บรรยากาศเคลื่อนคลายส่ายการเมืองช่วงนี้คึกคัก
มีสีสันทั้งเทือกเผด็จการและเถาประชาธิปไตย รปช.ของ ‘เทือก’ ไปบึงกุ่มมีพวกอี๊ๆ ป้าๆ
ออกมาเป่านกหวีดรับกันเป็นร้อย
ปชป.ของ ‘หมอ’
(มั้ง) หาเสียงกันถล่มทลาย แค่เลือกหัวหน้าพรรคมีโหวตหยั่งเชิง ‘เนชั่น’ จัดให้ นพ.วรงค์ เดชวิกรม ชนะ อภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ ร้อยละ ๖๗ ต่อ ๓๓
‘เพื่อธรรม’ ของ ‘เจ๊’ ก็ไม่เบา ‘เอาจริง’ จัดประชุมพรรคไปแล้ว ผู้คนหนาแน่นอยู่
ใครจะว่านอมินีหรือ ‘สำรอง’ เยาวภา
วงศ์สวัสดิ์ รับประกันดันสามีอดีตนายกฯ สมชาย ไปถึงฝั่งให้จนได้ไม่ต้องอิง ‘เพื่อไทย’ แค่อิง ‘ชินวัตร’
ด้านพรรค ‘เกียน’ ของ ‘ลายจุด’ ทั้งสีสันทั้งแหวกแนว
เริ่มจากขอจดชื่อตั้งดั้งเดิม ‘เกรียน’ กกต.ไม่รับ พอเปลี่ยนเป็นเกียน (แปลว่า ‘อ่าว’) อ๊ะอนุมัติ แม้จะใช้เวลาตรึกตรองกว่า ๕ เดือนถึงจะยอม
ครั้นถึงวันนัดประชุมพรรคการเมือง สมบัติ
บุญงามอนงค์ ผู้จุติความ ‘เกรียนอย่างมีสาระ’
พาพลพรรคอีกสองนายไปร่วม แต่ติดอยู่หน้าประตูเจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้า
หาว่าแต่งตัวไม่สุภาพ ในชุดโอเวอร์ออลสีส้ม สวมหมวกโจรสลัด นั่นนะ
มาวานนี้ (๑ ตุลา) คณะเกียนแห่กันไปยังสำนักงานกรรมการเลือกตั้ง
หลังจากที่ได้รับแจ้งว่าชื่อเกียนโอเคใช้ตั้งพรรคได้ คราวนี้ไปกัน ๕
คนในชุดสุภาพมากขนาด ‘ออเจ้า’ ผ้าม่วง โจงกระเบน เสื้อคอเนรูห์
บก.ลายจุด ยืนยันจะ “นำความบันเทิงสู่การเมืองไทย”
แน่นอน แต่ก่อนอื่น คสช.ต้องคืนเงินที่กลับมาให้ “ในเรื่องของการที่ตนจะเป็นหัวหน้าพรรค
ตามกฎหมายจะต้องเปิดบัญชีธนาคาร แต่ตนยังถูกอายัดบัญชีตั้งแต่มีคำสั่ง คสช. เมื่อเดือนพ.ค.
