ดราม่า ‘พระเกี้ยว’ ไม่ได้ขึ้นเสลี่ยงปีนี้ไปไกลมาก นอกจากกรณี ‘ศิษย์เกิน’ ไม่พอใจ แต่ศิษย์เก่า ‘รุ่นใหม่’ บอก “อย่าไปคลั่งไคล้” ไม่ใช่ขนบฯ แห่งชาติเสียหน่อยแล้ว ก็มีที่ไม่ใช่ศิษย์แต่เป็น ‘อาจารย์’ เล่าธีม “พวงดอกกล้วยไม้ที่ผลิบาน” เปิดเบิ่ง
นอกนั้นเท่าที่เก็บๆ มาได้ เห็นจะเป็น ‘ครูหยุย’ สว.ฉายาซ่าหริ่ม ประกาศขอทำหน้าที่แบกเอง แม้วัยจะใกล้ ๗๐ ด้านวงนอกอย่าง Nithiwat Wannasiri เอาไปผันเป็นหนังมันส์ อันมีเนื้อเรื่อง ‘พระ เกี้ยว’ และ เอกชัย หงส์กังวาน เทียบเคียงดราม่า ‘ชุดไทยตุ๊กตุ๊ก’ กับ ‘ชฎาลิซ่า’
ส่วนรายที่ออกจะหนักไปหน่อยจนต้นสังกัดต้องสั่งลบโพสต์ และแถลงขอโทษต่อสาธารณะ เป็นหมอโรงพยาบาลพระมงกุฏฯ ใช้ชื่อ Wipoo Kumnerddee ขณะที่อาจารย์จุฬาฯ อีกคนเขียนความเห็นว่าอย่าได้ดราม่ากันเกินไปนัก
เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ชี้ว่างานฟุตบอลจุฬา-ธรรมศาสตร์ปีนี้ ไม่ใช่งานประเพณีอย่างเคย “มันเป็นคนละงานกัน” ‘บอลประเพณี’ ตามที่รู้จักกันมาช้านานนั้นจัดโดยสมาคมศิษย์เก่าของสองสถาบัน แล้วหยุดพักไปหลังจากปี ๒๕๖๓
เนื่องจากในปี ๒๕๖๔ ซึ่งทางธรรมศาสตร์จะเป็นเจ้าภาพ มีการระบาดของโรค ‘โควิด-๑๙’ จึงต้องเลื่อนจัดมาหลายครั้ง จนมาถึงปีนี้ยังไม่สามารถหากำหนดเหมาะสมไม่ได้ จึงเลื่อนไปอีกครั้ง แต่บรรดานักศึกษาปัจจุบันของทั้งสองมหาวิทยาลัยไม่รอแล้ว
องค์การนิสิต-นักศึกษาของทั้งสองสถาบันจึงเข้าไปจัดเองเป็นปีแรก เรียกว่า ‘งานฟุตบอลสานสัมพันธ์’ และเหตุที่เวลากระชั้นชิดมาก งบประมาณก็น้อย “รูปแบบออกมาจึงมีลักษณะกระชับ เรียบง่าย ใช้กำลังคนน้อยลง และที่สำคัญคือ
มีรูปแบบงานในแบบที่นิสิตนักศึกษาอยากจัดกัน (ไม่ได้จำเป็นอยู่ในกรอบแนวทาง ที่สมาคมศิษย์เก่าของทั้งสองสถาบัน เคยวางแนวไว้)” อีกทั้ง “ไม่ได้มีแต่นิสิตนักศึกษาที่จัดกันเอง แต่ผู้บริหารของทั้งสองมหาวิทยาลัย ก็เข้ามาช่วยสนับสนุนเช่นกัน
ดังนั้น รูปแบบวิธีการที่เปลี่ยนไปนี้ จึงถือว่าผ่านความเห็นชอบจากผู้หลักผู้ใหญ่ของมหาวิทยาลัยทั้งสอง แล้วนะครับ” ส่วนการจัดครั้งต่อๆ ไปจะมีการ “ปรับเปลี่ยนรูปแบบใหม่ไปตามสมัยนิยม ที่ลดเรื่องพิธีรีตอง” หรือไม่นั้นให้รอดูกันต่อไป
อจ.เจษฎา ปล.ด้วยว่า ใครที่ปวาวรณาตัวจะไปยกเสลี่ยงอัญเชิญพระเกี้ยวเอง “รีบมาสมัครล่วงหน้าได้เลย”
(https://www.facebook.com/jessada.denduangboripant/posts/ah9GW5KFaM7mah)