วันพุธ, มิถุนายน 03, 2558

โล่งใจไปที ทั่นผู้ณรรมย้ำหัวตะปู ไม่เป็นนายกฯคนนอก (แม้นว่า ครม. ของทั่นยังเก็บมิตินี้ไว้ในร่าง รธน.) อีกทั้งจะไม่ตั้งน้องชายให้ (เหาะข้ามไป) เป็นผบ.ทบ.




โล่งใจไปที ทั่นผู้ณรรมย้ำหัวตะปู ไม่เป็นนายกฯคนนอก (แม้นว่า ครม. ของทั่นยังเก็บมิตินี้ไว้ในร่าง รธน.)

อีกทั้งจะไม่ตั้งน้องชายให้ (เหาะข้ามไป) เป็นผบ.ทบ.

“เพื่อที่จะมาเป็นฐานค้ำอำนาจ ค้ำรัฐบาล ค้ำเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของเขาให้แข็งแกร่ง หากว่าจะต้องเป็นนายกรัฐมนตรีนานกว่าโรดแม็ป” (http://info.matichon.co.th/weekly/)

ทั่นผู้ณรรมถึงกับปีีดแตก สบถออกมา "โธ่ คิดอยู่แค่นี้หละ ไอ้ห่"

(https://www.youtube.com/watch?v=Kf7r_uGhS9Y&feature=youtu.be)

“ในการทำงานจะไม่มีความเป็นพี่เป็นน้องในการทำงาน แต่จะยึดหลักอาวุโส ความรู้ ความสามารถ ในการทำงานเท่านั้น” ทั่นว่า

(http://news.mthai.com/hot-news/politics-news/446234.html)




เสียแต่ ‘การทำงาน’ ของทั่นมันไม่ค่อยได้ผลเหมือนโพลอ้าง บอกว่าทั่นจัดระเบียบเสียราบเรียบ ไม่มีทะเลาะเบาะแว้ง (ก็แน่ละ พวกป่วนลอยนวลหรือไม่ก็หนีไปบวช แต่พวกเห็นต่างโดนกำหราบกันบักโกรกบักอาน)

ขืนคณะของทั่น ทั้งพี่ๆ และน้องๆ อยู่กันเกินโร้ดแม้พละก็ หวาดเสียว ไม่รู้อะไรจะดับ

ขณะที่ประชาชนรากหญ้าขึ้นมาถึงชั้นกลางกำลังเจอกับภาวะปากแห้ง ท้องกิ่วกันเป็นทิวแถว เพราะสถานภาพทางเศรษฐกิจที่ถดถอย ไม่มีทีท่ากระเตื้อง หรือปรับตัวขึ้นอย่างที่นายบุญทักษ์ หวังเจริญ นายกสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน ๓ สถาบัน หรือ กกร. เปิดเผยว่า

ภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือนเมษายนที่ผ่านมาฟื้นตัวแบบ ‘ค่อยเป็นค่อยไป’
(http://news.voicetv.co.th/business/213360.html)

แท้จริงถ้าดูตามรายงานกระทรวงพาณิชย์ ดัชนีเศรษฐกิจไตรมาสที่สองของปีนี้ (เดือนเมษาถึงมิถุนา) ชี้จะแจ้งว่า “เศรษฐกิจไทยส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างเปราะบาง” และ “ความเชื่อมั่นของนักธุรกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลง”




“ผู้บริโภคยังขาดความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจ กำลังซื้อของผู้บริโภคยังไม่กระเตื้องขึ้น...แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังคงชะลอการใช้จ่ายเพราะความไม่มั่นใจในเศรษฐกิจปัจจุบัน”
(https://www.hereandthere.today/?p=2190)




ด้านสิทธิ ‘พลเมือง’ นี่ก็หรอยสุดๆ ดูได้จากรายงานของหน่วยงานสนับสนุนธรรมาภิบาลนานาชาติ ‘World Justice Project’ หัวข้อ ‘Rule of Law Index 2015’ เขาบอกว่า

“ในปี ๒๕๕๘ ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ ๕๖ ลดลงจากอันดับที่ ๔๗ จากผลสำรวจ ๙๙ ประเทศเมื่อปี ๒๕๕๗ นับเป็นการลดลง ๙ อันดับ”

แถมเมื่อเทียบเคียงกันแต่ในหมู่ประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงเอเซีย-แปซิฟิค ปรากฏว่า “ไทยอยู่ในอันดับเกือบต่ำสุด คืออันดับที่ ๑๑ จากจำนวน ๑๕ ประเทศ”
(http://news.voicetv.co.th/thailand/213681.html)

หรือถ้าจะดูกันที่เรื่อง ‘ค้ามนุษย์’ ผู้ลี้ภัยทางเรือ ‘โรฮิงญา’ ที่ประเทศไทยถูกตำหนิจากนานาชาติ ไม่เพียงเฉพาะการผลักไสให้พวกเขาไปเผชิญกรรมเวรดาบหน้า หากแต่พบหลักฐานกักกันทรมานทาสในท้องที่เขตแดนไทยหลายแห่ง จนคณะของทั่นต้องเต้นหา ‘คนรับผิด’ จากอิทธิพลท้องถิ่น มาถึงการมอบตัวของนายทหาร กอ.รมน.ยศพลโท ที่พี่ใหญ่ ทั่นรองฯ ‘บิ๊กป้อม’ ป้องไว้ว่า




“พลโทมนัส เป็นคนทำงานดี ตั้งใจทำงาน ในภาพรวมถือว่าทำงานให้ประเทศชาติมาเยอะ ยันยังเป็นผู้ถูกกล่าวหา ถือเป็นส่วนตัวไม่เกี่ยวกองทัพ”
(http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1433311885)

ทั้งที่ ‘มีใบเสร็จ’ เส้นทางโอนเงินเข้าบัญชีทั้งสิ้นกว่า ๑๔ ล้านบาท
(http://www.isranews.org/south-news/…/item/38978-account.html)




“ส่วนการปลดล็อคการจัดอันดับเทียร์ ๓ จะสามารถดำเนินการได้หรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ยังไม่สามารถตอบได้ และเห็นว่าสถานการณ์จะไม่เลวร้ายไปกว่านี้ ขณะที่สหรัฐอเมริกามีท่าทีที่พอใจในการแก้ไขปัญหาของไทย”
(http://www.tnnthailand.com/news_detail.php…)

นี่จัดเป็นวิธีการแก้ผ้าเอาหน้ารอดหรือเปล่า ควรสงสัย ด้วยเหตุว่าวันเดียวกันนี้เอง ครม. ได้มีมติให้หน่วยงานด้านความมั่นคง ๒๒ แห่ง เชื่อมโยงข้อมูลทะเบียนราษฎรในระบบคอมพิวเตอร์ของกระทรวงมหาดไทยได้

หน่วยงาน ๒๒ แห่งนี้ได้แก่ “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการกองทัพไทย สำนักข่าวกรองแห่งชาติ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กรมสรรพสามิต กรมการจัดหางาน องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กรมกำลังพลทหารอากาศ เป็นต้น”
(http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1433302069)

นี่ถ้าเป็นในประเทศที่การเมืองการปกครองโยงใยกับสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพของประชาชน การเก็บข้อมูลส่วนตัวของ ‘พลเมือง’ ในลักษณะนี้ เขาเรียกว่าเป็นวิธีการกดขี่ของ ‘Big Brothers’