วันพุธ, พฤษภาคม 25, 2559

เส้นทางที่ทางวัดพระธรรมกายจะต้องเลือก...

เคยอ่านเรื่องมหาวิทยาลัย นาลันทา ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยขนาดเกือบ 80 ไร่ จุผู้คนทั้งพระภิกษุ นักศึกษา และคณาจารย์ ได้มากกว่า 11,500 คน จนกลายเป็นศูนย์กลางการศึกษาทางพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน

มหาวิทยาลัยนาลันทา ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 944 ก็เริ่มต้นด้วยสถูปองค์หนึ่ง และในเวลาต่อมา กษัตริย์องค์อื่นๆ ก็เริ่มสร้างเติมขึ้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมีวัดอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน จนในที่สุดก็ทำให้ทั้ง 6 วัดรวมกันอยู่ในสถานที่แห่งเดียวกัน เรียกว่า นาลันทามหาวิหาร

มหาวิทยาลัยนาลันทารุ่งเรืองมาอีกหลายร้อยปี จนถึง ปี พ.ศ. 1742 ก็ถูกกองทัพเติร์กส์มุสสิมเข้ามาครอบครองและทำลายวัดทั้งหมด รวมทั้งสังหารบุคคลที่ไม่ยอมเปลี่ยนศาสนากัน ทั้งตำรา วัดวาอาราม ข้าวของ ต่างถูกเผาลงทั้งสิ้น กองกำลังของฝ่ายเติร์กมีอยู่ไม่ถึง 200 คน และผู้คนเป็นพันๆ ในมหาวิทยาลัย ตัดสินใจไม่ทำการต่อสู้แต่อย่างใด พร้อมกับยินยอมให้พวกเติร์กทำการฆาตกรรมหมู่กันอย่างสะดวก

สถานที่ของมหาวิทยาลัยนาลันทาถูกเผา และเพลิงกับเปลวไฟลุกช่วงเป็นเวลานานกว่า 3 เดือนเต็มๆ และก็พร้อมกับการสิ้นสุดยุคอันรุ่งเรืองของศาสนาพุทธในประเทศอินเดียลงไป


--------------------

หลังจากที่มหาวิทยาลัยนาลันทาสร้าง ไม่ถึง 100 ปี ก็มีการก่อตั้งสถานศึกษาขึ้นในประเทศจีน เมื่อปี พ.ศ. 1038 และสถานศึกษานี้ อยู่แถบเทือกเขาซงซาน ซึ่งเต็มไปด้วยป่าไม้ ภาษาจีนเรียกว่า "หลิน" นั่นก็คือถิ่นกำเนิดของ "วัดเส้าหลิน" นั่นเอง

หลังจากสร้างวัดแล้ว ก็มีพระภิกษุจากประเทศอินเดีย เข้าไปเผยแพร่ศาสนากัน พอมาพบวัดเส้าหลิน ก็เห็นว่า เป็นสถานที่ที่เหมาะสมต่อการปฎิบัตืธรรม จนต่อมากลายเป็นต้นกำเนิดของศาสนาพุทธ นิกายเซนในประเทศจีนขึ้นมา

พระโพธิธรรมเถระ หรือ ตั๊กม้อ สร้างความเลื่อมใสให้กับชาวจีนด้วยการพัฒนาวิทยายุทธเส้าหลิน ด้วยการถ่ายทอดธรรมะและวิชากังฟูให้กับหลวงจีนเพื่อฝึกฝนด้วยการออกกำลังกายและฝึกสมาธิ เนื่องจากหลวงจีนส่วนใหญ่มีสุขภาพที่ย่ำแย่ ร่างกายผอมมากๆ และต่อมา วิทยายุทธนี้ ได้กลายเป็นศิลปะของการป้องกันตัว และสาขาของวัดเส้าหลิน ก็ขยายตัวออกไปทั่วทุกมุมโลกในเวลาต่อมา

ทุกๆ วันนี้ วัดเส้าหลินหรือสำนักเส้าหลิน ก็เป็นวัดทางพระพุทธศาสนาของนิกายมหายานที่มีความเก่าแก่มากกว่า 1,500 ปี และสามารถใช้วิทยายุทธที่ร่ำเรียนกันมา ปกป้องไม่ให้วัดเอง ต้องกลายเป็นเหยื่อกับศัตรู

