ที่ดินสวัสดิการกองทัพบกประกาศขายโดยเอกชน |
บทความนี้เป็นตอนที่
3 ในซีรีส์ ‘ทุนกองทัพไทย’ บทความสองตอนแรกอธิบายถึงกรรมสิทธิ์
‘ทุน’ ของกองทัพไทยในธุรกิจต่างๆ กล่าวคือธนาคารพาณิชย์ ฟรีทีวี และสถานีวิทยุ เพื่อชี้ให้เห็นว่ากองทัพไทยคือกลุ่มทุนที่ผูกขาดในบางธุรกิจมานานกว่าครี่
งศตวรรษ[1] [2] ความเป็นกลุ่มทุนของกองทัพไทยเป็นเอกลักษณ์ของทุนนิยมแบบไทยๆ เพราะกองทัพในประเทศทุนนิยมอย่างสหรัฐฯและญี่ปุ่นไม่ถือหุ้นบริษัทและไม่ลงทุนในกิจการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการป้องกันประเทศ
บทความตอนนี้อธิบายเรื่องการบริหารจัดการที่ดินในครอบครองของกองทัพบก
ที่ดินในครอบครองของกองทัพบก
กองทัพบกมีกรรมสิทธิ์ ที่ดินราวๆ 460,000 ไร่ แต่ที่มากกว่านั้นมหาศาลคือที่ดินที่กองทัพบกครอบครองโดยไม่มีกรรมสิทธิ์ ที่ดินประเภทหลังมีมากกว่า 4 ล้านไร่ ซึ่งจำแนกได้เป็นที่ดินสงวนและที่ดินหวงห้ามตามประมวลกฎหมายที่ดิน ที่ดินที่เช่าจากหน่วยงานอื่นหรือเอกชน
รวมทุกประเภทแล้วกองทัพบกมีที่ดินอยู่ในครอบครองประมาณ
5 ล้านไร่ [3]
เพื่อให้เข้าใจว่ากองทัพบกครอบครองที่ดินมากแค่ไหนก็ลองเปรียบเทียบกับการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ การรถไฟฯมีกรรมสิทธิ์ที่ดินราวๆ 230,000
ไร่ เทียบแล้วเป็นครึ่งหนี่งของกรรมสิทธิ์ที่ดินของกองทัพบก เมื่อเปรียบเทียบกับที่ดินในครอบครองทั้งหมดของกองทัพบกแล้วการรถไฟฯมีที่ดินไม่ถึง
1 ใน 20 หรือ 5% ของกองทัพบก
ที่ดินในครอบครองของกองทัพบกกระจายอยู่ทุกภาคทั่วประเทศ ภาคตะวันตกมีที่ดินในครอบครองของกองทัพบกมากที่สุดคือมากกว่า
3 ล้านไร่ และกระจุกอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรีและราชบุรี
พล.ท.จิระเดช โมกขะสมิต รอง เสธ.ทบ.(๑) เป็นหัวหน้าคณะ เดินทางไปตรวจพื้นที่โครงกา |
กองทัพบกคือแลนลอร์ด
ไม่ปรากฎชัดเจนว่ากองทัพบกมีที่ดินแปลงว่างกี่ไร่ ก่อนรัฐประหาร 2549 รัฐบาลทักษิณขอข้อมูล ‘ที่ดินแปลงว่าง’ ของหน่วยราชการต่างๆเพื่อนำมาจัดสรรให้ประชาชนทำกิน หน่วยราชการหลายแห่งส่งข้อมูลที่แปลงว่างให้รัฐบาลทักษิณ กล่าวคือ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กรมธนารักษ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ สำนักงานปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (สปก.ให้ข้อมูลที่ดินป่าสงวนแห่งชาติเสื่อมโทรมที่ได้รับมอบจากกรมป่าไม้ หรือพื้นที่จำแนกออกจากป่าไม้ถาวร) กรมป่าไม้ (ให้ข้อมูลที่ดินป่าสงวนแห่งชาติที่มีผู้ครอบครองแล้ว) กรมการปกครองแจ้งว่าไม่มีที่ดินแปลงว่าง
ส่วนกระทรวงกลาโหมแจ้งว่าให้ข้อมูลไม่ได้
ผู้แทนกลาโหมขอไปตรวจสอบก่อน [4]
อย่างไรก็ดี กระทรวงกลาโหมมีกฎระเบียบการให้เช่าที่ดินชัดเจนอย่างน้อยก็ตั้งแต่พศ.
