วันพฤหัสบดี, มีนาคม 21, 2567

เมื่อวานนี้ #กองทัพเรือ จัดแถลงข่าวที่สัตหีบชี้แจงประเด็นปืน 76/62 ของเรือหลวงชลบุรีลั่นใส่ #เรือหลวงคีรีรัฐ แจงยังไง ก็ยังมี "กลิ่นตุๆ"


thaiarmedforce.com
11h·

เมื่อวานนี้ #กองทัพเรือ จัดแถลงข่าวที่สัตหีบชี้แจงประเด็นปืน 76/62 ของเรือหลวงชลบุรีลั่นใส่ #เรือหลวงคีรีรัฐ โดยระบุว่ากลไกนิรภัยการห้ามไกของปืนทำงานผิดพลาด โดยระหว่างการฝึกยิงปืนรอบสุดท้ายมีกระสุนเหลือ 3 นัดที่ไม่สามารถถอดออกจากระบบบรรจุของปืนได้ จึงขอเจ้าหน้าที่สรรพาวุธสนับสนุน โดยขณะนั้น ลูกปืนจำนวนดังกล่าวยังอยู่ในระบบบรรจุ ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะเคลื่อนตัวเข้ารังเพลิงที่จะเสี่ยงต่อการลั่นของปืน และเพื่อให้เกิดความปลอดภัย ตามระเบียบความปลอดภัยในการฝึกยิงปืนในเรือของกองเรือยุทธการ โดยดำเนินการกระดกปืนไว้ที่มุม 40 องศา ซึ่งเป็นมุมที่ปลอดภัยและถือว่าเป็นการปฏิบัติตามหลักการนิรภัย
ต่อมาในวันที่ 14 มีนาคม 2567 เวลา 11:00 น. ช่างปืนจากกรมสรรพาวุธทหารเรือ จำนวน 4 นาย เดินทางมาถึงเรือหลวงชลบุรี และดำเนินการถอดถอนลูกปืนที่อยู่ในระบบบรรจุของปืน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและแก้ไขปืนเรือให้เข้าสู่สภาวะปกติ โดยได้ตรวจสอบและดำเนินการแก้ไขข้อขัดข้องตามขั้นตอน ซึ่งในระหว่างที่แก้ไขข้อขัดข้องอยู่นั้น ลูกกระสุนที่อยู่ในรางบรรจุได้เลื่อนเข้าไปในลำกล้อง และเกิดอุบัติเหตุปืนลั่นโดนเรือหลวงคีรีรัฐ จนเกิดเหตุเพลิงไหม้บริเวณท้ายเรือ
จากการสอบสวน เจ้าหน้าที่กรมสรรพาวุธทหารเรือทราบว่า ตรวจพบลูกปืนหนึ่งนัดอยู่ในถาดบรรจุ และอีกสองนัดอยู่บนพลูป้อนลูกปืน และมีลองลูกปืน (ปลอกกระสุนที่ยิงออกไปแล้ว) ถูกขัดอยู่บริเวณนิรภัยลองเปล่า ทำให้ลำกล้องปืนไม่เลื่อนเข้าไปสู่สภาวะปกติ
เนื่องจากปืนอยู่ในสถานะปลอดภัย ลูกปืนไม่อยู่ในสถานะพร้อมยิง มีกลไลนิรภัยที่จะห้ามไก มิให้ปืนลั่น ช่างสรรพาวุธ จึงมีแนวคิดในการถอนลองลูกปืนที่ค้างก่อน เพื่อให้ปืนเคลื่อนที่ไปข้างหน้าช้าๆ โดยวิธีการที่จะถอนลูกปืนออกจากตัวปืนได้ จะต้องเลื่อนถาดบรรจุลูกปืนที่ค้างในถาดบรรจุนัดแรกลงมาในแนวเดียวกับรังเพลิง แล้วถอนลูกปืนจากตำแหน่งด้านหน้ารังเพลิง ซึ่งวิธีนี้ ลูกปืนจะยังไม่ถูกบรรจุเข้ารังเพลิง อันจะเป็นอันตรายได้ หลังจากนั้นก็จะดำเนินการลักษณะเดียวกันกับลูกปืนที่ค้างในนัดที่ 2 และ 3 ตามลำดับต่อไป
