รัฐธรรมนูญที่แทบไม่เหลือความเป็นประชาธิปไตย แค่เลือกตั้งเป็นพิธีกรรม แล้วมี ส.ว.แต่งตั้งมาร่วมเลือกนายกฯ มีสิทธิเท่าคนไทยครึ่งประเทศ แถมตาเฒ่ามีชัยยังล็อกตายให้แก้ยาก ในความเป็นจริงคงแก้ไม่ได้ ถ้าถูกฉีก ก็ไม่เห็นจะต้องเสียดายอะไร
แถมยังมาพูดในช่วงที่ยังอยู่ใต้รัฐประหารด้วยซ้ำ เออ แสดงว่ามันมีความวิตก ว่ารัฐธรรมนูญ 60 จะไปไม่รอด รัฐประหารจะเสียของอีกครั้ง
รัฐประหาร 57 เกิดเพราะรัฐประหาร 49 รัฐธรรมนูญ 50 "เสียของ" มีเลือกตั้ง พรรคพลังประชาชนชนะ ใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 237 ยุบพรรค แจกใบแดงกรรมการบริหารคนเดียว ยุบทั้งพรรค หลักกฎหมายโบราณประหารชีวิตเจ็ดชั่วโคตร ไม่ใช่หลักนิติรัฐ ไม่ใช่ความยุติธรรม ล้มรัฐบาลที่ประชาชนเลือกมา จะไม่ให้ประชาชนทวงอำนาจได้อย่างไร นี่คือที่มาแห่งความวุ่นวาย จุดไฟเผาเมือง ที่ลูกชายหัวหน้าคณะรัฐประหาร 2534 พูด (สุไม่เอาให้เต้ เคยสำนึกไหมว่าประโยคนี้ทำคนตายไปมากมาย หรือยังโทษประชาชนวุ่นวาย ไม่มีวินัย)
รัฐธรรมนูญ 60 ถอยหลังไปไกล ไม่เป็นประชาธิปไตยยิ่งกว่า 50 ใส่อำนาจรัฐประหารไว้ในรัฐธรรมนูญ 6 ผบ.เหล่าทัพเป็น ส.ว.แต่งตั้ง ควบกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ อยู่เหนือรัฐบาล องค์กรอิสระก็มีอำนาจล้นหลาม
ถ้าจะเกิดรัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญ 60 แปลว่ามันแพ้ประชาชนย่อยยับ หรือสืบทอดอำนาจได้แหละ แต่ปกครองไม่ได้ บริหารไม่รอด ประชาชนต่อต้าน จนเกิดความวุ่นวายจลาจล จนเกิดรัฐประหาร
อุตส่าห์เขียนรัฐธรรมนูญเผด็จการซะขนาดนี้ ถ้ายังไปไม่รอด รัฐประหารครั้งหน้าก็จะยิ่งเข้าทางตัน ยิ่งวิบัติ กองทัพไม่พินาศก็ใกล้เคียง
ฉะนั้น ใครต้องกลัวรัฐประหารกันแน่ ประชาชนไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้ว
อ่านบทความเต็ม
ใครกลัวรัฐประหาร :คอลัมน์ ใบตองแห้ง