วัดเส้าหลินอยู่รอดมาได้ เพราะรู้จักการป้องกันตัว เพื่อให้ข้าศึกศัตรูเกรงขาม ต่างกับมหาวิทยาลัยนาลันทา ที่ยินยอมให้อีกฝ่ายบดขย้ำโดยปราศจากการต่อสู้แต่อย่างใดทั้งสิ้น่

--------------------

ที่ยกตัวอย่างให้อ่านกันทั้งสองเรื่อง ก็เพราะว่า การปฎืบัติของไทย ชอบแบบมหาวิทยาลัยนาลันทา คือ ไม่ต้องการมีเรื่อง และยินยอมสูญเสียทุกอย่าง เพราะกลัวบาปกรรมกัน และบางครั้ง ก็ถือว่า เป็นกรรมเก่าที่จะต้องชดใช้

ผลสุดท้ายก็คือ สิ่งที่สร้างขึ้นมากันหลายๆ ปี ก็ต้องพังพินาศสูญสิ้นด้วยฝีมือของบุคคลเพียงไม่กี่คน ทั้งๆ ที่ในมหาวิทยาลัยเอง มีคนเป็นจำนวนมาก ซึงสามารถ "จัดการ" ักับคนไม่ถึง 200 คนได้อย่างแน่นอน

แต่เมื่อกลับตัดสินใจไม่ต้องสู้เพื่อรักษาสิ่งที่สร้างไว้ และนอกจากนั้น ยังยินยอมให้คมดาบของฝ่ายที่ต้องการไล่ล่า ทำการบดขยี้กันอย่างเต็มพลังเสียอีก

แต่เรื่องแบบนี้ คงเกิดขึ้นกับที่วัดเส้าหลินไม่ได้ เพราะแต่ละคนจะต้องใช้วิทยายุทธการใช้ศิลปะป้องกันตัวอย่างแน่นอนที่สุด และกองกำลังของวัดเส้าหลินเอง ก็สามารถปกป้องรักษาวัดมาได้จนถึงปัจจุบันนี้ ทั้งๆ ที่ผ่านเหตุการณ์และศึกสงครามมาไม่รู้กี่ครั้ง

--------------------
ถ้าไม่ปกป้อง สิ่งที่ตนเองช่วยสร้างกันขึ้นมาเป็นเวลาหลายๆ ปีในเวลานี้ สิ่งที่เคยตั้งปณิธานกันว่าจะ "ปกป้องด้วยชีวิต" คงจะเป็นแค่คำพูดธรรมดาๆ เท่านั้น

เมื่อคนที่อยู่ที่วัด กลายเป็น พวก "เฉย" ฝ่ายอริศัตรู ก็ทำการ "เชือดเฉือน" กันได้อย่างสบายอารมณ์ และเมื่อคิดว่า เป็นบาปกรรม รวมไปถึงการ "อหิงสา" กับศัตรูคู่อริแล้ว สิ่งที่ตามมา ก็คือ ความล่มสลาย เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยนาลันทาอย่างแน่นอนที่สุด

--------------------
เคยมีคำกล่าวในภาษาอังกฤษเรื่องหนึ่งว่า:

" There's heroes and there's legends. Heroes get remembered but legends never die.."

แปลเป็นไทยก็คือ มีบุคคลที่เป็นวีรบุรุษหรือวีรสตรี กับ บุคคลที่อยู่ในตำนาน  เราจำคนที่เป็นวีรบุรุษหรือวีรสตรีกันได้  แต่บุคคลที่อยู่ในตำนานนั้นจะอยู่อย่างอมตะตลอดไป.."

ในปัจจุบัน มหาวิทยาลัยนาลันทา เหลือแต่ซากปรักหักพัง แต่สำนักเส้าหลินยังคงอยู่ยงคงกระพันอีกนานแสนนาน  

เหมือนกับ Heroes ที่เสียชีวิตไปให้เราจำกันได้ที่นาลันทา แต่ตำนานของสำนักเส้าหลินก็ยังอยู่คงกระพันอย่างที่ท่านผู้อ่านคงทราบกันเป็นอย่างดี

--------------------

ถ้าสมมติว่ามีเหตุการณ์การกวาดล้างแบบนี้เกิดขึ้น ท่านจะปกป้องสถานที่ของท่าน ดัวยการเลือกวิธีการ่ของมหาวิทยาลัยนาลันทา หรือ แบบวัดเส้าหลินกันดี?

คำตอบก็คงจะทราบกันแล้ว เพียงแต่ว่าแต่ท่านจะเดินหน้ากันอย่างไรเท่านั้นเอง....