วันอาทิตย์, มกราคม 01, 2566

หญิงชูป้ายประท้วงเดี่ยวคำสั่งตาลีบัน ห้ามผู้หญิงเรียนมหาวิทยาลัย ด้วยคำจากคัมภีร์อัลกุรอาน


เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. อเดลลา (นามสมมติ) ยืนถือป้ายที่เขียนคำเป็นภาษาอารบิกว่า "Iqra" หรือแปลว่า "อ่าน" ซึ่งชาวมุสลิมเชื่อว่านี่เป็นคำแรกที่พระผู้เป็นเจ้าเผยกับศาสดามูฮัมหมัด

ตาลีบัน : หญิงผู้ประท้วงคำสั่งห้ามผู้หญิงเรียนมหาวิทยาลัยด้วยคำจากคัมภีร์อัลกุรอาน

โดย นูออร์ กูล ชาฟาค
บีบีซีเวิลด์เซอร์วิส
31 ธันวาคม 2022

"ฉันไม่ได้รู้สึกกลัว เพราะเชื่อว่าสิ่งที่เรียกร้องไปเป็นสิ่งที่ยุติธรรม" หญิงอัฟกันวัย 18 ปี กล่าว

เธอมีความฝันอยากเรียนจบมหาวิทยาลัย แต่ต้องผิดหวังเมื่อกลุ่มตาลีบันออกมากำหนดห้ามไม่ให้ผู้หญิงเข้ารับการศึกษาระดับสูงเมื่อไม่นานมานี้

เมื่อโกรธเกรี้ยวที่อนาคตตัวเองกำลังถูกทำลาย เธอจัดการประท้วงเดี่ยวหน้ามหาวิทยาลัยคาบูล โดยอ้างคำจากคัมภีร์อัลกุรอาน

เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. อเดลลา (นามสมมติ) ยืนถือป้ายที่เขียนคำเป็นภาษาอารบิกว่า "Iqra" หรือแปลว่า "อ่าน" ซึ่งชาวมุสลิมเชื่อว่านี่เป็นคำแรกที่พระผู้เป็นเจ้าเผยกับศาสดามูฮัมหมัด

"พระผู้เป็นเจ้าให้สิทธิเราในการเข้าถึงการศึกษา เราต้องเกรงกลัวในพระเจ้า ไม่ใช่กลุ่มตาลีบันที่อยากจะพรากสิทธิจากเราไป" เธอบอกกับบีบีซี

ประท้วงเดี่ยว

"ฉันรู้ว่าพวกเขาปฏิบัติกับผู้ประท้วงอย่างเลวร้าย พวกเขาทุบตี ใช้อาวุธ ใช้ปืนช็อตไฟฟ้าและเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงยิงใส่ แต่ฉันก็ยังยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขา" อเดลลาเล่าให้บีบีซีแผนกภาษาอัฟกันฟัง

"ตอนแรกพวกเขาไม่ได้ใส่ใจฉัน ในเวลาต่อมา ชายคนหนึ่งเดินมาขอให้ฉันออกไปจากที่นั่น"

ในตอนแรก อเดลลาปฏิเสธที่จะไปไหน และข้อความบนป้ายที่เธอถืออยู่ก็เรียกความสนใจจากเจ้าหน้าที่ซึ่งพกอาวุธประจำกายที่ยืนอยู่รายล้อมเธอ

ขณะยืนถือป้าย เธอเริ่มคุยกับสมาชิกตาลีบันคนหนึ่งโดยถามว่า "คุณอ่านไม่ออกหรือว่าฉันเขียนอะไร"

เมื่อชายคนนั้นไม่ตอบ อเดลลาจึงถามต่อไปว่า "คุณอ่านคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าไม่ออกหรือ"


ป้ายที่เขียนคำเป็นภาษาอารบิกว่า "Iqra" หรือแปลว่า "อ่าน"

"เขาเริ่มโกรธและก็ข่มขู่ฉัน"

ป้ายของเธอถูกยึดไปและถูกไล่ออกจากพื้นที่ภายใน 15 นาที

ในขณะที่เธอยืนประท้วง พี่สาวของเธอรออยู่ในแท็กซี่แล้วก็อัดวิดีโอการประท้วงนี้ไว้ด้วย

"คนขับแท็กซี่เริ่มกลัวกลุ่มตาลีบันมาก เขาขอร้องพี่สาวฉันให้หยุดถ่ายคลิป ในที่สุดเขาก็ขอให้เธอลงจากรถไปด้วยความกังวลว่าจะเกิดเป็นเรื่องทำให้เดือดร้อน"

ข้อจำกัดต่อผู้หญิงที่เพิ่มขึ้น

หลังจากกองทัพสหรัฐถอนทัพออกไปจากอัฟกานิสถาน กลุ่มตาลีบันขึ้นครองอำนาจอีกครั้งในเดือน ส.ค. 2021


