เห็นที สปช. คงต้องลาโรงในไม่ช้า ว่าตามคำทั่นรองฯ วิษณุ เครืองาม
“ส่วน สปช.จะสิ้นสุดเมื่อมีการลงมติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ จากนั้นจะมีสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศขึ้นมาทำหน้าที่จนถึงวันที่มีการเปิดสภาครั้งแรก ไม่ควรอยู่ยาวกว่านั้น มีแต่จะอยู่สั้นกว่านั้น”
(http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1434330746)
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ ‘สั่งไม่ได้ตามใจ’ อย่างที่สำนักข่าวอิศราว่าไว้ เนื่องจาก “มีอย่างน้อย ๖ ครั้งที่ สปช. มีความเห็น ‘สวนทาง’ กับข้อเสนอแนะจากรัฐบาล”
(http://www.isranews.org/isranews…/…/39241-diiertsda_888.html)
คืออาจไม่ได้ ‘เสียของ’ เท่าไหร่ แต่ไอ้ที่ ‘ของเสีย’ ก็มีอยู่บ้างอย่างแน่ๆ
ดูแต่ที่ไพบูลย์ สปช. ตัวเจ๋ง คนที่ ‘หนูหริ่ง’ บอก ‘อวยจนไส้แตก’ นั้นน่ะ เล่นนอกลู่ไปไม่นิด
พี่แกดันไปอัดสองมหา’ลัยสงฆ์มากไป ไม่แค่จะเก็บภาษีศิษย์ตถาคต ดันรู้ดี หาว่า “มีการเรียนการสอนมุ่งเน้นทางโลกมากเกินไปแทนที่จะมุ่งสอนพระธรรมวินัย และพระนิสิตอยู่ฟรี กินฟรีทุกอย่าง ไม่เสียค่าเทอม เอาเปรียบเยาวชน”
ตานี้บรรดานิสิตนักศึกษาในผ้ากาสาวพัตรที่ก้าวหน้า ไม่สาระวันถอยหลังอย่างนิติตะวัน ก็ต้องออกมาโต้กันนัวสิ
ร้อนถึงนักปฏิรูปก่อนเลือกตั้งตัวยืน ราชสีห์แจ้งวัฒนะ เพื่อนซี้พยัคฆ์ ห่มเหลืองซะด้วย เกิดของขึ้นอีกครั้งอุตริวิชา ครานี้ตีดะไม่เฉพาะหมายล้มนิกายตีกระทบคราดว่าที่สังฆราชอย่างคราวก่อน หากบรรจงร่ายบนเฟชบุ๊คบริภาษณ์นักศึกษาสงฆ์กระบุงโต อาทิ
“ที่จริงถ้าภิกษุในพระพุทธศาสนาต้องการจะศึกษาหาความรู้ให้รอบด้าน แล้วจะมานุ่งผ้าเหลืองอยู่ทำไมกันเล่า”
“เอาเป็นว่า หากพวกภิกษุทั้งหลายต้องการเรียนรู้นอกธรรมนอกวินัย ก็ให้ไปแก้กฎหมายที่ว่าด้วย ‘ห้ามพระภิกษุสามเณรเรียนวิชาชีพ’”
“โยมชาวบ้านเขาจะได้รู้ว่าเขากำลังเลี้ยงใครอยู่ และเลี้ยงเพื่ออะไร เลี้ยงอ้วนอิ่มแล้วจะทำอะไรให้แก่เขาได้บ้าง”
ตานี้มิใช่ ‘ดีช่างสงฆ์’ ละ ที่ออกมาตามสนอง แต่เป็นโยมอาจารย์ในมหา’ลัยสงฆ์หนึ่งในสองที่โดนกระแทก
อ้างตน “เป็นผู้ไม่ฝักใฝ่ทางการเมือง ด้วยเรื่องการสนทนาทางการเมืองนั้น พระศาสดาทรงตรัสเข้าอยู่ใน ‘ติรฉานกถา’...
(แม้แต่ดิฉันยังไม่กล่าว พระคุณเจ้าก็ยิ่งมิควรจะกล่าวเรื่องการเมืองที่มิใช่การกล่าวด้วยเรื่องทฤษฎีทางปกครองด้วย)”
ว้าว นี่เป็นเมื่อก่อนอาจโดนป็อปคอร์นได้นะ
เอ้าว่าต่อ อันนี้เป็นหลักวิชาชีพ “ขอตั้งจิตไว้ในอุเบกขาธรรม อันเป็นธรรมของนักกฎหมาย กล่าวคือ พูดตามความจริง อิงหลักฐาน ปราศจากอคติทั้ง ๔ ประการ และขอชี้แจงในฐานะประจักษ์พยาน”
“นอกจากผู้กล่าวอ้างจะกล่าวอ้างกฎหมายผิดฉบับแล้ว ผู้กล่าวอ้างยังยกเนื้อความของตัวบทกฎหมายมาไม่หมด ทำให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจผิดและกล่าวหาว่า มหาวิทยาลัยสงฆ์กระทำความผิดต่อบทบัญญัติของกฎหมายอีกด้วย”
ชี้แจงอย่างเนี้ย เนี่ยถ้าเป็นพวกเด็กวัดว่ากัน ก็คงใช้สำนวนต่อขาน ว่าท่าน ‘เสือกรู้ดี’
“มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ไม่มีการเรียนการสอนวิชาชีพใดๆ เลยแม้แต่วิชาเดียว มีแต่วิชาการด้านต่างๆ แต่เมื่อเรียนจบแล้ว พระเณรไม่สามารถนำไปประกอบวิชาชีพหรือสอบรับใบประกอบวิชาชีพในแขนงใดๆ ได้เลย เว้นแต่ คณะครุศาสตร์ ซึ่งผู้เรียนจบออกไปเป็นครู ความเป็นครู ชั่วร้ายตรงไหน ร่ำรวยอย่างไร?” ชัดนะ
“ประเด็นต่อมา นิสิตเบียดบังโยม พระไปโกหกโยม หลอกเงินโยมมาเรียนหรือไม่...สำหรับท่านที่กำลังจะตำหนิติเตียน ขอให้ท่านหยุดตำหนิสักนาทีเดียวแล้วคิดว่า ท่านเคยถวายปัจจัยเพื่อสนับสนุนการศึกษาของพระหรือไม่อย่างใด”
อ๊ะ ไถเงินโรงแรมไม่เกี่ยวนะโยม
พอแระ เยอะเกิน อยากอ่านเต็มตามไปแถวนี้ >>>http://www.komchadluek.net/detail/20150614/208008.html