วันพฤหัสบดี, กันยายน 04, 2568

วันนี้ สื่อนอกทุกสำนักตีข่าวการโหวตนายกฯ คนใหม่และการพยายามยุบสภาของไทยอย่างคึกโครม เรียก พรรคประชาชนว่าเป็น "king maker" หรือ ผู้คุมเกม


'ปราย พันแสง
7 hours ago
·
วันนี้ สื่อนอกทุกสำนักตีข่าวการโหวตนายกฯ คนใหม่และการพยายามยุบสภาของไทยอย่างคึกโครม

จากข้อมูลที่รวบรวมจากสำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งมีการวิเคราะห์และวิจารณ์เรื่องการที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี ยื่นคำร้องยุบสภาผู้แทนราษฎร สื่อส่วนใหญ่มักเน้นไปที่ความวุ่นวายทางการเมือง ความไม่แน่นอนทางกฎหมาย และผลกระทบต่อเสถียรภาพของประเทศไทย

หลายสื่อมองว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของวิกฤตการณ์ที่ยืดเยื้อจากการแทรกแซงของศาลและการเปลี่ยนแปลงพันธมิตรทางการเมือง



Reuters, Le Monde และ DW วันนี้ชี้ว่าการยื่นยุบสภาของรัฐบาลรักษาการอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพราะยังมีข้อถกเถียงจากนักกฎหมายไทยว่าการกระทำนี้ทำได้หรือไม่ โดยต้องรอพระราชทานพระบรมราชานุญาตจากพระมหากษัตริย์ ซึ่งอาจนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ภายใน 45-60 วัน หากได้รับอนุมัติ แต่หากไม่ได้รับ อาจยิ่งเพิ่มความขัดแย้ง

มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการเคลื่อนไหวนี้อาจถูกมองว่าเป็น“การตัดสินใจที่รีบร้อน”ของพรรคเพื่อไทย เพื่อรักษาอำนาจท่ามกลางการสูญเสียเสียงข้างมากในสภา



Le Monde และ The Guardian มองว่าการยื่นยุบสภาเป็นสัญญาณของการตกต่ำของ “ตระกูลชินวัตร” (Shinawatra dynasty) ซึ่งมีนายกฯ ที่ถูกปลดหรือโค่นล้มมาแล้ว 6 คนในรอบ 20 ปี รวมถึงแพทองธาร ชินวัตร ที่เพิ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งปลดจากกรณีข้อพิพาทชายแดนกัมพูชา

การยุบสภาอาจเป็นความพยายามสุดท้ายในการ “คืนอำนาจให้ประชาชน” แต่สะท้อนถึงการสูญเสียการสนับสนุนและการประท้วงต่อต้าน นี่อาจทำให้พรรคเพื่อไทยอ่อนแอลง และเปิดทางให้พรรคอื่นๆ เช่น ภูมิใจไทย เข้ามามีบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อพรรคประชาชน เลือกสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล แทนที่จะช่วยเพื่อไทย



Reuters, DW, Al Jazeera และ The Guardian เห็นคล้ายกันว่า การที่พรรคประชาชน ซึ่งมีที่นั่งมากที่สุดในสภา (143 เสียง) สนับสนุนนายอนุทินจากพรรคภูมิใจไทย โดยมีเงื่อนไขว่าต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน เพื่อจัดการประชามติแก้รัฐธรรมนูญและคืนอำนาจให้ประชาชน ถูกวิเคราะห์ว่าเป็น “การเป็นผู้กำหนดเกม” (kingmaker) หรือ ”คนคุมเกม“ของพรรคประชาชน ที่ไม่ยอมเข้าร่วมรัฐบาลแต่ต้องการผลักดันการปฏิรูปประชาธิปไตย

สื่อมองว่าการเคลื่อนไหวนี้อาจป้องกันไม่ให้พันธมิตรเก่าของเพื่อไทยกลับมามีอำนาจ ซึ่งถูกมองว่าล้มเหลวในการบริหารประเทศในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และอาจปูทางสู่การเลือกตั้งใหม่ที่เปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์การเมือง แต่ก็เสี่ยงต่อความไม่มั่นคง หากรัฐบาลใหม่ของนายอนุทินกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย (146 เสียง)



Reuters, DW และ The Guardian วิจารณ์ว่าศาลรัฐธรรมนูญมีบทบาทแทรกแซงการเมืองบ่อยครั้ง เช่น การยุบพรรคและห้ามผู้นำ เช่น พรรคก้าวไกล (ต้นกำเนิดของพรรคประชาชน) ที่ถูกยุบเพราะนโยบายปฏิรูปละเมิดกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ การยุบสภาครั้งนี้จึงถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของวงจรวิกฤตที่ศาลและสถาบันอื่นๆ มีส่วนกำหนด

