วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 31, 2561

เฮียเค้าว่าไม่เลื่อน แต่ทั่นรองฯ ฝ่ายบริกรกฎหมายพยักหน้า ยืดเลือกตั้งอีกอย่างน้อยสองเดือน


อ่า เฮียเค้าว่าไม่เลื่อนก็ไม่เลื่อน แต่การคำนวณมันไม่ลงตัวตามเป้าโร้ดแม็พของพวกเฮียๆ นี่สิ จะให้เชื่อได้อย่างไร

ในเมื่อไอ้ที่ชอบตะบันพูดอยู่นั่น ตามนั้นตามนี้แน่ๆ ไม่เคยเป็นได้สักที อะไรๆ จะเอาตามใจพี่ไปเสียทุกอย่าง มากว่าสี่ปีจนจะพังมิพังแหล่ อีกหรือ น่าจะพอกันเสียทีแล้วนะ

ไม่ใช่ว่าไม่ชอบที่ทั่นหัวหน้ากลาโหมพี่ใหญ่ คสช.บอกว่าเลือกตั้งกุมภา ๖๒ แน่ๆ ถ้าทำได้อย่างนั้นย่อมดีกว่าไม่ทำแน่นอน แต่ที่พูดอย่างนี้มันเหมือนโกหก ในเมื่อทั่นรองฯ ฝ่ายบริกรกฎหมายแบไต๋แล้วว่า

“การหารือกับพรรคการเมืองจะต้องรอความชัดเจนหลังกฎหมายลูกมีผลบังคับใช้ จะทำให้การหารือดังกล่าว อาจจะไม่ใช่ในเดือน มิ.ย....ก็ไม่ควรจะใช่”

หมายความว่าจะยังไม่ปลดล็อคพรรคการเมืองให้เริ่มหาเสียงกันเตรียมเลือกตั้งอย่างที่ตั้งเป้าเอาไว้ ก็จะทำให้การเลือกตั้งต้องขยับออกไปเป็นเดือนเมษา ๖๒ ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนเวลาที่บ่งไว้ในรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบ รธน.
 
โอเค ตอนนี้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยประเด็นที่ สนช. ส่งร่าง พรป. เลือกตั้ง ส.ส. แล้วว่า ผ่านทั้งประเด็นมาตรา ๓๕ การจำกัดสิทธิดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมืองและผู้บริหารท้องถิ่น ถ้าไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง และมาตรา ๙๒ ที่ให้เจ้าหน้าที่หน่วยเลือกตั้งช่วยกาบัตรแทนคนพิการและทุพพลภาพได้

จากนี้ไปก็จะต้องมีการกราบบังคมทูลพระมหากษัตริย์เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยภายใน ๙๐ วัน จากนั้นเมื่อพระราชทานกลับลงมาภายใน ๙๐ วันแล้ว จึงจะมีเลือกตั้งได้ภายในอีก ๑๕๐ วัน ก็เท่ากับการเลือกตั้งต้องเลื่อนไปจากกุมภา ๖๒ อีก ๒ เดือน


แล้วอย่างนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยังบอกว่า “เอานะ เขาพยายามจะทำให้ทันก็แล้วกันน่า” ได้อย่างไร

ในเมื่อนักข่าวอุตส่าห์ถามเปิดช่องให้ว่าจะใช้อำนาจเบ็ดเสร็จมาตรา ๔๔ เมินระเบียบกฎหมายที่พวก คสช.อ้างนักอ้างหนาว่าศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้เลือกตั้งได้ทันเดือนกุมภาใช่ไหม พล.อ.ประวิตรดันตอบว่า “ไม่ต้องใช้”


ตอบอย่างข้างๆ คูๆ ไม่สมเหตุสมผลอย่างนี้ สมแล้วที่คนรุ่นใหม่ นักศึกษาหัวก้าวหน้าเช่น เนติวิทย์ โชติพัฒน์ไพศาล ไปประจานที่กรุงออสโลว่า คสช.ได้แต่เที่ยวไล่จับ ไล่ดำเนินคดีกับคนที่เรียกร้องประชาธิปไตย
แถมปิดท้ายรายการ Oslo Freedom Forum ประจำปี 2018 ที่นอร์เวย์ เน่เน่ยังชวนผู้เข้าร่วมงานลุกขึ้นยืนชูสามนิ้ว เป็นสัญญลักษณ์สนับสนุนกระบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในประเทศไทยกันพรึ่บทั้งหอประชุม


