มาดูกันว่านายกฯ หญิงเหล็กของญี่ปุ่น ต่อกรกับจีนด้วยชั้นเชิงลึกล้ำอย่างไร ในกรณีพิพาทที่ยังดำเนินอยู่ขณะนี้
ขอบคุณเพจเฟชบุ๊คของ Peerapong
Amornpich ที่ให้เนื้อหาน่าสนใจ
Dec.3
at 11:56 AM
“ญี่ปุ่นชักดาบเงียบ! งดส่ง 'เลือดเลี้ยงชิป' ให้จีน ทูตจีนเดือด ฟ้อง UN รัวๆ เห็นเงียบๆ แต่เชือดนิ่มๆ...งานนี้จีนเจ็บลึกกว่าที่คิด!
ขณะที่ ‘ฟู่ กง’
เอกอัครราชทูตจีนประจำ UN กำลังเดินสายยื่นจดหมายร้องเรียนญี่ปุ่นเป็นฉบับที่
2 (โวยวายหนักมากในเวทีโลก) แต่ในโลกธุรกิจจริง
ญี่ปุ่นกำลังลงมือทำสิ่งที่จีนกลัวที่สุด นั่นคือ “ตัดท่อน้ำเลี้ยง” อุตสาหกรรมชิป (คอมพิวเตอร์)
สรุปดราม่า “สงครามชิป” รอบล่าสุด
1. สัญญาณอันตรายจากเกาหลี
สื่อดังเกาหลี Hankyung แฉข้อมูลวงในว่า
ญี่ปุ่นได้ “หยุดส่ง Photoresist” (สารไวแสงสำหรับทำชิป)
ให้จีนโดยพฤตินัยแล้ว ตั้งแต่กลางเดือน พ.ย. 2025 ที่ผ่านมา!
ไม่มีประกาศทางการจากรัฐบาลญี่ปุ่น (METI) หรือผู้ผลิตอย่าง
JSR / Shin-Etsu แต่ของแค่ “ไม่ถูกส่ง”ออกไปดื้อๆ
2. ทำไมเรื่องนี้ถึงเป็น "หายนะ" ของจีน?
* Photoresist = ออกซิเจน: ถ้าไม่มีสารนี้
ก็วาดลายวงจรชิปไม่ได้ โรงงานชิปจีน (SMIC, CXMT) แทบจะต้องหยุดเดินเครื่อง
* ญี่ปุ่นผูกขาด: ญี่ปุ่นครองตลาดโลกกว่า 85-90%
แต่ถ้าเป็นเกรดสูง (EUV) สำหรับชิปเทพๆ
ญี่ปุ่นครองแทบจะ 100%
* หาคนแทนไม่ได้: จีนพยายามผลิตเอง แต่คุณภาพยังห่างชั้น
ไม่เหมือนเกาหลีใต้ที่ตอนโดนแบนปี 2019 ยังพอเอาตัวรอดได้บ้าง
3. เกมการเมืองที่เปลี่ยนไป
ญี่ปุ่นยุคนี้ นำโดยนายกฯ หญิงเหล็ก ซานาเอะ ทากาอิจิ
สายเหยี่ยวตัวแม่ ไม่ประนีประนอมเหมือนก่อน การระงับส่งออกเงียบๆ นี้ถูกมองว่าเป็น
‘หมัดน็อก’
ที่รุนแรงกว่าการแบนอาหารทะเลหรือแบนท่องเที่ยวหลายเท่า
4. จีนสวนกลับยังไง?
นอกจากให้ทูตไปโวยที่ UN แล้ว จีนเพิ่งประกาศกฎเหล็ก (1
ธ.ค. 2025) ควบคุมการส่งออก ‘แร่หายาก’ (Rare Earths) ที่ใช้ผลิตสินค้าไฮเทค
เพื่อบีบญี่ปุ่นและพันธมิตรคืนบ้าง
บทสรุป:
เกมนี้ไม่ใช่แค่การค้า แต่คือการ ‘ฆ่าตัดตอน’
เทคโนโลยี จีนอาจจะเสียงดังที่ UN แต่ถ้าขาดสารเคมีจากญี่ปุ่น
โรงงานชิปจีนอาจจะเข้าขั้นโคม่าได้จริง”