ใครใกล้ชิดสาวกอดีต ‘สมีอิสระ’ ช่วยให้ไปกระซิบบอก
สุวิทย์ ทองประเสริฐ หน่อยเถอะน่า ระหว่างรอลงอาญาและอดกลับไปบวชอีก ไม่เป็นไรออกมาช่วย
‘เทพเทือก’ เดินคารวะแผ่นดินมันกว่า
ชาวบ้านที่เขารักประชาธิปไตย-อยากเลือกตั้ง จะได้มีที่ระบาย
ตามที่ ‘ราชสีห์เวทีแจ้งวัฒนะ’ ผู้ต้องโทษคดีทำร้ายตำรวจเมื่อครั้งปิดกรุงเทพฯ
เปิดทางทหารเข้ายึดอำนาจเมื่อปี ๕๗ ถูกตัดสินความผิดให้จำคุก ๓ ปี แต่รอลงอาญาไว้
๑ ปี บอกว่าเตรียมจะกลับไปบวชอีกนั้น
พระธรรมกิตติเมธี
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาส และประธานศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย
ให้ความเห็นว่า “หากศาลตัดสินว่าไม่มีความผิด
หรือศาลยกฟ้อง อดีตพระสามารถกลับมาบวชใหม่ได้”
แต่ในคดีของสุวิทย์ มีความผิด มีโทษแล้ว เพียงแต่รอลงอาญาเท่านั้น
“พระรูปดังกล่าวยังไม่สามารถกลับมาบวชใหม่ได้ ทั้งนี้หากมีพระอุปัชฌาย์รูปใดประกอบพิธีอุปสมบทให้ ก็จะมีความผิด
ถือเป็นการละเมิดจริยา พระสังฆาธิการในที่นี้คือพระอุปัชฌาย์
ซึ่งจะมีความผิดถูกเจ้าคณะผู้ปกครองในสังกัดสั่งลงโทษ โดยสั่งพักจากตำแหน่งหรือถอดถอนได้”
นายสุวิทย์ยังสามารถทำสิ่งที่ถนัดในการนำพวกการ์ดติดอาวุธ คอยคุ้มกันให้แก่นายสุเทพ
เทือกสุบรรณ ระหว่างการเดินหาเสียงตามท้องตลาด เพื่อให้พรรครวมพลังประชาชาติไทยของเขาได้เป็นที่รู้จักมักคุ้นมากพอ
เมื่อถึงเวลาที่จะใช้อ้างเป็นฐานการเมืองให้ พล.อ.ประยุทธ์
ยงใจยุทธ์ กลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีก ทำได้โดยไม่เคอะเขิน การเดินวันที่ ๕
ของคณะสุเทือก ยังคงมีคนตะโกนต่อว่าหรือเข้าประชิดซักถาม “ไหนบอกจะไม่เล่นการเมือง”
แล้วไง
บางรายเหน็บแนมยอกย้อน “ไม่ห่มผ้าเหลืองมาเหรอคะ
ไหนว่าจะบวชไม่สึก” ที่บริเวณหน้าโรงแรมแชงกรีล่า หญิงคนหนึ่งตะโกนใส่คณะของนายเทือก
“คิดว่าประชาชนโง่หรือคะ กินข้าวนะไม่ได้กินหญ้า รู้ไว้ด้วย”
อีกรายหญิงวัยกลางคนเดินปฏิทินรูป ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ด้านตรงข้ามซอยเจริญกรุง
๔๔ พร้อมตะโกนว่า “นี่แหละคือคนที่จะช่วยประชาชนอย่างแท้จริง”
ช่วงสายก่อนหน้านั้นระหว่างที่คณะของเทือกเดินเข้าไปในร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดแถวบางรัก
มีชายหนุ่มคนหนึ่งเข้าไปซักถามพร้อมกับถ่ายวิดีโอเฟชไทม์ไล้ฟ์ ว่าคิดเห็นอย่างไรถึงได้กลับมาเล่นการเมืองอีก
แล้วมาหาเสียงครั้งนี้เพื่ออะไร
เทพเทือกพยายามแก้ตัวว่าไม่ได้มาหาเสียง เพียงแต่มาเชิญชวนให้คนเข้าร่วมเป็นสมาชิก
รปช. พรรคของประชาชน ตนเองมีฐานะเหมือนคนทั่วไป เป็นเพียงกองเชียร์ เป็นโค้ช
