วันอังคาร, เมษายน 30, 2567

ทุกคนควรเข้าถึงอาหารดี และอาหารดีเข้าถึงได้ด้วยความรู้


Kaewta Tam In
Yesterday·

ทุกคนควรเข้าถึงอาหารดี และอาหารดีเข้าถึงได้ด้วยความรู้
….
การเข้าถึงอาหารที่ดีไม่จำเป็นต้องใช้เงินอย่างเดียว ใช้ความรู้ก็ได้ เราเองก็เป็นคนที่ไม่ได้ร่ำรวยจากการทำงานพัฒนาฯ แต่การทำงานเรื่องรณรงค์เรื่องอาหารการกินก็ทำให้เราเข้าใจว่าจะเลือกวัตถุดิบที่ดีได้ที่ไหน ปรุงดีๆ เพื่อจะได้กินอาหารที่ดีได้อย่างไร
ด้วยเหตุผลส่วนตัวเราเองไม่ได้สั่งหมูอินทรีย์ ไก่อินทรีย์ ผักอินทรีย์จากผู้ผลิตอินทรีย์มีการันตีมากักตุน แต่เราเลือกซื้อของพื้นบ้านจากตลาดสด ไก่บ้านจากแผงในตลาดที่รวบรวมไก่จากผู้เลี้ยงตามบ้านให้ไก่หากินเอง ร่วมกันการให้อาหารธัญพืช หรืออาจมีหัวอาหารร่วมในบางส่วน เราเลือกซื้อปลาแม่น้ำที่หลากหลายที่มีขายตลอดเพราะบ้านเราอยู่ใกล้แม่น้ำ ปลาเหล่านี้สดและราคาลดหลั่นตามแต่ความนิยมของชนิดปลา เรากินผักที่แปลกๆ อย่างผักอีซึก ผักอีหล่ำ ผักอีกไร ผักอีนูน ฯลฯ ที่มาตามฤดู นั่นทำให้เรากินหลากหลาย เราไม่ได้ไม่กินกะหล่ำปลี ผักกาดขาว ฯลฯ เรากินทุกอย่างที่อยากกิน บังเอิญว่าเราไม่ได้อยากกินของซ้ำๆ โดยเฉพาะของที่ผลิตแบบเชิงเดี่ยวซึ่งเสี่ยงต่อการตกค้างของสารเคมีเกษตรหลายจำพวก ผักหลายอย่างเราปลูกเอง เช่น ผักหอมต่างๆ สมุนไพรผักสวนครัว อย่างพริก ที่มีการใช้สารเคมีเยอะ แต่เราปลูกเองจนเหลือกิน และเราทำกับข้าวเองปรุงรสน้อย …
สำหรับการเลือกชีวิตที่มีเวลาเพื่อจัดการอาหาร เราไม่ได้รับเวลานี้เป็นพิเศษมาจากใคร เราจ่ายต้นทุนค่าเวลาของเราเองด้วยความสนใจเรื่องอาหารเพราะเห็นว่าเป็นปัจจัยสำคัญของชีวิต และแลกเวลาของเรากับรายได้ที่น้อยลงและไม่สม่ำเสมอ และที่เราอยู่ได้..เพราะจริงๆ แล้วอาหารที่ดีไม่ได้ราคาแพงเสมอไปหรือเข้าถึงด้วยเงินเพียงอย่างเดียว เราจึงไม่จำเป็นต้องขายวิญญาณเพื่อเอามาซื้อความพรีวิเลจทางอาหารใดๆ
รัฐไทยไม่ได้มีวิสัยทัศน์ด้านการส่งเสริมการบริโภคในแนวทางที่เราเชื่อ ประชาชนจึงเห็นว่าอาหารที่ผลิตแบบอุตสาหกรรม เชิงเดี่ยว เป็นของมีคุณภาพ แต่สิ่งของที่ผลิตจำนวนมาก เพื่อให้ได้ปริมาณมากและต้นทุนต่ำ ทำกำไรสูง ล้วนซ่อนต้นทุนที่มองไม่เห็นเอาไว้และโดยมากผู้บริโภคเป็นคนแบกรับต้นทุนนั้น ไม่ว่าจะทางตรงคือคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนออกมาทางสุขภาพ หรือทางอ้อมคือปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ทุกคนต้องดมฝุ่นเพื่อแลกกับไก่ราคาถูก ยังไม่นับรวมปัญหาต่างๆ อันเนื่องมาจากการผูกขาดตลาดอาหาร
ทุกวันนี้หันหน้าไปทางไหนก็ไม่พ้นผลิตภัณฑ์อาหารของผู้ประกอบการรายเดียว เราไม่ควรรู้สึกปกติ แม้ว่าเราเป็นคนหนึ่งที่เลือกซื้อในบางครั้ง แต่เราไม่จำเป็นต้องซาบซึ้งอะไรใดๆ และไม่รู้สึกจำนนว่าถ้าไม่มีเขาเราจะไม่มีอะไรกิน
แต่ในทางกลับกันสิทธิ์ในการวิพากษ์วิจารณ์ทุนและรัฐเพื่อปกป้องผลประโยชน์ที่แท้จริงของประชาชนต่างหากจึงเป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องหัดคิด วิเคราะห์ แยกแยะ ให้เห็นแก่น
ถ้าจะแถว่าการมีความรู้ก็เป็นโอกาสที่เกินหน้าเกินตาคนจนๆ (คนจนไม่ใช่คนอื่นกูนี่แหละค่ะ) ควรโยนขี้นี้ให้กับรัฐและกระทรวงศึกษาที่ไม่เคยพัฒนาโอกาสและคุณภาพการศึกษาของคนไทยเลย หรือกลัวคนไทยจะฉลาดและรู้จักเลือกกินของดี แล้วจะมีคนเสียลูกค้า... แบบนี้ใครกันแน่ที่กดคนไทยไว้เพื่อหากินกับความโง่จนเจ็บ

(https://www.facebook.com/photo/?fbid=25700144109569904&set=a.7659758514035073)