๒๕๕๗”
สมบัติบอกว่า “คุณประยุทธ์ (คนที่กำลังว้าวุ่นไม่รู้จะลงพรรคไหนดี
มีลิ่วล้อเล่นการเมืองทั้งๆ ยังดำรงตำแหน่งในรัฐบาลกันเยอะ) น่าจะรู้ ๔ ปีแล้ว
เกินเลยผมมาขนาดไหน อย่าทำเป็นเนียน กรุณาคืนให้ทัน” นอกนั้นยังมีคำถาม
หนึ่ง กำหนด ๑๕๐ วันให้จัดการหาสมาชิก ๕๐๐
คนนั้น เริ่มนับแต่เมื่อไหร่ วันรับใบ ๗/๒
นี้หรือว่านับตั้งแต่ตอนยื่นจดทะเบียนพรรค
ที่ถามเพราะมันจะลำบากถ้านับตั้งแต่วันยื่นจดทะเบียน มันจะไม่ทันส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง
อย่างที่สอง เรื่องสถานที่ตั้งของพรรค
ว่าจะใช้ที่เช่าสำนักงานร่วมได้ไหม จะได้ลดค่าโสหุ้ยหน่อย อันนี้ กกต.ตอบแล้ว
ไม่ได้ ถึงอย่างไรเขาก็เตรียมจัดประชุมพรรคครั้งแรกไว้แล้ว ยังไม่รู้วันไหน
แต่รู้แน่ๆ รูปแบบต้องอย่างงานปาร์ตี้ ให้ผู้มาร่วมแต่งคอสเพลย์กันมัน
ข้อนี้ บก. มีคำชี้แจง “ขออย่ามองว่าพรรคเราแปลกหรือไร้สาระ
เพราะมันเป็นการสร้างสีสันที่มีสาระ โดยถ้าการเมืองมีความเครียด
มันจะเป็นการผลักคนออกไปจากการเมือง ไม่มีใครอยากเข้าร่วม”
มาถึงสองพรรคใหม่ฝ่ายซีเรียส ‘สามัญชน’ เปิดประชุมไปแล้วที่จังหวัดเลย หลังจากนั้นมีอาการ
‘hick up’ สะอึกเล็กน้อยเมื่อรองหัวหน้าพรรคคนหนึ่งเผยตัวต่อสาธารณะว่าเคยเป็น
กปปส. แต่ตอนนี้กลับใจแล้ว จึงออกมาขอโทษเพื่อนสมาชิก
แต่เพื่อนสมาชิกบางคน เท่าที่เห็นมีราว ๑๐
คนแล้ว ที่เข้าชื่อกันขอให้ถอดถอนนายเอกชัย อิสระทะ ออกจากตำแหน่งรองหัวหน้า (อ่านรายละเอียดที่
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1154526)
นอกนั้นมีการ ‘ถก’ กันในแวดวงนักประชาธิปไตยสายก้าวหน้าพอสมควร
จากกรณีที่มีคอมเม้นต์แปะบนเน็ตว่า “เมื่อเราดูภาพที่ อ.หวาน ตั้ง อาชีวะ อั้ม
เนโกะ หรือคนที่ลี้ภัยต่างประเทศเพราะ ๑๑๒ อย่างวงไฟเย็น
พร้อมใจกันสนับสนุนพรรคอนาคตใหม่”
เขาหมายความถึงประเด็นทำให้ “ถูกโจมตีเป็นพรรคหัวรุนแรงของเสื้อแดงแปลงร่างมา”
ร้อนถึง Romchalee Yammy
Sinseubpol ต้องตอบสนองว่า “ไม่รู้ดิ. #มันคือเสรีภาพทางการเมืองนะแยมว่า ส่วนเรื่องการ โจมตี การสาดโคลน
การโยง มันมีมานานแล้ว มีมานานก่อนที่พรรคอนาคตใหม่จะถือกำเนิดเสียอีก
...การเมืองแบบใหม่
คือต้องกล้าให้เสรีภาพแก่คนทุกคนเท่าๆ กันอย่างกล้าหาญและตรงไปตรงมา มากกว่าการเมืองเก่าๆ
ที่คอยแทงกั๊กกันอยู่ตลอดเวลา” แยมมี่มีหมายเหตุด้วยว่าเธอเองก็เชียร์ #พรรคอนาคตใหม่ และไม่เกี่ยวกับวงไฟเย็น
ที่พอร์ทและจอม “ก็ไม่ได้ออกตัวว่าเชียร์พรรคนี้เลย”
จากนั้นประเด็นถกเถียงลงลึกไปอีก โดย Praves
Prapanukun เสนอความเห็นบ้าง
“อย่างที่คุณสมยศ (พฤกษาเกษมสุข) เคยพูดต่อหน้าว่า อนาคตใหม่ไม่ซ้ายเท่าสามัญชน
แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับ อนาคตใหม่มีโอกาสแจ้งเกิดได้มากกว่าสามัญชน
โดยเฉพาะในช่วงระยะสั้นๆ นี้”
ทนายประเวศขมวดท้ายว่าในระยะยาวหากพรรคสามัญชนยังยืนยงในแนวทางต่อไปนานเข้า
ก็จะสามารถเป็นพรรคมวลชนตัวจริงได้ “แม้ตอนนี้จะต้องยอมให้อนาคตใหม่ไปก่อนก็ตาม สู้สู้...#สามัญชนคนกระทืบเทวดา”
จึงมาลงที่พรรคอนาคตใหม่ ซึ่ง ธนาธร
จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค (ไม่ใช่ว่าที่อีกแล้ว)
จัดแถลงบทบาทและจุดประสงค์ของพรรคอย่างเป็นทางการต้อนรับการรับรองของ กกต.
