Royal World Thailand - รอยัล เวิลด์ ประเทศไทย
a day ago
·
ตลอดพระชนม์ชีพของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ดูเหมือนว่ามีความพรั่งพร้อมและโรยด้วยดอกไม้บนลาดพระบาทตั้งแต่แรกพระราชสมภพในการเตรียมพร้อมสู่การเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ต่อไป แต่ใครจะรู้ว่า เมื่อได้ประทับพระราชอาสน์ราชบัลลังก์แล้ว บนทางเดินแห่งความฝันนี้ อาจไม่มีพรมแดงปูทาง เส้นทางลาดพระบาทพาดิ่งลงเหวและถึงจุดแตกหักของศรัทธาจากประชาชนไปมากพอสมควร อย่างไรก็ดี แม้จะทรงถูกมองว่าไม่ทรงแคร์เวิลด์ใดๆ ทูลกระหม่อมก็ยังพอสามารถพยุงและปรับพระองค์และภาพลักษณ์ให้ดูดีขึ้นมาได้บ้าง เรียกได้ว่าเกือบหลับแต่กลับมาได้...
อนุมานได้ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกที่เผชิญกับจุดตกต่ำของประชาศรัทธาเกือบขั้นสุด ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ รวมไปถึงก่นด่าอย่างเปิดเผย โดยเฉพาะในสื่อสังคมออนไลน์ เสมือนเป็นการปลดปล่อยหลังอัดอั้นอยู่ในวงน้ำชามานาน ซึ่งทั้งหมดทั้งมวล ล้วนมาจากภาพลักษณ์และเรื่องราวพระชนม์ชีพส่วนพระองค์ทั้งสิ้น
แน่นอนว่า การเป็นพระมหากษัตริย์นั้น อาจไม่ง่ายเลยที่ต้องปฏิบัติพระราชกิจในฐานะพระประมุขควบคู่ไปกับการธำรงไว้ซึ่งภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญเช่นกันในฐานะบุคคลสาธารณะ ทูลกระหม่อมเองก็มีภาพลักษณ์ที่ไม่ดีมานานว่าด้วยเรื่องราวส่วนพระองค์ โดยเฉพาะเรื่องชีวิตครอบครัวอันเป็นที่โจษจันมากว่า 40 ปี จากวงน้ำชาสู่การเม้ามอยในวงกว้าง แม้จะไม่มีการตีแผ่เป็นข่าวสารเป็นเรื่องเป็นราวทางสื่อต่างๆอย่างเปิดเผยเหมือนประเทศอื่นๆ แต่ก็มิอาจปฏิเสธได้ว่า ทรงเป็นเจ้านายที่อื้อฉาวที่สุดพระองค์หนึ่งในพระราชสำนัก
ขณะที่ประชาชนจำนวนไม่น้อย เลือกที่จะไม่เชื่อหรือไม่สนใจกระแสข่าวด้านลบต่างๆ โดยเลือกที่จะโฟกัสและเฉลิมพระเกียรติในพระราชกิจที่ทรงปฏิบัติเพื่อปวงชน ขณะเดียวกัน กลุ่มคนที่เคารพสถาบันจำนวนไม่น้อยที่ไม่มองข้าม เข้าใจและรู้อยู่เต็มอกว่าเป็นอย่างไร จึงแสดงความไม่พอใจในพระองค์อย่างเปิดเผยเช่นกัน และแสดงความ #คิดถึงรัชกาลที่9 ตลอดมา จึงเป็นที่มาของวลี #รัก9ไม่เอา10
อีกส่วนหนึ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญคือพระราชจริยาวัตรและพระราชไลฟ์สไตล์ส่วนพระองค์อันเป็นที่กล่าวขวัญมานาน สมพระราชสมัญญา #เจ้าฟ้านักบิน ด้วยทรงบินว่อนเป็นว่าเล่น จนเป็นข่าวดังเมื่อสิบกว่าปีก่อน ที่ทรงถูกทางการเยอรมันยึดเครื่องบินส่วนพระองค์ที่สนามบินนครมิวนิค จนเกือบเสด็จนิวัติไม่ได้ สื่อทุกแขนงของไทยจึงต้องเผยแพร่แถลงการณ์ส่วนพระองค์ต่อเรื่องดังกล่าว จึงทรงโป๊ะแตกตั้งแต่ครานั้นว่าโปรดใช้เวลาส่วนใหญ่ประทับอยู่ที่ประเทศเยอรมนี ขณะที่พระวรชายา (ในขณะนั้น) ประทับกับพระโอรสและปฏิบัติพระกรณียกิจแทนพระองค์ในพระนามาภิไธย
แม้กระทั่งถึงเวลาที่ได้เสด็จขึ้นทรงราชย์แล้ว ยังคงเป็นแบบเดิม เพิ่มเติมคือบินไปกลับ ด้วยทรงปฏิบัติบางพระราชกิจและประทับในประเทศไม่ถึง 24 ชั่วโมงก่อนเสด็จนิวัติ “บ้านหลังที่สอง” ของพระองค์ การดำรงพระองค์เป็น “วิหคกษัตรา” นำมาซึ่งข้อกังหาและครหาของการเป็นพระมหากษัตริย์ที่ดี ที่ควรอยู่ในประเทศของพระองค์เองเป็นหลักเพื่อเป็นดั่งเสาหลักของปวงอาณาประชาราษฎร์อย่างแท้ทรู
