น่าคิด ช่วงนี้ คสช. ป. ป๊อก โดน ‘กัด’
หนักจาก ‘หมาเฝ้าบ้าน’
ทั้งที่เป็นหนึ่งในสาม ป. ที่ค่อนข้างเงียบกว่าคนอื่นๆ ฤ จะเป็นเพราะเพิ่งถูกหมายตาเป็นผู้มีบารมีปล่อยยิ่งลักษณ์หนี
ฤๅ มิฉะนั้น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อาจจะเป็นกันชนตอนขาลงของสาม
ป. (อย่างที่ลือกันอยู่ขณะนี้ แถมโดนศรีสุวรรณ จรรยา
ยื่นฟ้องร้องเรียนอีกต่างหาก) เหมือนเสียงเล่าของค่ายผู้จัดการหลังจากเมื่อตอน สนธิ
ลิ้มทองกุล ถูกลอบจู่โจมด้วยอาวุธสงคราม จนทำให้ตาเสียข้างหนึ่งกระทั่งบัดนี้
ท้าวความย้อนไปไม่ไกล เมื่อ ๘ กันยานี่เอง เพจปฏิบัติการณ์หมาเฝ้าบ้านเปิดโปงเอกสารลับ
ว่า มท. ๑ อนุมัติให้ใช้ที่ดินป่าชุมชนแก่บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เคทีดี
พร้อพเพอร์ตี้ ของตระกูล ‘อยู่วิทยา’ เจ้าของ ‘กระทิงแดง’
สำนักข่าวอิศราคุ้ยข้อมูลออกมาแฉละเอียด ว่าบริษัทเคทีดีมีตระกูลอยู่วิทยาถือหุ้นกันเพียบ
ทั้งสราวุฒิ จิรวัฒน์ นุชรี และสุทธิรัตน์ https://www.isranews.org/isranews-news/59415-news00_59415.html
(ยังจำกันได้นะ
ตระกูลนี้มีลูกชายหัวแก้ว-มูลค่าหลายหมื่นล้าน-ซิ่งเฟอรารี่ชนนายดาบตำรวจตายแล้วหนี
ไปใช้ชีวิตสุขสำราญต่างประเทศจนคดีหมดอายุความไปแล้วสองในสาม
แต่ตำรวจไทยมะงุมมะงาหรายังกะแสร้ง ออกหมายช้าหาคนแปลเป็นอังกฤษไม่ได้
ปล่อยลอยนวลเข้าออกประเทศตามพอใจ พอสำนักข่าวต่างประเทศท้วง
ดันส่งเอกสารให้อินเตอร์โพลช้า เลยหมดอายุความสองคดีนั่นละ)
ที่ดินสาธารณะห้วยเม็ก อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น จำนวน ๓๑ ไร่ ๒
งาน ยกให้กลุ่มธุรกิจกระทิงแดงใช้กักเก็บน้ำสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมผลิตน้ำดื่มและเครื่องดื่ม
ด้วยหนังสือ มท. 0208.4/886 ของสำนักกฎหมายเสียด้วย
โดยใช้เหตุผลว่าที่สาธารณะประโยชน์แปลงดังกล่าว
“ปัจจุบันมีสภาพแห้งแล้งไม่มีแหล่งน้ำธรรมชาติ ราษฎรไม่ได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันแล้ว
และไม่ได้เป็นพื้นที่รับน้ำในฤดูฝนแต่อย่างใด”
มิหนำซ้ำยังอ้างข้อ ๒๓ (๓)
ในระเบียบมหาดไทยเกี่ยวกับการใช้ที่ นสล. เดียวกัน ที่อนุญาตให้ใช้ที่ดินแค่ ๑๐
ไร่ แต่เอาข้อยกเว้น “จะมีเหตุอันสมควร” มาอนุมัติให้ ๓๑ ไร่ ว่าเพราะ “อยู่กึ่งกลางในเขตประกอบการอุตสาหกรรมของบริษัทฯ
และบริษัทฯ มีความจำเป็นต้องขยายกิจการ”
ทว่าหมาเฝ้าบ้านเขากัดไม่ปล่อย ไปขุดภาพถ่ายทั้งทางอากาศและภาคพื้นดินมาแฉ
แหม่ แจ็คพ็อต กลับเป็นที่ไม่ได้แห้งแล้ง
กลายเป็นป่าชุมชนอนุรักษ์ไว้ให้ชาวบ้านใช้ประโยชน์เก็บของป่า
เพราะเป็น “ทางน้ำป่าตามธรรมชาติ เชื่อมกับห้วยทรายไปลงน้ำพอง ห่างจากสปริงเวย์ของเขื่อนอุบลรัตน์”
เพียง ๑ กิโลเมตร
(https://hilight.kapook.com/view/159865 และ https://mgronline.com/onlinesection/detail/9600000092561)
ชัดแจ๋ว หนึ่งในตรีกริช สามง่ามสามแง่งของ คสช. นอกเหนือจากมั่นคงและยั่งยืน
แล้วยัง ‘มั่งคั่ง’ ด้วยการอุ้มทุนใหญ่คล้ายประชารัฐเอี่ยวไทยเบฟกับซีพี
เรื่องนั้นโดนฝ่ายวิชาการเสื้อแดงแย้ง
เรื่องนี้ฝ่ายปราบคอรัปชั่นเสื้อเหลืองซัดยับ
จะเป็นด้วยบังเอิญ หรือบังอรตั้งใจก็ไม่รู้