รวมถึงทำให้มีความกังวลว่าอาจนำไปสู่การกลับมาของอิทธิพลทหาร เช่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เคยยึดอำนาจในปี 2557 ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อรัฐประหารหรือความไม่มั่นคงทางการเมือง



Le Monde, Al Jazeera และ Bloomberg กล่าวถึงผลกระทบโดยรวมต่อเสถียรภาพและเศรษฐกิจ การพยายามยุบสภาถูกวิเคราะห์ว่าอาจยืดเยื้อวิกฤตการเมือง ทำให้เกิดสุญญากาศทางการปกครอง และกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะเมื่อประเทศไทยเพิ่งมีการเลือกตั้งในปี 2566

หากยุบสภาไม่สำเร็จ การโหวตนายกฯ คนใหม่ (อาจมีขึ้นในวันศุกร์ที่ 6 กันยายน 2568) อาจนำไปสู่รัฐบาลที่อ่อนแอ แต่หากสำเร็จ อาจเป็นโอกาสใหม่ในการ “รีเซ็ต” การเมืองไทย

สำนักข่าวต่างประเทศส่วนใหญ่มองว่าการพยายามยุบสภาเป็นสัญญาณของความไม่มั่นคงที่ฝังรากลึกในระบบการเมืองไทย ซึ่งได้รับอิทธิพลจากศาล ทหาร และการเปลี่ยนพันธมิตรบ่อยครั้ง การรายงานส่วนใหญ่เป็นกลางแต่แฝงการวิจารณ์ต่อความไม่แน่นอนที่อาจกระทบประชาธิปไตยและเศรษฐกิจ



สื่อนอกมองกันว่า หากการยุบสภาไม่สำเร็จ โดยเฉพาะในการที่พรรคประชาชน สนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล จากพรรคภูมิใจไทยเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ด้วยเงื่อนไขให้ยุบสภาภายใน 4 เดือน การที่เป้าหมายนี้ล้มเหลวอาจส่งผลกระทบต่อพรรคประชาชนอย่างมาก

อาจทำให้ผู้สนับสนุนรู้สึกว่าพรรคประเมินสถานการณ์ผิดหรือขาดอำนาจต่อรองที่เพียงพอ ซึ่งอาจลดความเชื่อมั่นจากฐานเสียง โดยเฉพาะกลุ่มที่คาดหวังการปฏิรูปและการเลือกตั้งใหม่

ข้อครหาเรื่อง “ทรยศอุดมการณ์” จะถูกขุดขึ้นมา เพราะพรรคประชาชน ซึ่งสืบทอดจากพรรคก้าวไกล มีภาพลักษณ์เป็นพรรคปฏิรูปที่ต่อต้านการเมืองแบบเก่า การสนับสนุนนายอนุทิน ซึ่งเป็นนักการเมืองสายอนุรักษ์นิยมและเคยเป็นพันธมิตรกับพรรคเพื่อไทย อาจถูกวิจารณ์จากผู้สนับสนุนว่า “ประนีประนอม” หรือ “ทรยศ” อุดมการณ์ โดยเฉพาะเมื่อพรรคยืนยันว่าจะเป็นฝ่ายค้านแต่ยังสนับสนุนนายอนุทิน ซึ่งอาจถูกมองว่าเป็นการตกลงกับ “การเมืองเก่า”

นอกจากนี้ ความขัดแย้งภายในพรรคอาจรุนแรงขึ้น สื่อนอกมองว่า การตัดสินใจสนับสนุนนายอนุทินอาจก่อให้เกิดความเห็นไม่ตรงกันในหมู่สมาชิกพรรคและผู้สนับสนุน ตัวอย่างเช่น มีรายงานจากเครือข่ายคนไทยรักชาติที่วิจารณ์การตัดสินใจนี้ ซึ่งอาจนำไปสู่ความแตกแยกภายในพรรคหรือการสูญเสียฐานเสียงบางส่วน.



