เพราะความลักลั่นในการใช้อำนาจวิเศษของ คสช.
นั่นแหละจะทำให้ปัญหา ‘ปลาสองน้ำ’ กลายเป็น ‘ปลาตายน้ำตื้น’ ไปได้
เรื่องมันมาจากการ ‘เซ็ตซีโร่ กกต.’ ของกรรมาธิการวิสามัญ
สนช. ในร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการเลือกตั้ง
ซึ่งจะมีการอภิปรายเพื่อพิจารณาวาระ ๒ และ ๓ ในวันที่ ๙ มิถุนานี้
“หาก สนช. รับในมติดังกล่าวจะส่งผลถึงอนาคต
กกต.ชุดปัจจุบันต้องทำหน้าที่รักษาการไปจนกว่าจะมีการสรรหาใหม่ครบ ๗ คน” ภายใน ๖๐ วัน
พล.ท.พิศณุ
พุทธวงศ์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ บอกว่า “เหตุผลที่เสียงส่วนใหญ่เห็นควรให้เซ็ตซีโร่
กกต. เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้เพิ่มอำนาจหน้าที่กกต.มากขึ้น
คุณสมบัติจึงเข้มข้นตามมาด้วย
และควรเริ่มดำเนินการเลยเพื่อให้ได้กกต.ชุดใหม่มาปฏิบัติหน้าที่
โดยไม่ได้มีประเด็นเกี่ยวกับตัวบุคคล ยึดประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก ทั้งนี้ กมธ.ไม่ได้ถามความเห็นว่า
กกต.เห็นด้วยกับหรือไม่”
โดยที่ทั่นรองฯ คนเก่งกฎหมาย วิษณุ เครืองาม ย้ำว่าจำเป็นต้องโละใหม่ทั้งชุด
เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายในการทำงานแบบ ‘ปลาสองน้ำ’
นั่นละคือประเด็นที่เป็นปัญหาในอันดับแรก เมื่อ กกต. คนดัง สมชัย ศรีสุทธิยากร ซึ่งเป็นหนึ่งในสองที่จะต้องหมดวาระก่อนใคร
มีข้อกังขากับการเปลี่ยนใจของกรรมาฯ วิสามัญ จะล้างไพ่หมดทั้งยวง
แทนที่จะรอค่อยเป็นค่อยไป
นายสมชัยตั้งความหวังทำนองจะขออยู่จนครบวาระเสียก่อนค่อยไป หรืออย่างน้อยจนกว่าจะมีชุดใหม่เข้ามารับหน้าที่
ซึ่งก็คงใช้เวลา ๔-๖ เดือนเป็นอย่างน้อย หลังจากนั้นจะกลับไปทำงาน ‘พีเน็ต’
รังเดิมที่เคยอยู่ก่อนมาเป็น กกต.
ครั้นพอมีคนโน้นคนนี้เริ่มแสดงว่าไม่เห็นด้วยกับการเซ็ทซีโร่
รวมทั้งพรรคใหญ่ทั้งสอง นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาฯ พรรคเพื่อไทยแย้งว่าไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
ควรต้องให้ผู้ยังมีวาระค้างทำหน้าที่ให้หมดเสียก่อน
ส่วนฟากประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์
รองหัวหน้าติงว่าการยกเครื่องใหม่ทั้งชุดจะไม่ได้ทำให้ได้ผลเลือกตั้งดีกว่าที่เคยเป็นมา
หากยังมีการซื้อขายเสียง ไม่สุจริตเที่ยงธรรมต่อไป
อีกคนคือนาง สดศรี สัตยธรรม อดีต กกต. ก็เห็นคล้ายนายองอาจ
ว่าเซ็ทซีโร่ไม่มีความหมาย ยิ่งจะเจอปัญหาคนใหม่ด้อยประสพการณ์
“ถ้าอยากจะเซตซีโร่จริงๆ ก็ต้องทำเหมือนกันให้หมด ทุกๆ
องค์กรอิสระ ไม่ใช่ทำเฉพาะแค่ กกต.” ข้อสำคัญ
กกต.ชุดนี้อยู่ในตำแหน่งมาสามปียังไม่ได้ทำงาน เพราะไม่มีการเลือกตั้ง ควรให้โอกาสพวกเขาสร้างผลงาน
สร้างเครดิตให้แก่ตน
แถมก่อนหน้านั้นตอนจะเลือกตั้ง ๒ กุมภา ๕๗ กกต. ก็ดันไปเห็นด้วยกับพวกเป่านกหวีดปิดกรุงเทพฯ
ที่ขวางเลือกตั้ง ปิดคูหา เป็นนั่งร้านให้ คสช. เข้ามาแช่แป้งเสียฉิบ กตต. จึงอดได้ทำงานต่อมาอีก
๓ ปี
ครั้นตอนนี้ถึงเวลาจัดที่จัดทางให้หัวหน้า คสช. ได้เป็นนายกฯ
คนนอก สมกับรัฐธรรมนูญใหม่ที่อุตส่าห์เขียนไว้รองรับทหารนั่งหมักยุทธศาสตร์ ๒๐
ปีให้ครบถ้วนกระบวนการครองเมือง กกต.