(ดูคลิป https://twitter.com/Sorathan_News/status/1057136532040015872
และรายงานข่าว https://www.khaosod.co.th/politics/news_1757299)
อย่างไรก็ดี ประวิตร โรจนพฤกษ์
บรรณาธิการข่าวสดอิงลิช
รายงานทางทวิตเตอร์ว่าเห็นมีชายหนุ่มสามคนแต่งกายคล้ายนักศึกษาเดินถือป้ายสนับสนุนพรรคพลังประชาชาติไทยตามเส้นทางเดินของคณะนายเทือก
“ตอนแรกนึกว่าเป็นนักศึกษาอาสาแต่พอถามไป
คนกลางบอกผมว่ารับจ้างมาถือป้ายให้พรรค #สุเทพ วันละ ๕๐๐ บาท #ป #พรรครวมพลังประชาชาติไทย”
เขายังเล่าถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่จะลงพื้นที่ติดตามทำข่าว
“ดราม่าเมื่อผมถูกเตะออกจากกลุ่มไลน์นักข่าวที่ติดตามพรรครวมพลังประชาชาติไทย”
ว่าเขาติดต่อถึงโฆษกพรรคขอติดตามสังเกตุการณ์ ‘เดินคารวะแผ่นดิน’ ได้รับแจ้งจาก ‘คุณเพชรชมพู’
ให้เข้าร่วมกลุ่มไลน์นักข่าวของพรรค
ผ่านกระบวนการยอกย้อน ใช้เพื่อนของเพื่อน ‘แอ็ด’
กว่าจะเข้ากลุ่มได้ แต่แล้วก็ถูกเตะออกโดย ‘ลูกของเอนก
เหล่าธรรมทัศน์’ ทำให้เขาแสดงข้อคิดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า
“สังคมไทยคงต้องพยายามอีกมากเพื่อที่จะเคารพความเห็นต่างและอยู่ร่วมกับคนเห็นต่างให้ได้”
แถมด้วย ปล. อีกว่า “เจอแบบนี้จึงไม่แปลกใจที่กลุ่มไลน์นักข่าวตาม #พรรคอนาคตใหม่ มีสมาชิกมากกว่า ๒๐๐ หรือสองเท่าของพรรคสุเทพ”
จึงเป็นที่น่าตระหนักต่อไปด้วยว่า การเมืองในระบอบ คสช.
แม้จะใช้กระบวนการเลือกตั้งเป็นหนังหน้าไฟ ก็ยังหนีไม่พ้นการใช้อำนาจนิยม
ไม่เปิดกว้าง และเลือกที่รักมักที่ชัง อาจจะเป็นเพราะคนในพรรค
รปช.ถือตนว่าอยู่ในฝ่ายของ ‘ผู้ครองเมือง’ ที่มีเอกสิทธิ์และอิทธิฤทธิ์มากกว่าพรรคอื่นๆ
ดูตัวอย่างจากการปกครองท้องถิ่นพิเศษ เช่น กทม. วานนี้ (๓๐
ต.ค.) พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ
ที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช. พูดถึง “กระแสข่าวการเปลี่ยนตัวผู้ว่าฯ กทม. ว่าเป็นแค่ข่าวลือ
ก็ลือกันไปและลือกันมา
แล้วทุกวันนี้ยังอยู่ที่เดิมไม่ได้ไปไหน
ส่วนตัวรู้สึกเฉยๆ กับกระแสข่าวดังกล่าว เพราะผมเปรียบเสมือนน้ำเต็มแก้วแล้ว
เติมน้ำอีกก็ล้นแล้ว ใครจะไปรู้ผมอาจจะเป็นผู้ว่าฯ กทม.เรื่อยๆ สัก ๔-๕ ปีก็ได้” เขาอ้างว่าคนที่มีอำนาจเปลี่ยนได้มีคนเดียวคือประยุทธ์
เขายังพูดทำนองว่าใครที่อยากจะมาเป็นผู้ว่า
กทม. ต้องรอหน่อย เพราะเขายังเป็นอยู่ และใครคิดจะเลื่อยขาเก้าอี้ก็ยาก
เพราะเป็นเก้าอี้เหล็ก
บรรยากาศของความอหังการ์อย่างนี้แหละที่ว่าเหมาะให้
‘สมีอิสระ’ กระโจนมาร่วมอีกคน จะได้รู้เช่นเห็นชาติในสายตาชาวโลกว่า เหตุใดจึงควรกำจัดระบอบ
คสช. ให้สิ้นซากจากการเมืองไทย