2509 ซึ่งจอมพลประภาส จารุเสถียรเป็นผบ.ทบ. เช่น มีกฎระเบียบว่าที่ดินกองทัพบกนอกเขตพระนครธนบุรีและนอกเขตเทศบาลทั่วประเทศ
ให้เช่าเพื่อทำการค้าได้แต่ห้ามการรับช่วงเช่าต่อ[5]
ธนารักษ์ปราจีนบุรีประชุมความคืบหน้าโครงการ |
หลังมีพรบ.ที่ราชพัสดุ
พ.ศ. 2518ที่ดินกรรมสิทธิ์ของกองทัพบกก็จัดว่าเป็นที่ดินราชพัสดุประเภทหนึ่ง และกฎกระทรวงการคลังอนุญาตให้เอกชนเช่าที่ดินราชพัสดุเพื่อการพาณิชย์และ อุตสาหกรรมได้ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด[6]
หมู่บ้านจัดสรรของกองทัพบก
กองทัพภาคที่ 2 ใช้ที่ดินในครอบครองที่จังหวัดนครราชสีมาทำหมู่บ้านจัดสรรให้แก่ทหารในสังกัดตั้งแต่ พ.ศ. 2545 พร้อมแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำหรือที่เรียกว่า ‘บ้านธนารักษ์ทบ.’ ปัจจุบันโครงการที่นครราชสีมามีพื้นที่ทั้งหมด 280 ไร่ จัดสรรเป็นแปลงละ 100 ตารางวา [7]
การจัดสรรที่ดินดังกล่าวไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแต่มีการโอนกรรมสิทธิ์สิ่งปลูกสร้าง
(ในทีนี้คือบ้าน) เจ้าของบ้านทำสัญญาเช่ากับธนารักษ์พื้นที่นครราชสีมา โครงการแรกสัญญาเช่าครั้งละ
3 ปี แต่โครงการหลังๆขยายระยะสัญญาเป็นไม่เกิน 30 ปีให้เท่าระยะเวลาเงินกู้ หลังจากนั้นต่อสัญญาเช่าครั้งละ
3 ปีไม่กำหนดครั้งในการต่อสัญญา และไม่ส่งพื้นที่คืนกรมธนารักษ์
ค่าเช่าที่ดินก็ต่ำมากเพียง 300 บาทในปีแรกๆ ปีหลังๆก็ยังราคาไม่ถึง
1,000 บาท ที่สำคัญคือให้โอนกรรมสิทธิ์ให้ทายาทได้โดยไม่มีเงื่อนไขว่าทายาทต้องเป็นทหารด้วย
ฉันคิดว่ามีที่ดินในครอบครองของกองทัพบกในจังหวัดอื่นที่โดนจัดสรรด้วย เพราะฉันพบประกาศโฆษณาขายที่ดินจัดสรรโครงการสวัสดิการกองทัพบกที่จังหวัดปทุมธานี
[8] แต่ไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าโครงการสวัสดิการดังกล่าวให้กรรมสิทธิ์เจ้าของบ้านนำไปขายต่อได้จริงๆหรือไม่
มีข้อสังเกตว่ามีหน่วยราชการอื่นจัดทำ
‘บ้านธนารักษ์’ ในลักษณะเดียวกับกองทัพบก คือนำที่ดินรัฐมาทำหมู่บ้านจัดสรรหรือคอนโดมิเนียมแล้วขายกรรมสิทธิ์สิ่งปลูกสร้างและเก็บค่าเช่าที่ดิน
เช่น กองทัพเรือ กองทัพอากาศ กรมชลประทาน กรมสรรพสามิต และจังหวัดนนทบุรี
โครงการบ้านจัดสรรหรือคอนโดมิเนียมเพื่อข้าราชการทำให้เกิดคำถามดังต่อไปนี้
ก) ในเมื่อทหารผู้น้อยได้สิทธิ์ซื้อบ้านในที่ดิน 100 ตารางวา ผู้เสียภาษีที่มีรายได้เท่าทหารผู้น้อยควรมีสิทธิ์ได้ซื้อบ้านในที่ดินรัฐขนาด 100 ตารางวาเช่นกันหรือไม่?
ข) ถ้ากระทรวงสาธารณสุขอยากนำที่ดินหลังโรงพยาบาลมาทำบ้านจัดสรรให้แก่ข้าราชการสาธารณสุขบ้าง ผู้เสียภาษีจะยอมรับได้ไหม?
