ตะหานยุคครองเมืองนี่
ถึงอย่างไรก็ไม่ยอมทิ้งสันดานก้าวก่าย เที่ยวไปเยี่ยมบ้านคนโน้นคนนี้ไม่หยุดหย่อน
วันก่อนไป ‘กวนใจ’ คุณแม่ของหนู ‘ลูกเกด’ วันวานไป ‘กวนตน’ แกนนำพรรคเพื่อไทย
กรณีลูกเกด
หรือชลธิชา แจ้งเร็ว สมาชิก 'กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย' ทหาร ๔-๕
คนไปที่บ้านพอดีเธอไม่อยู่ เลยบอกกับมารดาว่า
ต้องการทำความเข้าใจกับเธอเรื่องที่มี ‘เอ็มโอยู’
ไว้กับคณะยึดอำนาจว่าจะไม่คลื่อนไหวการเมือง จะไม่เดินทางไปต่างประเทศ
ชลธิชาบอกกับ
‘ประชาไท’ ว่าเอ็มโอยูนั้นตั้งแต่ปี ๒๕๕๗ ให้ไว้เมื่อทหารขอเวลาทำตามโร้ดแม็พ
“มันไม่น่าจะมีสภาพบังคับแล้วนะ...ตอนนี้มันเลยเวลาตรงนั้นมาแล้ว”
กรณีอดิศร
ทหารไปพบแค่สิบนาฑี บอกว่าเจ้านายให้ไปเยี่ยมเยียน “ถามว่าบ้านเมืองเป็นอย่างไร
ผมตอบว่าให้ไปถามทหาร เศรษฐกิจเป็นอย่างไรให้ไปถามแม่ค้าในตลาด
ฝากความคืดถึงไปยังเจ้านาย ให้ปกครองบ้านเมืองให้ดี”
นายอดิศรสันนิษฐานว่าเหตุที่จู่ๆ
ทหารไปเยี่ยมน่าจะมาจากที่เขาเขียนกลอนแปะเฟชบุ๊ค
วิพากษ์เรื่องทหารยศนายพันปิดถนนมิตรภาพสองเลนที่ขอนแก่น
เพื่อให้แขกเหรื่อพิธีวิวาห์ของตนได้จอดรถหน้างาน
(จากข่าว “ทหารไปบ้านชลธิชา แจ้งเร็ว
บอกแม่ขอพบลูกเพราะต้องการให้หยุดเคลื่อนไหวทางการเมือง” http://prachatai.org/journal/2017/06/71827
กับ “อดิศร งงเด้ ทหารรุดเยี่ยมถึงบ้าน” http://www.banmuang.co.th/news/politic/82727)
ต่อไปจะ
'กวน'
อะไรกับใครเมื่อไหร่ได้ทั้งนั้น ถามสลิ่มนัก ‘ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง’
ดูได้ เมื่อตอนช่วยกันเป่านกหวีดกวักมือเรียกให้ทหารเข้ามาครองเมือง
คงเห็นหน้าทะเล้นยักคิ้วหลิ่วตา ดีใจกันนักหนานึกว่าเซ่อจูงได้
ถึงตอนนี้สามปีผ่านไป
รอเลือกตั้งเดี๋ยวก็มา แต่ว่าปฏิรูปค่อยเป็นค่อยไป คสช. ช่วยดูให้ ๒๐
ปีคงรู้เรื่อง
มิหนำซ้ำทั้งที่หน้าตาทั่นผู้นัมพ์ถึงจะดูไม่ฉลาด
(as per Deep Blue Sea
@WassanaNanuam Jun 7) แต่ข้างในใจเหี้ยมหาญถึงขั้น ‘เชือดคอ’
แบบนี้ทั้งนั้นพวกที่
'อำนาจแบ่งกันครอง'
ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือตุลาการ
เมื่อวาน
(๙ มิถุนา) ศาลทหารกรุงเทพฯ มีคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒
ให้จำคุกนายวิชัย (สงวนนามสกุลเพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อนแก่ญาติพี่น้อง)
ในความผิดฐานหมิ่นประมาทกษัตริย์ ๑๐ กรรม กรรมละ ๗ ปี รวมแล้ว ๗๐ ปี
แต่ศาลลดหย่อนผ่อนโทษให้เหลือครึ่งเดียว
“๓ ปี กับ ๖๐ เดือน” ไม่ใช่ด้วยความกรุณาปราณีอันใด
หากแต่เป็นไปตามธรรมเนียมคดียัด ๑๑๒ เมื่อผู้ต้องหาเปลี่ยนใจยินยอมรับสารภาพ
หลังจากที่ถูกขังคุกแช่ดองเป็นเวลานานไม่มีท่าทีว่าจะได้เริ่มคดีเมื่อไร ให้รู้ว่าถ้าขืนสู้คดีนี้ไม่มีชนะ