แน่นอนว่าเสียงจากหอประชุมกรุงออสโลกระหึ่มไปทั่วโลก แต่ในประเทศไทยภายใต้เผด็จการทหารยังคงเฉยเมยเช่นเคย ขณะที่กระบวนการกดขี่บีบคั้นดำเนินต่อไป

เมื่อคณะทหารมอบหมาย พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ แจ้งความดำเนินคดีต่อกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ที่ออกมาจัดทำกิจกรรมปฏิเสธรัฐประหาร เพิ่มอีกกว่า ๕๐ คน
 
ทั้งในข้อหาความผิดต่อความมั่นคงฐานฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้ารัฐประหาร ๓/๒๕๕๘ และความผิดฐานก่อกวนยุยงให้เกิดความปั่นป่วนและกระด้างกระเดื่องต่อ คสช. ในหมู่ประชาชน มาตรา ๑๑๖


ดูจะมีแต่ประเทศไทยที่ได้ฉายา กะลาแลนด์ แห่งนี้ที่เดียวละมังที่อ้างเป็นประเทศประชาธิปไตย (แต่มีสร้อยห้อยท้ายยาวเหยียด เป็นข้อจำกัด) ทั้งที่รัฐบาลมาจากการยึดอำนาจ อ้างคำสั่งคณะรัฐประหารเป็นกฎหมาย สร้างรัฐธรรมนูญที่กำหนดสภาแต่งตั้ง (ส่วนใหญ่จากทหาร) จำนวนครึ่งหนึ่งของสภาเลือกตั้ง มาเบียดบังอำนาจของตัวแทนประชาชน

แม้กระทั่งออกคำสั่งมายกเลิกตัวบทกฎหมายบางอย่าง โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการตามครรลองนิติบัญญัติปกติ ดังที่ คสช. ออกคำสั่งที่ ๕๓/๒๕๖๐ แก้ไขกฎหมายพรรคการเมืองที่ประกาศใช้แล้ว (มาตรา ๑๔๐ กับ ๑๔๑)

เป็นการเพิ่มภาระให้แก่พรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่ตั้งมามั่นคง และบั่นทอนศักยภาพทางการเมืองของพรรคเก่า เปิดทางพรรคเล็กพรรคน้อยเพิ่งจัดตั้งใหม่ๆ เกิดได้โดยง่ายจำนวนมาก กลายเป็นเบี้ยหัวแตกในสภาที่ต้องผ่านการเลือกตั้ง

ทั้งที่พรรคการเมืองใหญ่สองพรรค (เพื่อไทยและประชาธิปัตย์) ต่างร้องเรียนว่าเป็นการใช้อำนาจเผด็จการครอบงำกระบวนการนิติบัญญัติ แต่ผู้ตรวจการแผ่นดินกลับชี้ว่าคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติดังกล่าว (๕๓/๖๐) มีสถานะเป็น บทบัญญัติแห่งกฎหมาย

โดยพฤติกรรมการตัดสินปัญหาข้อกฎหมายที่ผ่านมาในยุค คสช.นี้ เป็นที่คาดหมายว่าศาลรัฐธรรมนูญจะแถลงผลการวินิจฉัยว่าความเห็นของผู้ตรวจการแผ่นดินนั้นถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ในวันที่ ๕ มิถุนายนนี้เช่นกัน

มิฉะนั้นจะต้องรอส่งกลับไปให้ สนช.ปรับแก้ใหม่หากศาลไม่เห็นด้วย ไม่ว่าจะเป็นทางใดทางหนึ่ง การเลือกตั้งคงต้องเลื่อนออกไปอีกอย่างน้อยๆ สองเดือนจนได้