แต่ในระหว่างที่ เจ้าหน้าที่กรมสรรพาวุธทหารเรือเริ่มดําเนินการซ่อมทํา โดยทำการเลื่อนกระบอกปืนมายังตำแหน่งถอนลูกปืน และปลดนิรภัยลองเปล่า เพื่อให้ปืนกลับเข้าที่ข้างหน้าเพื่อถอนลูกปืน ปืนเกิดอาการกลับเข้าที่ข้างหน้าอย่างรุนแรง ทําให้ลูกปืนที่อยู่บนถาดบรรจุถูกผลักเข้าไปในรังเพลิง และลูกเลื่อน เลื่อนปิดทันทีที่ลูกปืนถูกรุนเข้ารังเพลิง และลูกปืนนัดนั้นลั่นออกจากปืน ซึ่งไม่เป็นไปตามกลไกปกติของปืน ถึงแม้ลูกปืนเข้าไปในรังเพลิง แต่ปืนจะไม่ลั่นออกไป เนื่องจากมีเครื่องนิรภัยการลั่นไก เป็นตัวป้องกันมิให้มีการยิงออกไป อีกทั้งขณะนั้นไม่มีการเดินระบบไฟฟ้าเข้ามาในระบบ จึงไม่มีโอกาสที่ระบบไฟฟ้าจะส่งผลให้การทำงานของระบบปืนผิดพลาด อีกทั้ง ระบบนิรภัยการลั่นไกมีการทำงานหลายชั้น จึงสรุปได้ว่า สิ่งนี้ไม่น่าจะเกิด แต่มีอุบัติเหตุที่เกิดจากความปกติของเครื่องนิรภัยการลั่นไก
---------------------
ต่อไปนี้คือความเห็นของ TAF
เอาจริง ๆ ฟังเรื่องกลไกของปืนแล้วมันก็ Make Sense ตามนั้นนะครับ เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่คิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ปืนจะลั่นเนื่องจากโดยปกติกลไกมันจะไม่สามารถทำให้ปืนลั่นได้เมื่ออยู่ในสภาวะนั้น ดังนั้นตรงนี้เราไม่เถียง กองทัพเรือชี้แจงมาเราก็เห็นด้วยตามนั้นครับ ยิ่งประเทศนี้กองทัพเรือมีประสบการณ์กับปืน 76/62 มากที่สุดอยู่แล้ว ที่พูดมาก็ฟังดูสมเหตุสมผล ดังนั้นถือเป็น Expert Opinion เราก็เชื่อตามนั้น
แต่ก็นั่นแหละครับ เราก็ยังยืนยันคำถามเดิมก็คือ ทำไมไม่หันปืนไปทิศที่ปลอดภัย ถ้าหันไม่ได้ก็ต้องไม่เอาเรือเทียบท่า ไปหาที่จอดที่ปลอดภัย ซึ่งในกรณีนี้ก็ค่อนข้างชัดเจนว่าปืนหันได้ คือก็ใช่ว่าเจ้าหน้าที่เชื่อว่ายังไงมันก็ไม่น่าจะลั่น แต่ถ้าเราเชื่อในกาเรื่องการจัดการความเสี่ยง เราก็ไม่ควรจะทำแบบนี้
สุดท้าย เราคิดว่าเราน่าจะต้องส่งเสริมเรื่อง Safety Mind ให้มากขึ้นครับ ต้องมีใครเอ๊ะ หรือต้องคิดในหลาย ๆ มุมให้มากขึ้น อย่ามั่นใจเพราะความเคยชินหรือเพราะเราคิดว่ามันต้องเป็นแบบนี้ เพราะถ้ามีความเสี่ยงมันก็ควรจะต้องมีวิธีการที่ดีกว่านี้ซึ่งก็คือการหันปากกระบอกไปยังที่ปลอดภัยหรือไปซ่อมแซมกันที่อื่นก่อน
ตรงนี้ก็ถือเป็นบทเรียนของกองทัพเรือ คือการลงโทษคนนั้นง่าย แต่มันไม่ช่วยแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนแน่นอน เพราะสิ่งที่ควรทำมากกว่าคือการแก้ไขปรับปรุงหลักปฏิบัติและขั้นตอนต่าง ๆ ให้รัดกุมมากขึ้น นั่นหมายถึงเราควรแก้ไขที่ระบบ ซึ่งเราก็หวังว่าระบบมันจะถูกแก้ไขจริง ๆ ครับ เพราะรอบนี้ยังดีที่ยังไม่มีใครเสียชีวิต แต่มีผู้บาดเจ็บและมีทรัพย์สินเสียหาย ซึ่งก็หวังว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายครับ

Jobb Xantharid Virochsiri
ก็ยังแปลกใจว่าทำไมไม่เอาเรือออกไปซ่อมปืนในที่โล่งๆที่ไม่มีใครหรืออะไรเป็นเป้า ดูเป็นความประมาทอย่างน่ากลัว คล้ายการสร้างหายนะรอเกิดที่เอาแท่งคอนกรีตไปห้อยไว้เหนือถนนที่เชียงราย ซึ่งจนเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่มีใครออกมาแถลงหรือ แถ_ลง ว่าทำไมจึงชุ่ยกันขนาดนั้น..