วันจันทร์, พฤศจิกายน 25, 2562

‘โอ๊ค’ หลุด แล้ว ‘เอ๋’ ล่ะ "ไม่ใช่โคถึก ไม่ต้องรอให้เสร็จนา"


โอ๊ค หลุด แล้ว เอ๋ ล่ะ สองคนนี่ต่างขั้วสุดขอบ ชนิดที่เอ๋นั้นเห็นอะไรไม่ดีต้องว่าเป็นฝีมือพ่อของโอ๊คไปเสียทุกอย่าง เช่นคดีการทุจริตปล่อยกู้เงินธนาคารกรุงไทย ที่โอ๊คติดร่างแหไม่ต่างกับอดีตประธานองคมนตรีผู้ล่วงลับแล้วหวงบ้าน

ถ้าศาลไม่ตัดสินนายพานทองแท้ ชินวัตร ว่า “การเบิกจ่ายเป็นไปโดยเปิดเผย ไม่ได้จงใจปิดบังอำพราง จึงฟังไม่ได้ว่าเงินโอนมามีการกระทำผิดในการฟอกเงิน” ละก็ งานนี้ อี๊เอ๋ได้เอามาปั่นให้ลุงๆ ชื่นใจอีก

แต่อนิจจา ดูเหมือนว่าเป็นเพราะเอ๋ไม่ใช่โคถึก ไม่ต้องรอให้เสร็จนาก็โดนเชือดเสียแล้ว โดยเมื่อบ่ายวานนี้ (๒๔ พ.ย.) เจ้าหน้าที่ป่าไม้และ กอ.รมน.นำหมายค้นเข้าไป ตรวจยึดที่ดินฟาร์มไก่ เขาสน๑ และ ๒ ของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ

ข่าวระบุว่าในตอนเช้าวันเดียวกัน รัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรฯ มีคำสั่งให้สำนักงาน สปก.ดำเนินการตรวจสอบแล้วพบว่า ฟาร์มไก่เขาสน ๑ อยู่ในเขตพื้นที่ปฎิรูปที่ดินทั้งหมดเนื้อที่ประมาณ ๖๙๑ ไร่ ส่วนเขาสน ๒ เป็นพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเนื้อที่ประมาณ ๔๖ ไร่

ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ และกฎหมายปฏิรูปที่ดินการเกษตร การเข้าครอบครองที่ดินดังกล่าว (สปก. ๔-๐๑) เพื่อทำประโยชน์ต้อง “ไม่เกิน ๕๐ ไร่เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกราย” จึงได้เชิญ น.ส.ปารีณาไปชี้แจง และปักป้ายหน้าฟาร์มว่าเป็นที่ดิน สปก. ตั้งแต่วันที่ ๑๘ พ.ย.
 
แต่ น.ส.ปารีณาไม่ได้ไปชี้แจง (มัวแต่ไปแถลงข่าวเล่นงานประธานกรรมาธิการ ปปช.กับเพื่อน ส.ส. พปชร.สิระ เจนจาคะ ละสิ) “จึงสั่งให้ยึดคืนทั้งหมด จากนั้นจะให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย” อย่างไรก็ดี รมช.เกษตรฯ ผู้ออกคำสั่งแจ้งด้วยว่าไม่สามารถดำเนินคดีอาญาได้

เนื่องจาก น.ส.ปารีณา อ้างว่าครอบครัวได้ครอบครองที่ดินดังกล่าวมาตั้งแต่ปี ๒๔๘๙ เกินกว่า ๑๐ ปี “ก่อนที่กรมป่าไม้จะมอบให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดินปี ๒๕๓๖” ดังนั้น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จึงให้กรมป่าไม้ “พิจารณาว่าสามารถฟ้องร้องทางแพ่ง” ได้หรือไม่


การดำเนินคดีทางแพ่งจะเกิดขึ้นเมื่อไร และไปได้แค่ไหนสุดจะคาดหมายได้ ในเมื่อ น.ส.ปารีณานี้ถูกจัดวางโดยคณะ คสช.๒ (ในฐานะผู้ช่วยรองนายกฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ให้เป็นตัวป่วนฟาดฟันฝ่ายค้าน เห็นได้จากผลงานการฟัดกับแกนนำพรรคอนาคตใหม่ที่ผ่านมา

ทว่า อี๊เอ๋คนนี้เล่นบท ตัวอิจฉาเพลินจนลืมตัวว่าตนไม่ได้มีภูมิคุ้มกันในสายเลือด โรคเก่าเมื่อครั้งค้าอาวุธสงคราม หรือกรรมพันธุ์ชนิด พ่อยิงหมาหน้าเซเว่นเกิดปะทุขึ้นด้วยแรงสะกิดของ นักฟ้อง ค่ายฝ่ายค้าน ตามย้ำด้วยอดีตพันธมิตรฯ อกหัก

เมื่อ วีระ สมความคิด ซึ่งปัจจุบันดำเนินกิจกรรมในนามเครือข่ายต้านคอรัปชั่น ไปยื่นฟ้องที่สถานีตำรวจภูธรจอมบึง ราชบุรี พร้อมหลักฐานว่าการครอบครองที่ดิน ๑,๗๐๐ กว่าไร่ของ น.ส.ปารีณา ทำธุรกิจฟาร์มไก่นั้น เป็นการบุกรุกที่ป่าสงวนแห่งชาติแน่ๆ
 
อีกทั้งยังมีชาวบ้านแถบจอมบึงขึ้นป้ายประณาม นักการเมืองบุกรุกป่าสงวนว่า “เขารู้กันทั้งนั้นว่าใครครอบครองที่ป่าสงวนและที่ สปก.” ทั้งสองฝั่งเขาสน (อ.จอมบึง และ อ.สวนผึ้ง) “ถ้าราชการของรัฐไม่ร่วมด้วยเขาจะทำได้อย่างไร”

ไม่เพียงเท่านั้น อาจเป็นด้วยความหลงตนว่าเป็นคนของผู้ยิ่งใหญ่ใน คสช. ก็เลยทำอะไรล้ำเส้นหนักเข้า ขนาดกล้างัดข้อกับประธานสภาฯ อันเป็นที่เคารพบูชาของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เพียงแต่เจอลวดลาย กรีด เลือดซิบของนายชวน หลีกภัย ให้รู้จัก มารยาท

แล้วยังบรรดาองครักษ์ นายหัวเรียงหน้ากัน สับ เละ น.ส.ปารีณาว่า ไร้วุฒิภาวะแม้แต่ ส.ส.รุ่นน้องอย่าง นพ.คณวัฒน์ จันทรลาวัณย์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังร่ายบทสั่งสอนน้าเอ๋ว่า “การเป็นผู้แทนราษฎรยังหมายถึงการแบกชื่อของประชาชนที่เลือกท่านมาอีกด้วย”


เห็นที คสช.๒ ต้นสังกัดพรรคพลังประชารัฐจักต้องพิจารณาผลงานการ ป่วน สภา เพื่อกลบเกลื่อนปัญหาปากท้องประชาชน ของ น.ส.ปารีณาเสียแล้วละ มิฉะนั้นจะทำให้พรรคร่วมรัฐบาลสำคัญ (ไม่แพ้ภูมิใจไทย) จะเกิดความรู้สึกว่า กินน้ำใต้ศอก ไม่พอ ต้องถูกลิ่วล้อประชารัฐสับโขกให้ชอกช้ำหัวใจอีก