#เรือมนุษย์
#We are Myanmar Rohinga
ตั้งแต่ตี 2ถึงเช้านี้ ทะเลสตูล ตั้งแต่ปากบารา ถึงเกาะหลีเป๊ะ และน่านน้ำสากล มีพายุฝนกระหน่ำอย่างหนัก จึงอดเป็นห่วง 450 ชีวิตชาวโรฮิงญา บนเรือลำนั้นไม่ได้
ภาพชีวิตบนเรือลำนั้นของพวกเขา มันฝังอยู่ในสายตาและจิตใจของฉัน
แม้หลายคนที่กำลังอ่านบทความของฉันอยู่นี้ จะหาว่าฉัน ดราม่า
แม้หลายคนที่กำลังอ่านบทความของฉันอยู่นี้ จะมีความเห็นอย่างหลากหลายต่อชาวโรฮิงญา
บ้างก็ เห็นใจ สงสาร
บ้างก็ ต่อต้านไม่ให้รับชาวโรฮิงญาเข้าประเทศไทย
บ้างก็ ขุดคุ้ยประวัติศาสตร์ชาวโรฮิงญา
บ้างก็ เล่าถึงความเลวร้าย
บ้างก็ เชื่อมโยงถึงความขัดแย้งทางศาสนา
และสงครามกลางเมืองในพม่า
ฉันเคารพทุกความคิดเห็น
แต่อยากเชิญชวนทุกคน
...คิดง่ายๆ...
...อย่าคิดเยอะคะ...
เริ่มต้นจากภาพที่คุณเห็น
หากคุณอยู่ในสถานการณ์เดียวกับฉัน
หากคุณเห็นผู้คนที่ล่องเรือมานานกว่า 3 เดือน กำลังร้องไห้ อ้อนวอน ขอความช่วยเหลือ ไม่ต่างจากการเห็นคนกำลังจะตายอยู่ต่อหน้า คุณจะรู้สึกอย่างไร
ไม่เพียงแต่ผู้ชาย ที่ร่างกายผอมแห้ง เห็นแต่โครงกระดูก ผู้หญิง และเด็กเล็กจำนวนมาก ในสภาพผอมแห้ง ไม่มีเสื้อผ้า ตัวเหม็น จนฉันเองต้องอาเจียน ไม่นับร่างกายที่มีโรคผิวหนัง บางคนเป็นตาแดง ลมชัก และมากมาย
นี่คือสภาพของผู้คนที่หิวโหย อดอยาก และกำลังจะตาย
แน่นอน รัฐบาลไทย มีกฏหมาย มีนโยบาย มีความมั่นคง และสิ่งที่รัฐบาลไทยปฎิบัติการช่วยเหลือพวกเขา เป็นสิ่งที่ไทยทำดีที่สุดแล้ว
ฉัน ในฐานะสักขีพยาน ติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ทหารเรือไทย ตลอดทั้งคืนถึงเช้าวันที่ 15 พ.ค. ที่เรือมนุษย์ โรฮิงญา ออกจากน่านน้ำไทย ฉันเห็นถึงความพยายามของทหารไทยที่ช่วยเหลือพวกเขาอย่างเพื่อนมนุษย์ ตามหลักมนุษยธรรม
มือที่สัมผัสกันก่อนจากลา ระหว่างเรือแยกจากกัน มันเป็นภาพจำในชีวิตที่ ฉัน ไม่อาจลืมเลือน
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ฉันยังออกตามหาพวกเขา กลางทะเล
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ฉันยังติดตามว่าพวกเขาจะถึงเป้าหมายหรือไม่
เช้าวันนี้ 17 พ.ค. ครบ 48 ชม.ที่เราจากกัน
เรือมนุษย์ ที่ไม่มีธงสัญชาติใด
แต่มีธงที่เขียนว่า
We are Myanmar Rohinga
450 โรฮิงญา ในเรือลำนั้น เข้าสู่น่านน้ำสากลแล้ว หลังเมื่อวานถูกมาเลเซีย ผลักดัน และทหารเรือไทยได้ช่วยซ่อมแซมเรือให้เขาอีกครั้ง พวกเขาออกเดินทางต่อไปยังประเทศที่ 4 คือ อินโดนีเซีย
ฉันหวังว่า พวกเขาจะถึงเป้าหมาย
ฉันหวังว่า พวกเขาจะปลอดภัย
ฉันหวังว่า จะไม่มีคนตาย
มีหลายเหตุผลที่ทำไม คนในเรือลำนั้น จึงบอกว่า ไม่เข้าประเทศไทย
มีข้อสังเกตุและพยานหลักฐานที่เชื่อได้ว่า เรือลำนึ้ เป็นเรือของขบวนการค้ามนุษย์
Salim คนที่ให้สัมภาษณ์ภาษาอังกฤษ ยอมรับกับล่ามที่ฉันให้คุยทางโทรศัพท์ ว่า พวกเขามากับนายหน้าในกลุ่มของ อ้นวาร์ กลุ่มเดียวกับขบวนการค้ามนุษย์ที่เรียกค่าไถ่และพบหลุมศพใน ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา
Salim บอกว่า คนขับเรือที่เป็นพม่า ทิ้งเรือไปเกือบ 20 วันแล้ว โดยถอดเครื่องยนต์และนั่งสปีดโบ๊ท หนีไป
ไต๋เรือไทยที่ไปซ่อมเรือให้คืนนั้น บอกฉันว่า เรือถูกถอดเครื่องยนต์อย่างตั้งใจ และเป็นไปไม่ได้ที่เรือจะวิ่งมาเกาะไข่ได้เอง เพราะหลายวันก่อนหน้านี้ มีข่าวเรือลำนี้ขอความช่วยเหลือ ทหารเรือ และชาวประมง ช่วยตรวจสอบไม่พบ ดังนั้น เรือลำนี้ ถูกผลักดันมาจากมาเลเซีย
จากหลักฐานเรือที่ดัดแปลงมาเพื่อขนคน ในห้องด้านหลัง พบถึงแก๊สของไทย และเรือลำนี้ คงไม่ต้องบอกลักษณะว่าเป็นเรือชาติใด
ประกอบกับลักษณะพฤติกรรมของSalim ที่เป็นเหมือน ผู้คุม ตลอดทั้งคืน ฉันเริ่มมั่นใจว่า Salim เป็นคนของ นายหน้า
ยิ่งในนาที ก่อนจากกัน ผู้หญิง ผู้ชาย และเด็กในเรือลำนั้น ต่างร้องไห้ ไม่อยากไป แต่พวกเขาพูดอังกฤษ ไม่ได้ แล้วจะเข้าใจกันอย่างไร
ฉันหาข้อมูลจากแหล่งข่าว และลักษณะพฤติกรรม จึงเข้าใจเหตุผลว่า ทำไม พวกเขา ไม่เข้าประเทศไทย
เอาแค่เหตุผลการเดินทาง พวกเขาออกเดินทางทาจาก รัฐอะรากัน และบางส่วน ฉันเชื่อว่า น่าจะมาจากบังคลาเทศด้วยนั้น
พวกเขารู้ว่า จะไปมาเลเซีย พวกเขาไม่รู้หรอกว่าขบวนการจะพาขึ้นเรือมาลงที่ไทย เพื่อเดินข้ามแดนไปมาเลเซีย
และเมื่อคนในเรือลำนี้เป็นคนของขบวนการที่ถูกจับกุมในไทย พวกเขาจะไม่มีทางบอกแน่นอนว่า เข้าไทย
เพราะเมื่อเข้าไทย พวกเขาก็จะถูกจับกุมในข้อหานายหน้าค้ามนุษย์ ชาวโรฮิงญา ก็จะถูกดำเนินคดี หลบหนีเข้าเมืองผิดกฏหมาย พวกเขาก็จะถูกส่งเข้าห้องกัก ต้องติดคุก และถูกผลักดันกลับประเทศต้นทาง คือ เมียนมาร์ กลับสู่วงจรปัญหาเดิม ที่เมียนมาร์ไม่ยอมรับ และพวกเขาจะหาทางกลับมาใหม่
นี่คือชะตากรรมของพวกเขา ที่ฉันในฐานะนักข่าว ที่ทราบข้อเท็จจริง ไม่สามารถละเลยต่อหน้าที่ได้
ฉันไม่ได้นำเสนอข่าวตำหนิใคร
ฉันเสนอในข้อเท็จจริง เพื่อให้ทุกคนได้เห็นถึงชะตากรรมของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ฉันจึงได้แต่ขอพรพรจากพระผู้เป็นเจ้าทุกศาสนา โปรดจงอำนวยพรให้พวกเขา เดินทางถึงเป้าหมายอย่างปลอดภัย
และหวังว่า เราจะได้พบกันอีก
#See you Again
ฐปณีย์ เอียดศรีไชย
On the Sea
Thailand
17-05-2015