พรรคประชาชนอาจมีความเสี่ยงทางการเมือง หากนายอนุทินได้เป็นนายกฯ และจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยโดยไม่ยุบสภา พรรคประชาชน ซึ่งยืนยันว่าจะเป็นฝ่ายค้าน จะต้องเผชิญศึกหนักในการตรวจสอบรัฐบาลที่ตัวเองเคยสนับสนุน และการอยู่ในตำแหน่งฝ่ายค้านอาจทำให้พรรคสูญเสียโอกาสในการกำหนดนโยบายหรือผลักดันวาระปฏิรูป เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

หากเป็นเช่นนั้น พรรคประชาชนจะการถูกมองว่าเป็น “ผู้กำหนดเกม” ที่ล้มเหลว จากการวางตัวเป็น “kingmaker” โดยใช้จำนวน ส.ส. 143 เสียงเพื่อกำหนดทิศทางการเมือง แต่หากเงื่อนไขยุบสภาไม่สำเร็จ อาจถูกมองว่าขาดอิทธิพลที่แท้จริงในการควบคุมสถานการณ์ ทำให้พรรคเสียความน่าเกรงขามในสายตาพรรคอื่นและประชาชน

นอกจากนี้ หากรัฐบาลของนายอนุทินสามารถบริหารต่อไปได้โดยไม่ยุบสภา พรรคประชาชนอาจเผชิญกับการตอบโต้จากทั้งพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทย เช่น การถูกกีดกันจากกระบวนการเจรจาทางการเมืองหรือการถูกโจมตีจากสื่อที่สนับสนุนฝ่ายตรงข้าม



หนึ่งในเงื่อนไขหลักที่พรรคประชาชนตั้งไว้คือการผลักดันประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญและจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) หากการยุบสภาไม่เกิดขึ้น รัฐบาลใหม่ของนายอนุทินอาจไม่ให้ความสำคัญกับวาระนี้ โดยเฉพาะเมื่อภูมิใจไทยมีจุดยืนฝั่งอนุรักษ์นิยมและอาจไม่สนับสนุนการปฏิรูปโครงสร้างอำนาจ ซึ่งจะทำให้พรรคประชาชนสูญเสียโอกาสในการผลักดันนโยบายหลัก

พรรคประชาชนตั้งเป้าคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งปี 2570 ด้วยคะแนนเสียง 20 ล้านคะแนน แต่หากภาพลักษณ์เสียหายจากการตัดสินใจครั้งนี้ อาจทำให้สูญเสียฐานเสียง โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนและผู้สนับสนุนที่คาดหวังการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

นอกจากนี้ หากรัฐบาลนายอนุทินบริหารงานได้ดี อาจทำให้ภูมิใจไทยมีโอกาสเพิ่มฐานเสียง ก็จะเป็นอุปสรรคต่อพรรคประชาชนโดยตรง



สื่อต่างประเทศมองว่า การตัดสินใจโหวตให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี และจัดตั้งรัฐบาลจะผลกระทบต่อฐานเสียงและการเคลื่อนไหวของมวลชนของพรรคประชาชนอย่างมาก เนื่องจากพรรคประชาชนได้รับความนิยมจากกลุ่มเยาวชนและผู้ที่ต่อต้านการเมืองแบบเก่า การตัดสินใจสนับสนุนนายอนุทินอาจทำให้กลุ่มนี้รู้สึกผิดหวัง โดยเฉพาะหากไม่มีการเลือกตั้งใหม่ใน 4 เดือนตามที่คาดหวัง อาจนำไปสู่การประท้วงหรือการเคลื่อนไหวบนท้องถนน ซึ่งพรรคอาจถูกมองว่าเป็นต้นเหตุของความวุ่นวาย

พรรคเพื่อไทยหรือพรรคอื่นอาจใช้โอกาสนี้โจมตีพรรคประชาชนว่า “สร้างความวุ่นวาย” หรือ “ขาดความรับผิดชอบ” ซึ่งอาจทำให้เสียคะแนนนิยมในกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ต้องการความมั่นคง

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความเสี่ยง แต่สื่อนอกยังมองกันว่าพรรคประชาชนอาจยังคงรักษาอิทธิพลได้หากสามารถใช้บทบาทฝ่ายค้านในการตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้น

ดร.สติธร ธนานิธิโชติ จากพรรคประชาชนระบุว่าพรรคสามารถ “คุมชะตา” รัฐบาลด้วยจำนวน ส.ส. ที่มากกว่า และพร้อมใช้กลไกสภา เช่น การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากนายอนุทินไม่ทำตามเงื่อนไข การแสดงจุดยืนที่ชัดเจนในฐานะฝ่ายค้านอาจช่วยรักษาภาพลักษณ์ในระยะยาว

สื่อต่างประเทศยังมองว่า หากสถานการณ์นำไปสู่การเลือกตั้งในอนาคตอันใกล้ พรรคประชาชนซึ่งมีฐานเสียงที่แข็งแกร่งจากกลุ่มเยาวชนและผู้สนับสนุนการปฏิรูป อาจยังคงได้เปรียบในการเลือกตั้งครั้งหน้า



references ในช่องคอมเมนต์ 

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1350448996440159&set=a.1046212803530448