จึงเป็นข่าวไปทั่วโลกว่า
“คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพฯ มักจะตัดสินกันอย่างเป็นความลับ
สื่อก็ถูกบีบบังคับให้เซ็นเซอร์ตัวเองอย่างหนัก ไม่กล้าเสนอรายละเอียดอะไร
ด้วยความกลัวโดนชี้ผิดจากการตีความกฎหมายนี้อย่างครอบจักรวาล”
(ข่าวเอเอฟพีรายงาน เช่นเดียวกับเอเชียนคอเรสปอนเด๊นซ์ https://www.yahoo.com/news/thai-man-jailed-35-years-defaming-royals-facebook-063250487.html
โดยเก็บเนื้อหามาจากรายงานของสำนัก ‘iLaw’)
รายงานของ
‘ไอลอว์’ ระบุว่าวิชัยถูกกล่าวหา “โพสต์ข้อความและภาพรวมสิบข้อความลงบนเฟซบุ๊ก
ที่ใช้ชื่อและรูปภาพของบุคคลอื่น โดยมีเจตนาจะกลั่นแกล้งบุคคลอื่น"
เบื้องต้นวิชัยให้การปฏิเสธ
เขาถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพตั้งแต่ถูกจับกุมตัวเมื่อปลายเดือนธันวาคม ๒๕๕๘
"จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ จึงมีนัดสืบพยานนัดแรก แต่พยานโจทก์กลับไม่มาศาล
การสืบพยานจึงถูกเลื่อนออกไปอีกครั้งเป็นเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๐”
คดีวิชัยนี้ถ้า
คสช. สงสัยทำไมสื่อตะวันตกถึงให้ความสนใจมากนัก ต้องไปอ่านโพสต์ของ Somsak Jeamteerasakul (จึงจะไม่งงอย่างเจ๊เล็ก
ขอนแก่นซีฟู้ด)
ว่าการตัดสินคดีนี้
“ต้องเป็นวัฒนธรรมป่าเถื่อนขนาดไหนหนอ จึงตัดสินจำคุกคน ๓๕ (๗๐) ปี
เรื่องความผิดในลักษณะหมิ่นประมาท คือความผิดเพียงการใช้วาจาเท่านั้น?
คงประมาณวัฒนธรรมแบบเดียวกับที่สมัยหนึ่งจับคนเผาทั้งเป็นเพราะสงสัยเป็นแม่มด”
(‘witch-hunt’)
ในวันเดียวกันศาลตัดสินคดีหมิ่นกษัตริย์อีกราย
ผู้ต้องหาเป็นช่างตัดสูทจากเชียงรายถูกฟ้องมาตรา ๑๑๒ ตั้งแต่ปี ๒๕๕๗
“จากการอัพโหลดคลิปเสียงรายการวิจารณ์การเมืองของ 'บรรพต' ขึ้นบนเว็บฝากไฟล์
4share เพื่อให้ผู้อื่นโหลดไปฟัง”
แม้นายเฉลียว
(สงวนนามสกุล) จะยอมรับสารภาพในศาลชั้นต้น ศาลตัดสินให้จำคุก ๑ ปี ๖ เดือน
และให้รอลงอาญา แต่ต่อมาอัยการเห็นว่าน้อยไปจึงอุทธรณ์ขอเพิ่มโทษ ศาลก็เลยตามใจ
ตัดสินให้จำคุก ๕ ปี ลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือ ๒ ปี ๖ เดือน
และยกคำสั่งรอลงอาญา
แต่ว่ายอมให้ประกันตัวปล่อยชั่วคราวไปเตรียมการฎีกา แต่ก็ปลอดการจองจำได้ไม่นาน
ก็มีคำพิพากษาฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์ให้กลับเข้าคุกดังเดิมอีก ๒ ปี ๖ เดือน
“สำนักงานสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติกล่าวว่า ‘ตลึงงัน’
กับการตัดสินครั้งนี้ของศาลไทย” ข่าวเอเอฟพีระบุ
“และยังแถลงประณามอย่างทางการ ต่อการที่ภายใต้การปกครองของคณะรัฐประหาร
มีการดำเนินคดีหมิ่นกษัตริย์เพิ่มขึ้น”
แสดงว่านานาชาติเขาไม่ต้องการอ้อล้อกับประเทศเผด็จการทหาร
(ไทย) แห่งเดียวที่ยังเป็นซอมบี้อยู่ในประชาคมโลก