วันอังคาร, เมษายน 17, 2561

'เสี่ยตือ' อดีตรองประธานสภาฯ พูดถึงผลงาน คสช. ยังไม่เท่า มล.ลดาวัลย์พูดถึงตัวหัวหน้า


ถึงตาเสี่ยตือพูดบ้าง “ที่ผ่านมารัฐบาลก็พยายามบริหารให้ครอบคลุมหมดทุกด้าน...ถ้าจะให้ดีที่สุดครบ ๔ ปีแล้วควรจะมีการแถลงใหญ่สักครั้งหนึ่ง

...เพื่อให้เห็นว่าการทำงานโดยไม่มีฝ่ายค้านไม่มีการตรวจสอบ หรือทำงานโดยที่ไม่สามารถตรวจสอบได้นั้น ผลที่ออกมาเป็นอย่างไร”

เสี่ยตือคนนี้ ชื่อสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล เคยเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร สังกัดพรรคชาติไทย (พัฒนา) ตอนนี้ในเมื่อว่าที่หัวหน้าพรรคเป็นคนรุ่นลูกทายาทศิลปอาชา อดีตนักกิจกรรมรามคำแหงสมัย ๑๔ ตุลาผู้นี้เลยกลายเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรค พอที่จะเหิรกระแส ปิ๊สิด เสรีนิยมได้

“สิ่งที่ประชาชนคาดหวังทุกวันนี้คือเรื่องปากท้อง เพราะเป็นปัญหาหนักอกของผู้คนที่พูดถึงมากที่สุด” เขาว่า “ตอนนี้ปัญหาของคนรากหญ้า ปัญหาของคนที่อยู่ในชนบท มันสวนทางกับการเติบโตทางเศรษฐกิจจริงๆ”


อ้าวก็พวก คสช.และลิ่วล้อเขาพูดปาวๆ เกือบทุกวันว่าเศรษฐกิจดีขึ้นแล้วไง ฝ่ายคลังเพิ่งป่าวร้อง “ฟันธงเศรษฐกิจไทยปีนี้โตตามเป้า ๔.%” น่ะ เห็นข่าววันนี้ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ บอก “เศรษฐกิจในระดับมหภาคฟื้นตัวดีขึ้นจากผลประกอบการของธุรกิจขนาดใหญ่”

แต่เสี่ยตือแกบังเอิญพูดตรงประเด็นสะใจ แม้จะคนละเรื่องเดียวกัน “จะมัวไปดูตัวเลขว่าขึ้น ๓.๖ หรือ ๔.๖ อย่างเดียวไม่ได้ คุณล้วงไปในกระเป๋าของผู้คนว่าในกระเป๋าของพวกเขามีตังค์หรือไม่ ดัชนีการครองชีพเป็นอย่างไร ควรมองดูสิ่งที่เป็นความจริงมากกว่าตัวเลข”

อดีตรองประธานสภาฯ ยังให้ข้อเท็จจริงด้วยว่า “ขณะนี้ผู้ค้ารายย่อยร้านของชำ แม่ค้าที่ขายตามตลาดนัดชาวบ้าน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าวันนี้กำลังซื้อของคนมีน้อยทำให้การค้าระดับล่างซบเซา เงินไม่สะพัดเท่าที่ควร”

ซึ่งดูเหมือน รมว.คลัง พยายามตอบ (ต่างกรรมต่างวาระ) “ความมั่งคั่งที่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจมหภาคนั้น ไม่สามารถไหลไปสู่เศรษฐกิจระดับรากหญ้าได้อย่างทันใจ” แล้วก็โฆษณาสรรพคุณของทีมงานลิ่วล้อทหาร เราทำอย่างนั้นอย่างนี้

“กำลังเร่งสร้างงานสร้างอาชีพ เพื่อให้คนจนมีรายได้พ้นเส้นความยากจน ซึ่งถือนโยบายที่ต้องเดินหน้าให้สำเร็จ”