ผู้หญิงอัฟกันออกมาประท้วงหลังวันที่ 20 ธ.ค. ที่ผ่านมา กลุ่มตาลีบันสั่งห้ามไม่ให้ผู้หญิงอัฟกันสามารถไปเรียนที่มหาวิทยาลัยได้

ตอนแรกตาลีบันสั่งห้ามนักเรียนหญิงไม่ให้ไปเรียนโรงเรียนระดับมัธยม ต่อมาวันที่ 20 ธ.ค. ที่ผ่านมา พวกเขาสั่งห้ามไม่ให้ผู้หญิงอัฟกันสามารถไปเรียนที่มหาวิทยาลัยได้ จากนั้นก็ห้ามไม่ให้ผู้หญิงทำงานให้กับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร หรือเอ็นจีโอ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรในประเทศหรือนานาชาติ

ตอนนี้ มหาวิทยาลัยคาบูล ซึ่งมี 4 คณะที่มีผู้หญิงเป็นผู้บริหาร บอกกับบีบีซีว่าอาจารย์ผู้หญิงไม่สามารถเข้าไปในเขตมหาวิทยาลัยได้แล้ว

ผู้ชายต้องร่วมประท้วงด้วย

การประท้วงต่อต้านตาลีบันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้หญิงอย่างอเดลลา เธอยากให้ผู้ชายออกมาแสดงความกล้าหาญไปพร้อมกับพวกเธอด้วย แต่นั่นอาจนำมาซึ่งผลกระทบร้ายแรง


สมาชิกกลุ่มตาลีบันพกอาวุธและยืนห้ามไม่ให้ผู้หญิงเดินเข้าเขตมหาวิทยาลัย

"ระหว่างฉันประท้วงอยู่ มีชายหนุ่มคนหนึ่งอยากจะถ่ายวิดีโอเพื่อสนับสนุนฉัน แต่พวกเขาทุบตีเขา"

อาจาย์ชายคนหนึ่งฉีกประกาศนียบัตรของตัวเองทิ้งกลางรายการทีวีที่ออกอากาศสดเพื่อเป็นการประท้วง มีแหล่งข่าวบอกบีบีซีว่ามีอาจารย์มหาวิทยาลัย 50 คนแล้วที่ลาออกจากงานเพื่อเป็นการร่วมต่อต้านตาลีบันด้วย อย่างไรก็ดี อาจารย์คนหนึ่งบอกบีบีซีว่าได้ถอนจดหมายลาออกกลับมาหลังจากถูกกลุ่มตาลีบันทุบตี

อย่างไรก็ดี อเดลลาเชื่อว่าสำคัญมากที่ผู้ชายอัฟกันต้องเข้าร่วมขบวนการเคลื่อนไหวต่อสู้ด้วย

"มีผู้ชายน้อยคนมากในอัฟกานิสถานที่ยืนอยู่เคียงข้างเรา ในอิหร่าน ผู้ชายยืนอยู่เคียงข้างพี่สาวและน้องสาวของพวกเขา และสนับสนุนสิทธิของผู้หญิง หากเรายืนเคียงข้างกันเรื่องสิทธิในการเข้าถึงการศึกษา เราต้องประสบความสำเร็จแน่นอน 100%"

ท้าท้ายต่อ

นอกจากนี้ ยังมีแรงกดดันกลุ่มตาลีบันจากภายนอก เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ บอกว่าการห้ามผู้หญิงไม่ให้เข้าถึงการศึกษา เป็นการ "ทำลายการเคารพสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐานมากขึ้นเรื่อย ๆ"



แต่ดูเหมือนว่ากลุ่มผู้นำตาลีบันก็ไม่ได้สนใจอะไร หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนรายงานว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาอัฟกานิสถาน นิดา โมฮัมเหม็ด นาดีม บอกว่า การตัดสินใจนี้จะไม่เปลี่ยนแปลง "แม้พวกเขาจะทิ้งระเบิดปรมาณูใส่เรา"

แต่อเดลลาเองก็มุ่งมั่นไม่แพ้กัน

"หากฉันบินไม่ได้ ฉันก็จะวิ่ง หากฉันวิ่งไม่ได้ ฉันก็จะเดินไปช้า ๆ หากฉันทำสิ่งนั้นไม่ได้อีก ฉันก็จะคลานไป แต่ฉันจะไม่หยุดยั้งความพยายาม การต่อสู้ต่อต้าน"

เธอบอกว่า เธอสามารถพึ่งการสนับสนุนและคำชื่นชมจากเพื่อน ๆ เธอได้

"เธอกล้าหาญมาก" พวกเขาบอกกับเธอ เธอเชื่อว่าผู้หญิงอัฟกันในยุคนี้มีโอกาสสู้ชนะมากกว่าผู้หญิงในรุ่นก่อน ๆ

"เราไม่อยากกลับไปสู่ยุคมืดในเมื่อ 20 ปีก่อน เรากล้าหาญกว่าผู้หญิงในยุคนั้นเพราะเราได้รับการศึกษามากกว่าและรู้สิทธิของเราดี"