ซึ่งน่าจะจับแก่นของการประกาศตัวได้จากโพสต์ของโฆษกพรรค
Pannika Wanich @Pannika_FWP ทวี้ตว่า “๗ เดือนที่แล้วไม่มีใครเชื่อว่า #พรรคอนาคตใหม่
จะมาได้ไกลถึงขนาดเป็นพรรคยอดนิยม ๑ ใน ๔ ของประเทศ ชื่อธนาธรติด ๑ ใน ๓
ผู้ที่คนไทยอยากให้เป็นนายกฯ อีก ๕ เดือนจนถึงวันเลือกตั้ง เราจะไปได้ไกลแค่ไหน”
ถ้าฟังจากธนาธร
เขาพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมที่จะประชันช่วงชิงกับหัวหน้าคณะรัฐประหารที่พยายามจะผันตัวไปเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
จากระบบระเบียบทั้งในรัฐธรรมนูญที่ คสช. สั่งให้ มีชัย ฤชุพันธุ์ ร่าง และการมัดหวายเข้ากับขวานสไตล์ฟาสซิสต์ที่พวกเขาอ้างชื่อว่า
‘ยุทธศาสตร์ชาติ’
สำหรับพรรคอนาคตใหม่ไม่ต้องใช้ยุทธศาสตร์
หากแต่ยึดมั่นกับหลักการ ‘ไทยสองเท่า’
ที่เขาประกาศว่าคือ ‘เท่าเทียมและเท่าทัน’
นั่นคือในประเทศประชาชนเท่าเทียมกัน ขณะที่นอกประเทศ
ไทยเท่าทันนานาชาติ
อนาคตใหม่จะไปได้ไกลแค่ไหนเดาไม่ได้
ต้องคอยดูผลเท่านั้น
ธนาธรไปพูดไว้ที่นิวยอร์คว่าการก่อเกิดของพรรคมาจากร่วมคบคิดกับ อจ.ปิยะบุตร
แสงกนกกุล ตั้งแต่ปี ๒๕๑๘ และได้ออกวิ่งจริงๆ แบบสปริ๊นท์
หลังจากที่จดทะเบียนตั้งพรรคเมื่อสี่เดือนที่แล้ว
เขาบอกว่า ‘เหลือเชื่อ’ ที่มันเป็น (ระยะทาง) ไกลมาก ที่พรรคได้รับการตอบรับท่วมท้น
ผลจากการออกสู่พื้นที่สนทนากับชาวบ้านจังหวัดต่างๆ กว่า ๔๐ จุด
ทำให้มั่นใจว่าประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลง ต้องการหลุดพ้นจากระบอบ คสช. แน่นอน
จากการทำงานอย่างมุ่งมั่นและรวดเร็วของ ‘อนาคตใหม่’ ทำให้มีหวังว่าการเปลี่ยนแปลง ๓
ข้อให้พ้นกงกรรมกงเกวียนของรัฐประหารนั้นทำได้ ในส่วนของพรรคอนาคตใหม่เองเวลานี้ได้ได้มีตัวแทนจัดตั้งไว้แล้วทุกจังหวัด