ก็ไม่รู้เวลาที่ผ่านมาตั้งสี่ปี พวกทั่นเดินหน้าหรือถอยหลัง หรือว่ายักซ้ายย้ายขวากันอยู่ ถึงได้เพิ่งจะเริ่มในตอนนี้ หรือเป็นเพราะพวกหัวๆ ฝ่ายทหาร (โดยเฉพาะหัวเด็ดตีนขาดคนนั้น) อยากจะอยู่ต่ออีกสี่ซ้าห้าปี เลยดันพวกทั่น ‘failed technocrats’ ทั้งหลายให้ปั่นตัวเลขกันใหญ่

ด้านลิ่วล้ออีกสาย พวกหัวไม้ติดยศยังคงไล่ล่าประชาชนบางคนที่หาญกล้าออกมาประท้วง ประจาน และเปิดโปงความชั่วร้ายของ คสช. ประดุจมาเฟีย
อย่างเช่นเอกชัย หงส์กังวาน และโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ สองคู่หูผู้ที่ตามจี้ตามแฉกรณีนาฬิกาหรู ๒๓ เรือนเพื่อนให้ยืมยังไม่คืนเพราะเพื่อนตายไปก่อน

ทั้งสองนัดหมายไปเจอกันที่ลาดพร้าวซอย ๗๑ หน้าบ้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพื่อทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์รดน้ำดำหัวให้บิ๊กป้อม พร้อมอุปกรณ์ประกอบการแสดง “แผ่นไวนีลนาฬิกาหรู ๒๔ เรือน ปืนฉีดน้ำ ธูปและขันน้ำสีแดง”

เช้าตรู่ทั้งคู่ออกไปยืนรอรถเมล์หน้าซอย ๑๐๙ ลาดพร้าว มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบกว่าสิบคนมากับรถตู้ กรูกันเข้าไปล็อคตัวทั้งสองชายลากขึ้นรถนำไปกักกันไว้ที่ บกน.๔ หัวหมาก สำหรับโชคชัยนั้นระหว่างอยู่ในรถตู้ถูกกดให้คว่ำลงกับช่องวางเท้าระหว่างเบาะรถ

เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบซึ่งเป็นชุดตำรวจทำเนียบ (ซึ่งเอกชัยสามารถชี้ตัวได้คนหนึ่งว่าชื่อ ดาบประสิทธิ์) ยึดเอาโทรศัพท์พกพาของเขาไป ใช้ผ้าคลุมหัวโชคชัยและเอาเข่ากดหลังเขาอัดลงกับพื้นตลอดทางจนหูเขาหมดสภาพไปข้างหนึ่ง

เป็นการข่มเหงรังแกประชาชนชนิดที่ Bow Nuttaa Mahattana ชี้ว่า ประดุจดังโจรป่าห้าร้อยลักพาตัว นอกจากนั้นการจู่โจมล็อคตัวทั้งที่ทั้งสองคนยังไม่ได้ทำผิดอะไร ทำให้โชคชัยพยายามดิ้นรนขัดขืน จนเสื้อยืดที่เขาสวมใส่อยู่ขาดวิ่นใช้การไม่ได้


เหล่านั้นเป็นฝีมือของระดับลูกไล่ ยังได้เห็นความกักฬระของกระบวนการ คสช. ได้เพียงนี้ แล้วระดับหัวหน้าใหญ่จะขนาดไหน คงต้องโอนให้ไปอ่านกันเองจากข้อเขียนของพลตรีหญิง มล.ลดาวัลย์ กมลาสน์ นักเขียนเรื่องราวธรรมชาติและชีวิตสัตว์ กับหนังสือประวัติราชนิกูลชื่อ สายสาแหรก

ใบ้ให้นิดเป็นกระสาย จากโพสต์ของ ML Ladawan Kamalasana ทางเฟชบุ๊ค “เกือบ ๔ ปีที่ผ่านมา คนไทยต้องทนอยู่กับความสามานย์อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน”