https://www.facebook.com/watch/?v=1765989957273658&t=0
.....
พรรคก้าวไกล - Move Forward Party
6 hours ago
·
[ บทสรุป กมธ.นิรโทษกรรม ]
.
ตั้งเป้านิรโทษฯ คดีที่เกิดจาก “แรงจูงใจทางการเมือง”
กรอบเวลาตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา
ไม่กำหนดฐานความผิด-เหตุการณ์เฉพาะเจาะจง
ตั้ง “คณะกรรมการนิรโทษกรรม” พิจารณากลั่นกรองเป็นรายกรณี
ความผิดละเมิดสิทธิร้ายแรง-หวังผลต่อชีวิต ไม่นิรโทษฯ
คดี ม.112 กมธ.มีความเห็นหลากหลาย เสนอทุกมุมมองให้สภาฯ พิจารณาต่อ
.
ในที่สุด คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม หรือ “กมธ.นิรโทษกรรมฯ” ที่เริ่มประชุมกันมาตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ. 2567 ก็เดินทางมาสู่การประชุมนัดสุดท้ายแล้วในวันนี้ (25 ก.ค. 2567) โดยเป็นการประชุมเพื่อจัดทำรายงานผลการศึกษาตลอด 5 เดือนส่งให้คณะรัฐมนตรีและสภาฯ พิจารณาต่อ
.
วันนี้ที่รัฐสภา ชัยธวัช ตุลาธน - Chaithawat Tulathon หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย Rangsiman Rome - รังสิมันต์ โรม และ ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ - ทนายแจม - Sasinan Thamnithinan สส.พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการฯ ได้ร่วมกันแถลงผลการศึกษาของ กมธ.นิรโทษกรรมฯ ซึ่งมีทั้งประเด็นที่ทุกฝ่ายในคณะกรรมาธิการฯ เห็นร่วมกัน และเห็นต่างกัน
.
ประเด็นสำคัญที่ทุกฝ่ายในคณะกรรมาธิการฯ เห็นร่วมกัน คือ การตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรมในครั้งนี้คงไม่สามารถออกเป็นกฎหมายที่เฉพาะเจาะจงฐานความผิดหรือเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง เหมือนกับกฎหมายนิรโทษกรรมหลายฉบับที่เกิดขึ้นในอดีตได้ เนื่องจากความขัดแย้งทางการเมืองไทยที่ดำเนินมาตลอด 20 ปีที่ผ่านมานี้มีความซับซ้อนหลายมิติ เกิดขึ้นจากหลายเหตุการณ์และหลากหลายฐานความผิดที่ทับซ้อนกัน
.
ดังนั้น วิธีการตรากฎหมายที่จะสอดคล้องกับข้อเท็จจริงมากที่สุดคือการตั้ง “คณะกรรมการนิรโทษกรรม” ขึ้นมาพิจารณากลั่นกรองเป็นรายกรณี ว่าคดีใดบ้างที่สมควรได้รับการนิรโทษกรรม
.
ซึ่งคณะกรรมการนิรโทษกรรมที่ตั้งขึ้นนั้นจะตั้งเป้านิรโทษกรรมคดีที่เกิดจาก “แรงจูงใจทางการเมือง” ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา โดย กมธ.นิรโทษกรรมฯ ให้นิยามของแรงจูงใจทางการเมืองว่าหมายถึง การกระทำที่มาจากพื้นฐานความคิดที่เกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง หรือต้องการบรรลุเป้าหมายทางการเมืองอย่างใดอย่างหนึ่งในช่วงเวลาที่มีความขัดแย้งหรือความไม่สงบทางการเมือง
.
ดังนั้น คดีต่างๆ ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมาที่เข้าข่ายแรงจูงใจทางการเมืองเช่นนี้ จะอยู่ในขอบข่ายของการพิจารณาของคณะกรรมการนิรโทษกรรมทั้งหมด ยกเว้นคดีที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะความผิดต่อชีวิต จะไม่ได้รับพิจารณานิรโทษกรรม
.
.
[ 3 มุมเห็นต่าง เรื่องการนิรโทษกรรมคดี ม.112 ]
.
ประเด็นที่กรรมาธิการหลายคนให้ความสนใจและมีความเห็นแตกต่างกันพอสมควร คือจะมีการนิรโทษกรรมผู้กระทำผิดในคดีอาญามาตรา 112 ด้วยหรือไม่? โดยชัยธวัชสรุปกลุ่มความคิดเห็นที่แตกต่างกันในคณะกรรมาธิการฯ ได้เป็น 3 แนวทาง คือ
.
1. เห็นด้วยกับการให้อำนาจคณะกรรมการนิรโทษกรรมพิจารณาคดีอาญามาตรา 112 ไม่แตกต่างจากฐานความผิดอื่นๆ ซึ่งเป็นแนวทางที่กรรมาธิการในสัดส่วนพรรคก้าวไกล ทั้ง สส. บุคคลภายนอก นักวิชาการ และอัยการ เห็นด้วย
.
2. ไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมคดีอาญามาตรา 112 โดยสิ้นเชิง
.
3. เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมคดีอาญามาตรา 112 แต่ต้องนิรโทษกรรมแบบ “มีเงื่อนไข” ที่แตกต่างจากฐานความผิดอื่น เพราะกรรมาธิการหลายคนมีความกังวลใจว่าหากนิรโทษกรรมไปแล้วจะเกิดการแสดงออกเพิ่มเติม และนำไปสู่การดำเนินคดีอีกครั้งหรือไม่ จึงต้องนิรโทษกรรมแบบมีเงื่อนไขบางประการ
.
ชัยธวัชอธิบายต่อไปว่า กรรมาธิการที่เห็นด้วยกับแนวทางที่ 3 เห็นว่าการนิรโทษกรรมคดีอาญามาตรา 112 ควรมีเงื่อนไขสำคัญ 2 ประการ
.
ประการแรกคือ การให้อำนาจคณะกรรมการนิรโทษกรรมกำหนดเงื่อนไขบางอย่างสำหรับคดีอาญามาตรา 112 หากผู้ต้องหาหรือจำเลยต้องการเข้าสู่กระบวนการ ก็ต้องยอมรับเงื่อนไขเบื้องต้นนี้ก่อน และในกรณีที่มีการละเมิดเงื่อนไขก็อาจจะเสียสิทธิในการนิรโทษกรรมไป
.
ส่วนประการที่สองคือ ควรมีมาตรการป้องกันการกระทำผิดซ้ำ ก่อนที่จะได้รับการพิจารณา เช่น ผู้ที่ถูกกล่าวหาหรือผู้กระทำผิดต้องมาแถลงข้อเท็จจริงถึงสาเหตุและแรงจูงใจ (ซึ่งปัญหาในข้อนี้คือ ผู้ถูกกล่าวหาหลายคนมองว่าสิ่งที่ตนกระทำไม่ใช่ความผิด) รวมถึงควรมีกระบวนการเปิดพื้นที่ปลอดภัยให้คู่ขัดแย้งทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ ฝ่ายความมั่นคง และฝ่ายผู้ที่ถูกตั้งข้อหามาพูดคุยกัน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อเท็จจริงหรือความเห็นที่ไม่ตรงกัน
.
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่คดีอาญามาตรา 112 อยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการฯ ว่าจะนิรโทษกรรมหรือไม่ กมธ.นิรโทษกรรมฯ เห็นว่ารัฐบาลควรต้องมีมาตรการในการอำนวยความยุติธรรมให้กับผู้ต้องหาควบคู่กันไปด้วย เช่น ชะลอการฟ้อง ให้สิทธิในการประกันตัว หรือจำหน่ายคดีชั่วคราว เพื่อลดแรงเสียดทานและบรรเทาบรรยากาศความขัดแย้งทางการเมืองลง
.
ชัยธวัชกล่าวทิ้งท้ายว่า ความเห็นที่แตกต่างหลากหลายในเรื่องการนิรโทษกรรมคดีอาญามาตรา 112 นี้ ทาง กมธ.นิรโทษกรรมฯ ไม่ได้มีการลงมติสรุป แต่จะบันทึกทุกความเห็นไว้ในรายงานสรุปผลการศึกษา เพื่อส่งให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อ
.
ซึ่งเมื่อรายงานผลการศึกษากลับเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ แล้ว ชัยธวัชหวังว่าเพื่อนสมาชิก สส.ทุกคนจะพิจารณาทุกทางเลือกอย่างรอบด้าน รอบคอบ และมีวุฒิภาวะ รวมถึงหวังว่าคณะรัฐมนตรีและพรรคการเมืองต่างๆ จะรีบจัดทำร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของตนเองยื่นเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมโดยเร็ว เพื่อเร่งอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการเมืองตลอด 20 ปีที่ผ่านมานี้
.
#ก้าวไกล #นิรโทษกรรม
.....
พรรคก้าวไกล - Move Forward Party
6 hours ago
·
[ บทสรุป กมธ.นิรโทษกรรม ]
.
ตั้งเป้านิรโทษฯ คดีที่เกิดจาก “แรงจูงใจทางการเมือง”
กรอบเวลาตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา
ไม่กำหนดฐานความผิด-เหตุการณ์เฉพาะเจาะจง
ตั้ง “คณะกรรมการนิรโทษกรรม” พิจารณากลั่นกรองเป็นรายกรณี
ความผิดละเมิดสิทธิร้ายแรง-หวังผลต่อชีวิต ไม่นิรโทษฯ
คดี ม.112 กมธ.มีความเห็นหลากหลาย เสนอทุกมุมมองให้สภาฯ พิจารณาต่อ
.
ในที่สุด คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม หรือ “กมธ.นิรโทษกรรมฯ” ที่เริ่มประชุมกันมาตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ. 2567 ก็เดินทางมาสู่การประชุมนัดสุดท้ายแล้วในวันนี้ (25 ก.ค. 2567) โดยเป็นการประชุมเพื่อจัดทำรายงานผลการศึกษาตลอด 5 เดือนส่งให้คณะรัฐมนตรีและสภาฯ พิจารณาต่อ
.
วันนี้ที่รัฐสภา ชัยธวัช ตุลาธน - Chaithawat Tulathon หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย Rangsiman Rome - รังสิมันต์ โรม และ ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ - ทนายแจม - Sasinan Thamnithinan สส.พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการฯ ได้ร่วมกันแถลงผลการศึกษาของ กมธ.นิรโทษกรรมฯ ซึ่งมีทั้งประเด็นที่ทุกฝ่ายในคณะกรรมาธิการฯ เห็นร่วมกัน และเห็นต่างกัน
.
ประเด็นสำคัญที่ทุกฝ่ายในคณะกรรมาธิการฯ เห็นร่วมกัน คือ การตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรมในครั้งนี้คงไม่สามารถออกเป็นกฎหมายที่เฉพาะเจาะจงฐานความผิดหรือเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง เหมือนกับกฎหมายนิรโทษกรรมหลายฉบับที่เกิดขึ้นในอดีตได้ เนื่องจากความขัดแย้งทางการเมืองไทยที่ดำเนินมาตลอด 20 ปีที่ผ่านมานี้มีความซับซ้อนหลายมิติ เกิดขึ้นจากหลายเหตุการณ์และหลากหลายฐานความผิดที่ทับซ้อนกัน
.
ดังนั้น วิธีการตรากฎหมายที่จะสอดคล้องกับข้อเท็จจริงมากที่สุดคือการตั้ง “คณะกรรมการนิรโทษกรรม” ขึ้นมาพิจารณากลั่นกรองเป็นรายกรณี ว่าคดีใดบ้างที่สมควรได้รับการนิรโทษกรรม
.
ซึ่งคณะกรรมการนิรโทษกรรมที่ตั้งขึ้นนั้นจะตั้งเป้านิรโทษกรรมคดีที่เกิดจาก “แรงจูงใจทางการเมือง” ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา โดย กมธ.นิรโทษกรรมฯ ให้นิยามของแรงจูงใจทางการเมืองว่าหมายถึง การกระทำที่มาจากพื้นฐานความคิดที่เกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง หรือต้องการบรรลุเป้าหมายทางการเมืองอย่างใดอย่างหนึ่งในช่วงเวลาที่มีความขัดแย้งหรือความไม่สงบทางการเมือง
.
ดังนั้น คดีต่างๆ ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมาที่เข้าข่ายแรงจูงใจทางการเมืองเช่นนี้ จะอยู่ในขอบข่ายของการพิจารณาของคณะกรรมการนิรโทษกรรมทั้งหมด ยกเว้นคดีที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะความผิดต่อชีวิต จะไม่ได้รับพิจารณานิรโทษกรรม
.
.
[ 3 มุมเห็นต่าง เรื่องการนิรโทษกรรมคดี ม.112 ]
.
ประเด็นที่กรรมาธิการหลายคนให้ความสนใจและมีความเห็นแตกต่างกันพอสมควร คือจะมีการนิรโทษกรรมผู้กระทำผิดในคดีอาญามาตรา 112 ด้วยหรือไม่? โดยชัยธวัชสรุปกลุ่มความคิดเห็นที่แตกต่างกันในคณะกรรมาธิการฯ ได้เป็น 3 แนวทาง คือ
.