การที่ทรงไม่หือไม่อือกับกระแสข่าวด้านลบใดๆ ประกอบกับกระแสความขัดแย้งและความเห็นต่างทางการเมืองที่ค่อนข้างร้อนระอุในขณะนั้น กลายเป็นจุดฉนวนระเบิดเวลา เกิดกระแสด่าทอและต่อต้านอย่างโจ่งแจ้ง จากที่ทรงบินเป็นนก จึงต้องหันกลับมาปรับเปลี่ยนพระองค์ใหม่เพื่อเข้าถึงประชาชนและทำคะแนนเรียกศรัทธากลับคืนมา และใส่พระราชหฤทัยในพระราชกิจดังที่ควรปฏิบัติ แบบนี้อาจเรียกได้ว่า ไม่ต่างอะไรกับวลี “ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา” หากไม่มีม็อบและกระแสหนักหน่วงขนาดนี้ ก็อาจอยู่ในวังวนพระชนม์ชีพที่มีแต่เครื่องบินและจักรยานในบาวาเรียแดนมหัศจรรย์ตลอดไป
เชือกที่ขาดไปแล้ว ยากที่จะประสาน เมื่อมีกระแสด้านลบแล้ว แน่นอนว่าทูลกระหม่อมจะต้องอยู่กับมันตลอดไป ดังที่ทรงเผชิญกับข่าวลือหลากหลายรูปแบบมาตลอด จริงบ้างเท็จบ้างเค้กบ้าง โดยหนึ่งในข่าวลือที่มีกระแสมากที่สุดช่วงกับแฮชแท็ก #ข่าวลือ ในทวิตเตอร์ (ปัจจุบันคือ X) ที่มีการลือกันสะพัดเมื่อกลางปี 2564 ว่าทรงติดโควิดพระอาการหนักและประทับรักษาในโรงพยาบาล จนมีข่าวลือถึงขั้นสวรรคต จนชาวเน็ตปั่นแฮชแท็กเป็นล้านทวิต บางคนถึงกับตามไปดูที่โรงพยาบาลที่ถูกกล่าวถึงกันด้วย
จนถึงเวลาที่เสด็จออกปฏิบัติพระราชกิจ ก็มิวายถูกจับผิดจับโป๊ะว่าข่าวเก่าบ้าง ข่าวเท็จบ้าง ชาวเน็ตผู้ไม่ยอมแพ้ถึงกับตั้งทฤษฎี “ในหลวงตัวปลอม” ตั้งข้อสังเกตพระวรกายทุกจุดที่เรียกได้ว่าใส่ใจทุกรายละเอียดยิ่งกว่าเอฟตีผู้จงรักภักดี กระทั่งเมื่อได้เสด็จออกบ่อยขึ้น จนถึงพระราชพิธีที่ได้ถ่ายทอดสด ข่าวลือและการถกเถียงประเด็นนี้จึงอันตรธานหายไปเหมือนไม่เคยคุยเรื่องนี้กันมาก่อน
กว่าจะเกือบหลับแต่กลับมาได้ ยังดีกว่าทรงไม่หือไม่อือใดๆในโลกหล้า แม้นอาจดูสายไปแล้วในสายตาใครหลายๆคนกับวลี #ตาสว่าง อันสวนทางกับกลุ่มที่มีแนวคิดปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ เนื่องจากพวกเขาไม่ต้องการให้มีอีกต่อไป จึงเป็นครั้งแรกที่มีกระแสสาธารณรัฐนิยมอย่างเปิดเผย แต่อย่างไรเสีย ถึงจะถูกมองไปว่าสายไปแล้วอย่างไรก็ตาม ถือว่ายังดีกว่าไม่ทำเลย อย่างน้อยก็ทรงปรับพระองค์ให้สมกับเป็นพระประมุขและเป็นหน้าเป็นตาแก่ประเทศ และเลือกที่จะทิ้งเรื่องงามพระพักตร์ไว้เบื้องหลัง
แต่กระนั้น ทูลกระหม่อมยังไม่สามารถนำพาก้าวผ่านความขัดแย้งและความคลุมเครือใดๆ ซึ่งชะรอยจะเป็นแบบนี้ไปตลอดรัชสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความคลุมเครือว่าด้วยอนาคตของพระราชสำนักที่กำลังถูกมองว่าเป็นไปในหลากหลายทิศทาง อยู่ที่ว่าท้ายสุดจะทรงเลือกทางไหนเพื่อความวัฒนาถาวรของพระราชบัลลังก์ และเพื่อผดุงความเคารพและศรัทธาของประชาชนที่ยังมีอยู่ หรือจะปล่อยให้ร่อยหรอลงไปเรื่อยๆจนถึงกาลอวสานกันหมด...
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว วันที่ 28 กรกฎาคม 2567 ข้าพระพุทธเจ้า ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาส ถวายพระพรชัยมงคล ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ทรงพระเกษมสำราญ เป็นมิ่งขวัญแก่ปวงพสกนิกรตลอดกาลนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
https://www.facebook.com/photo/?fbid=894414562719496&set=a.2282931891811851