ชุดนี้คงไม่เหมาะกับยุคมั่งคั่งยั่งยืนที่จะมาถึง จึงได้โดนเขาพยายามกวาดลงถังขยะ
นายสมชัยคงจะมองเห็นอนาคตที่ไม่ผ่องใส
แม้กระทั่งถ้ากลับไปอยู่พีเน็ต เพราะระบบเลือกตั้งใหม่มันผิดผีผิดไข้อยู่ไม่เบา
เขาจึงหวนกลับมางัดข้อกับกรรมาฯ ปักหลักค้านเซ็ทซีโร่อย่างหัวชน
พูดถึงสภาวะปลาสองน้ำว่าเหลวไหล
“ทุกที่ล้วนมีปลาสองน้ำ” ทั้งนั้น “ภาวะปลาสองน้ำคือ
ภาวะที่เกิดขึ้นกับองค์กรอิสระ เช่น กกต. เพียงองค์กรเดียวหรือไม่ คำตอบคือ ไม่”
เขาว่าทั้งศาลรัฐธรรมนูญและ ปปช. “ก็ปลาสองน้ำด้วยกันทั้งนั้น”
เซ็ทซีโร่กันอย่างนี้ ‘สองมาตรฐาน’
เสียละมากกว่า
ยิ่งกว่านั้นนายสมชัยไม่แค่ค้าน
แย้มพรายว่าคุยกับทีมกฎหมายของพวกตนแล้ว เห็นพ้องต้องกันว่าจะทำหน้าที่ตรวจสอบร่างกฎหมายระเบียบ
กกต.นี้ต่อไป มุ่งประเด็นไปที่ว่าร่างฯ นี้ สอดคล้องหรือละเมิดรัฐธรรมนูญกันแน่
ซ้ำรุกต่อไปอีกหนึ่งคืบ “สำนักงานเลขาธิการ กกต. เสนอให้พิจารณาตั้งคณะกรรมการสอบสวนคำร้องที่นายเรืองไกร
ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ขอให้ตรวจสอบรัฐมนตรี ๙ ราย”
ได้แก่ นางกอบกาญจน์
วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมช.ศึกษาธิการ นายพิเชฐ
ดุรงคเวโรจน์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล
รมว.แรงงาน นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมช.
พาณิชย์ และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ
รัฐมนตรีเกรดเอของ คสช. เหล่านี้ล้วนมีรอยโหว่หลังหวะเรื่องการถือครองหุ้น
ดังที่นายเรืองไกรยื่นฟ้องประเด็นเข้าข่ายขัดกันด้านผลประโยชน์เอาไว้แล้ว
ตามระเบียบบังคับของรัฐธรรมนูญในหมวด ๙ ซึ่งมีระวางโทษให้พ้นจากตำแหน่งตามความในมาตรา
๒๖๔ ด้วย
นี่จัดว่าเป็นการห้ำหั่นพันตูทางการเมืองกันชุลมุน ฝุ่นคลุ้งเสียยิ่งกว่ายุครัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเสียอีก
เพียงแต่ว่ารัฐมนตรีที่ถูกกระหน่ำล้วนเป็นสายพลเรือนเทคโนแครททั้งนั้น
จึงไม่กระเทือนซางทหาร คสช. เท่าไรนัก
แต่กระนั้นหากแรงโหมทั้งจากพรรคเพื่อไทยและ กกต. (สมชัย+)
หนักแน่นพอ ก็จะสร้างความสั่นสะเทือนแก่รัฐบาล คสช. ได้มากทีเดียว
ความหวังที่หัวหน้า คสช. จะไปเป็นหัวหน้ารัฐบาลหลังเลือกตั้งกลางหรือปลายปีหน้าอย่างราบรื่น
โดยมีกำลังพล กปปส. ในพรรค ปชป. คอยเป็นข้ารองบู้ธผลักดันและรองรับ นั่นริบหรี่มาก
หากทีมเทคโนแครทในรัฐบาล คสช.ปัจจุบัน มีอันเป็นไป