ค) ถ้ากรมป่าไม้อยากนำที่ดินป่าสงวนที่เสื่อมโทรมแล้วมาทำบ้านจัดสรรให้ข้าราชการกรมป่าไม้บ้าง ผู้เสียภาษีจะยอมรับได้ไหม?
ง) นโยบายนี้เอื้อประโยชน์ให้แก่ข้าราชการเกินไปหรือไม่ เมื่อเปรียบเทียบกับโครงการบ้านเอื้ออาทรที่จัดสรรให้แก่ประชาชนที่ยากจน?
สนามกีฬา
สนามม้าและสนามกอล์ฟ
กองทัพบกมี ‘สนามกีฬากองทัพบก’ ฉันเข้าใจว่าการแข่งขันฟุตบอลระดับชาติหรือระดับนานาชาติที่สนามกีฬากองทัพบกช่วยยกระดับชื่อเสียงของประเทศ แต่ฉันก็ไม่เข้าใจว่าการยกระดับชื่อเสียงของประเทศช่วยยกระดับศักยภาพในการ ป้องกันประเทศของกองทัพบกอย่างไร ในขณะเดียวกัน ‘สนามกีฬาแห่งชาติ’ ไม่มีโฉนดที่ดินเป็นของตัวเองและต้องจ่ายค่าเช่าให้แลนลอร์ด (จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)
ถ้ากระทรวงกลาโหมยกสนามกีฬากองทัพบกให้เป็นสนามกีฬาแห่งชาติและเป็นกรรมสิทธิ์ของกรมพลศึกษาก็จะช่วยลดต้นทุนการลงทุนเพื่อพัฒนาศักยภาพนักกีฬาไทยไปสู่การแข่งขันในระดับโลก
ส่วนสนามกอล์ฟและสนามม้าของกองทัพบกก็ควรยกกรรมสิทธิ์ให้ชุมชนใช้ประโยชน์เพื่อสาธารณะ
เช่น ปรับพื้นที่ให้เป็นสวนสาธารณะ เพราะการพัฒนาที่ดินไม่ควรเป็นงานของกองทัพ โรงเรียนนายร้อยจปร.ไม่ใช่
โรงเรียนผลิตนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่เป็นโรงเรียนผลิตทหารที่มีหน้าที่ป้องกันประเทศ
นอกจากนี้ยุคนี้ไม่มีชาติไหนขี่ม้ารบกันแล้ว ไม่ใช่ยุคอัศวินมีไพร่ในสังกัด ไม่ใช่ยุคอัศวินใส่ชุดเกราะขี่ม้ารบกัน ดังนั้นกองทัพบกก็ไม่จำเป็นต้องมีสนามม้าอีกต่อไป
ฉันขอย้ำว่าบทความนี้อธิบายถึงที่ดินในครอบครองของกองทัพบกเท่านั้น ไม่ได้ครอบคลุมถึงที่ดินในครอบครองของกองทัพเรือและกองทัพอากาศ
หมายเหตุ
[3] สถิติจากผลงานวิจัยที่“วิทยาลัยการทัพบก”
อนึ่ง กานดา นาคน้อย ได้เขียนข้อความซีรี่ส์บนเฟชบุ๊คเกี่ยวกับที่ดินทหารไว้ บางส่วนดังนี้
ซีรีส์ที่ดินกองทัพ
3 : ฉันคิดว่าเป็น ‘ความอัปยศแห่งชาติ’ ที่สนามกีฬาแห่งชาติไม่มีที่ดินเป็นของตัวเอง
ต้องจ่ายค่าเช่าที่ดินให้แลนลอร์ด ในขณะที่กองทัพบกมีที่ดินมากมายให้เช่าเป็นแลนลอร์ดคล้ายสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
ฉันพยายามหากฎการเช่าที่ดินกองทัพ พบระเบียบฉบับ พ.ศ.
2509 ที่ลงชื่ออนุมัติโดยประภาส จารุเสถียรในตำแหน่งผบ.ทบ. มีใครรู้ว่าบ้างนี่คือฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบันหรือไม่?