1. เห็นด้วยกับการให้อำนาจคณะกรรมการนิรโทษกรรมพิจารณาคดีอาญามาตรา 112 ไม่แตกต่างจากฐานความผิดอื่นๆ ซึ่งเป็นแนวทางที่กรรมาธิการในสัดส่วนพรรคก้าวไกล ทั้ง สส. บุคคลภายนอก นักวิชาการ และอัยการ เห็นด้วย
.
2. ไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมคดีอาญามาตรา 112 โดยสิ้นเชิง
.
3. เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมคดีอาญามาตรา 112 แต่ต้องนิรโทษกรรมแบบ “มีเงื่อนไข” ที่แตกต่างจากฐานความผิดอื่น เพราะกรรมาธิการหลายคนมีความกังวลใจว่าหากนิรโทษกรรมไปแล้วจะเกิดการแสดงออกเพิ่มเติม และนำไปสู่การดำเนินคดีอีกครั้งหรือไม่ จึงต้องนิรโทษกรรมแบบมีเงื่อนไขบางประการ
.
ชัยธวัชอธิบายต่อไปว่า กรรมาธิการที่เห็นด้วยกับแนวทางที่ 3 เห็นว่าการนิรโทษกรรมคดีอาญามาตรา 112 ควรมีเงื่อนไขสำคัญ 2 ประการ
.
ประการแรกคือ การให้อำนาจคณะกรรมการนิรโทษกรรมกำหนดเงื่อนไขบางอย่างสำหรับคดีอาญามาตรา 112 หากผู้ต้องหาหรือจำเลยต้องการเข้าสู่กระบวนการ ก็ต้องยอมรับเงื่อนไขเบื้องต้นนี้ก่อน และในกรณีที่มีการละเมิดเงื่อนไขก็อาจจะเสียสิทธิในการนิรโทษกรรมไป
.
ส่วนประการที่สองคือ ควรมีมาตรการป้องกันการกระทำผิดซ้ำ ก่อนที่จะได้รับการพิจารณา เช่น ผู้ที่ถูกกล่าวหาหรือผู้กระทำผิดต้องมาแถลงข้อเท็จจริงถึงสาเหตุและแรงจูงใจ (ซึ่งปัญหาในข้อนี้คือ ผู้ถูกกล่าวหาหลายคนมองว่าสิ่งที่ตนกระทำไม่ใช่ความผิด) รวมถึงควรมีกระบวนการเปิดพื้นที่ปลอดภัยให้คู่ขัดแย้งทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ ฝ่ายความมั่นคง และฝ่ายผู้ที่ถูกตั้งข้อหามาพูดคุยกัน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อเท็จจริงหรือความเห็นที่ไม่ตรงกัน
.
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่คดีอาญามาตรา 112 อยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการฯ ว่าจะนิรโทษกรรมหรือไม่ กมธ.นิรโทษกรรมฯ เห็นว่ารัฐบาลควรต้องมีมาตรการในการอำนวยความยุติธรรมให้กับผู้ต้องหาควบคู่กันไปด้วย เช่น ชะลอการฟ้อง ให้สิทธิในการประกันตัว หรือจำหน่ายคดีชั่วคราว เพื่อลดแรงเสียดทานและบรรเทาบรรยากาศความขัดแย้งทางการเมืองลง
.
ชัยธวัชกล่าวทิ้งท้ายว่า ความเห็นที่แตกต่างหลากหลายในเรื่องการนิรโทษกรรมคดีอาญามาตรา 112 นี้ ทาง กมธ.นิรโทษกรรมฯ ไม่ได้มีการลงมติสรุป แต่จะบันทึกทุกความเห็นไว้ในรายงานสรุปผลการศึกษา เพื่อส่งให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อ
.
ซึ่งเมื่อรายงานผลการศึกษากลับเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ แล้ว ชัยธวัชหวังว่าเพื่อนสมาชิก สส.ทุกคนจะพิจารณาทุกทางเลือกอย่างรอบด้าน รอบคอบ และมีวุฒิภาวะ รวมถึงหวังว่าคณะรัฐมนตรีและพรรคการเมืองต่างๆ จะรีบจัดทำร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของตนเองยื่นเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมโดยเร็ว เพื่อเร่งอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการเมืองตลอด 20 ปีที่ผ่านมานี้
.
#ก้าวไกล #นิรโทษกรรม