นักวิชาการแถบเหลืองออกมาจวก คสช. เรื่องยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี พอดีเหมือนกัน “ว่าแผนดังกล่าวมาจากฐานข้อมูลที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง
แผนยุทธศาสตร์ระบุว่าประเทศไทย
ประชากรมีรายได้ปานกลาง ต้องยกระดับให้เป็นประเทศที่ประชากรมีรายได้สูง แต่ความจริงคือ ประเทศเราคนส่วนใหญ่ยังมีรายได้น้อยถึงน้อยมาก”
รศ.ดร.พิชาย
รัตนดิลก ณ ภูเก็ต คณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
‘นิด้า’
แซะว่า “ตอนคำนวณ เขาเอาคนจนที่สุดไปบวกกับคนรวยที่สุด” แล้วหารค่าเฉลี่ย
“ปรากฏว่าประเทศไทยมันมีความเหลื่อมล้ำสูง
เมื่อคุณเอา ๑ ไปบวก ๑๐๐ หาร ๒ มันก็ได้ ๕๐ เท่ากับอยู่ตรงกลาง เป็นรายได้ปานกลาง ไม่สนใจว่ามีคนจนกี่คน คนรวยกี่คน และใครเป็นคนส่วนมากที่ต้องเร่งช่วยเหลือ
เพราะค่าที่ออกมาคือ
ประเทศไทยคนมีรายได้ปานกลาง จากนี้ก็จะหาทางช่วยเหลือคนที่มีรายได้ปานกลางที่เชื่อว่าเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศให้มั่งคั่งมากขึ้นไปอีก
แล้วก็ทอดทิ้งคนจน” อีกบริบททฤษฎี ‘มั่งคั่ง’ ของ คสช.
ดร.พิชายสาธยายต่อว่า
“แผนดังกล่าวหวังให้ไทยเป็นเลิศด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี
ตรงนี้ขัดแย้งกับนิสัยของคนไทย การพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ คนไทยต้องมีเหตุผลเป็นที่ตั้ง
มีความคิดสร้างสรรค์ กล้าเดินออกนอกกรอบ ทว่าคนไทยนั้นอุดมไปด้วยความเชื่อ
(ลุ่มหลง) แล้วมันจะพัฒนาวิทยาศาสตร์ได้อย่างไร”
สำหรับฝ่ายวิชาการเหลืองอย่าง ทีดีอาร์ไอ ตอนนี้กำลังเชียร์
‘ไอดอล’ หวังว่าพรรคการเมืองในอุดมคติ ‘คนดี-ของสูง’ จะมีโอกาศร่วมรัฐบาลอีกสักครั้ง
ชนะเลือกตั้งด้วยไหมไม่สำคัญ
“นายอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และอดีตนายกฯ นำคณะกรรมการนโยบายพรรคร่วมรับฟังการสัมมนาหัวข้อ
‘ภาพอนาคตในปี ๒๐๓๕ ที่ดิน พลังงาน และน้ำประเทศไทย
ที่โรงแแรมดิ เอมเมอรัล ถนนรัชดาฯ จัดโดยมูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย
(ทีดีอาร์ไอ)
เพื่อรวบรวมข้อมูลกำหนดเป็นนโยบายพรรคสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า
โดยระบุว่านโยบายพรรคในครั้งหน้าจะต้องนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกือบทุกด้าน”
Thanapol Eawsakul ถามว่า “ทำไมนักวิชาการทีดีอาร์ไอจำนวนไม่น้อยถึงปลื้ม
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพรรคประชาธิปัตย์” ก็มีคนรีบตอบให้ทันที Choosak Waeohongsa ชี้ว่า
“การไม่ให้ความสำคัญกับ
tdri แล้วใช้แนวทางนโยบายของพรรคเองจนประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ของทักษิณ เป็นความเจ็บปวดของ tdri จนกลายเป็นบาดแผลฉกรรจ์”
ส่วน Ken Srimonta ไปไกลกว่านั้น “คอยดูหลังงานใหญ่นะครับ
เพราะตอนนี้ ‘เหลืองคลั่ง’ เพื่อนๆ ผมเริ่มพูดกันหนาหู
...ทำไม
ผู้หญิงทำงานหนัก ส่วนอีกคนสบายๆ ...ความผิดหวังลึกๆ กับการคาดหมายกับ คสช.
กำลังระอุ...เก้าอี้ดนตรี นักร้อง ADEL ได้รับการยอมรับมากกว่า”
การตีป๊อกกระทบ ๓ ป. จะไปได้แค่ไหน หรือเกิดแป้กหัวคิว (ภาษาสนุกเกอร์) มาได้แค่นี้เหมือนกรณียิงสนธิ ก็ไม่จำเป็นต้องลุ้น แค่ดูไว้ ใจเย็นๆ เดี๋ยวเห็นเอง