ดูฉบับประภาสได้ที่ลิงค์ที่แนบมาค่ะ
ผ่านไปจะ 50 ปีแล้วถ้ายังอยู่ภายใต้กฎระเบียบฉบับเผด็จการก็สมควรปฎิรูปได้แล้ว
เอาที่ดินมาปฎิรูปยกให้สนามกีฬาแห่งชาติก็ได้ ทำสวนสาธารณะก็ได้ ให้คนจนทำกินก็ได้
ฯลฯ ก่อนฝันไปบอลโลกน่ะ หาโฉนดที่ดินให้สนามกีฬาแห่งชาติก่อนเหอะ!!!
กองทัพมีที่ดินให้เช่า
มีทีวีมีวิทยุให้เช่าได้งบประมาณภาษีอีกปีละ 2 แสนล้าน มีทหารเกณฑ์ไปรับใช้คุณนายคุณหนูถึงบ้าน ส่งทหารมาช่วยน้ำท่วมก็ส่งบิลมาเก็บจากกระทรวงการคลังเพิ่ม
นายพลนายพันไทยช่างมีชีวิตดีๆกันจริงๆ !!!
ซีรีส์ที่ดินกองทัพ
4 : ราวๆ 1 ปีก่อนรัฐประหาร 2549 รบ.ทักษิณขอข้อมูล ‘ที่ดินแปลงว่าง’ ของหน่วยราชการต่างๆ เพื่อนำมาจัดสรรให้ประชาชนทำการเกษตร
หน่วยราชการที่ส่งข้อมูลปริมาณที่แปลงว่างให้รบ.ทักษิณ ได้แก่
กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กรมธนารักษ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ สำนักงานปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
(สปก.ให้ข้อมูลที่ดินป่าสงวนแห่งชาติเสื่อมโทรมที่ได้รับมอบจากกรมป่าไม้
หรือพื้นที่จำแนกออกจากป่าไม้ถาวร) กรมป่าไม้ (ให้ข้อมูลที่ดินป่าสงวนแห่งชาติที่มีผู้ครอบครองแล้ว)
ส่วนกรมการปกครองบอกว่าไม่มีที่ดินแปลงว่าง กระทรวงกลาโหมบอกว่ายังให้ข้อมูลไม่ได้ผู้แทนกลาโหมขอไปตรวจสอบก่อน
!!!
ดู ‘บันทึกข้อความ’ ถึงผบ.ทบ.ได้ที่ลิงค์ข้างล่างนี้
ซีรีส์ที่ดินกองทัพ
5 : ในวิสัยทัศน์นโยบายสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
10 ปีระหว่าง พ.ศ. 2554-2563 นโยบายเกี่ยวกะที่ดินเขียนไว้ว่า ‘พัฒนาการดำเนินการเกี่ยวกับที่ดินของกระทรวงกลาโหม
ให้มีการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพ’ ฉันก็งงๆว่ากลาโหมจะยกระดับการพัฒนาที่ดินทำบ้านจัดสรรขายแข่งกะบริษัทอสังหาฯหรือ?
เห็นเอาที่ดินมาทำบ้านจัดสรรขายกันเองหลายโครงการแล้ว? ทำไมถึงมีการประกาศขายที่ดินในโครงการสวัสดิการกองทัพ? มีที่ดินมากนักก็แบ่งให้เกษตรกรไปทำกินบ้างเหอะ !!!
http://opp.mod.go.th/…/%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%9A…
ซีรีส์ที่ดินกองทัพ
6 : ที่ดินในปกครองของกองทัพบกในภาคตะวันตกกินพื้นที่มากที่สุด
ที่กาญจนบุรีและราชบุรึรวมกันก็ปาเข้าไป 3 ล้านไร่แล้ว คนรักป่าอยากแสดงความรักป่าก็ชักชวนไปทวงป่าคืนกันได้นะ
ทวงป่าคืนจากคนปลูกยางพาราน่ะจิ๊บจ๊อย !!!
ซีรีส์ที่ดินกองทัพ
7 : ตัวเลขที่ดินกองทัพบกที่ฉันนำมาเล่าสู่กันฟังนั้นมาจากงานวิจัยที่
‘วิทยาลัยการทัพบก’และผู้เขียนมียศนายพัน
(ฉันเดาว่าถ้าเรียนวิทยาลัยการทัพบกเขียนงานวิจัยแล้วคงได้วุฒิการศึกษาที่ทำให้ได้เลื่อนยศ)
ใครอยากทำวิจัยเกี่ยวกะกองทัพบกก็ลองค้นดูบทคัดย่องานวิจัยที่วิทยาลัยการทัพบกได้