่ว่าพวกเราอยากที่จะมาชุมนุมนี่นะ เราต้องมานอนข้างถนนก็เพราะชีวิตความเป็นอยู่ของเรามันพังไปแล้ว”

เทียร่า กมลวัฒนาวิทย์ รายงานด้วยว่า ผู้ชุมนุมหลายต่อหลายคนขอโทษขอโพย ที่ต้องมากางเต๊นกีดขวางเส้นทางจราจรอย่างนี้

(https://coconuts.co/bangkok/news/wont-leave-till-demands-met-say-hundreds-of-rural-poor-encamped-in-bangkok/)