วันศุกร์, กันยายน 09, 2559
ปุจฉา : ทำไม "โอบามา" ไม่มาดื่มนํ้ามะพร้าว และออกท่าไหว้ที่ "กะลาแลนด์"
ปุจฉา : ทำไม "โอบามา" ไม่มาดื่มนํ้ามะพร้าวปุจฉา และออกท่าไหว้ที่ "กะลาแลนด์"
วิสัชนา : ก็ใครเล่าที่เลีย "เจ๊กแดง" จนเกินเหตุ โดยไม่รักษา "ดุลยภาพ" ( คำของ ปรีดี พนมยงค์ ) ในเชิงการเมืองระหว่างประเทศ
ถ้าหาก "กระดูกอเมริกัน" ( ชื่อหนังสือรวมเรื่องสั้นของ บุนทะนอง ไชชมพน นักเขียนซีไรท์จาก สปป.ลาว ) นั้นมีค่าในความทรงจำที่ยากจะลืม แต่เรื่องเดียวกันนี้เมื่อเกือบ 50 ปีก่อน ก็ไม่ทราบว่า "กระดูกไทยแลนด์" ที่เข้าไปเป็น "ทหารรับจ้าง" ให้ซีไอเอ.ในลาว ช่วงสมัยสงครามเวียตนามนั้นยังพอมีค่าให้ "โอบามา" บ้างหรือไม่ เรื่องนี้ขอให้ถามคนชื่อ "จำลอง ศรีเมือง" และท่านนายพลที่มักชอบเอ่ยประโยคว่า " เสียเลือดเสียเนื้อ รักษาเอกราช " มาช้านาน
แบ่งปันมาให้ดูการกระทำ "ท่าไหว้" ของ "โอบามา" ในเชิงการเมืองระหว่งประเทศ แล้ว "พี่ตู่" ของเราเล่า เมื่อไม่กี่วันก่อนไป "ออกท่า" อะไรไว้บ้างในประเทศ "เจ๊กแดง"
สปป.ลาว เป็นประเทศเล็กที่ต้องอยู่ระหว่างเขาควาย ( " เจ๊กแดง" กับ "เวียตนาม" ) อีกทั้งยังมี "พี่ไทยแลนด์" รอเสียบ การไปเดินชมวัด ดื่มนํ้ามะพร้าว และออกท่าไหว้ของ "โอบามา" จึงมีความสั่นสะเทื่อนทางดุลยภาพระหว่างประเทศ
แล้ว "พี่ตู่" กับคนในกระทรวงการต่างประเทศของ "กะลาแลนด์" ที่ตกตํ่ามาตั้งแต่สมัย "สงครามเวียตนาม" ได้ทำอะไรให้มีผลสั่นสะเทือนในทางดุลยภาพระหว่างประเทศขึ้นมาบ้าง ( การอ่อนข้อเรื่อง "รถไฟความเร็วสูง" และการจะซื้อ"เรือดำนํ้า" มันไม่ได้สร้างดุลยภาพอะไรขึ้นมาเลย นอกจากสร้างความน่าสงสัยมากขึ้น ทั้งกับตัวเองและประเทศเพื่อนบ้าน )
สุชาติ สวัสดิ์ศรี shared Idsala ອິດສະຫຼະ's video.
ooo
ooo
“What about Thailand?” “แล้วไทยล่ะ?” มาถึงประเทศ “เมืองน้อง” แต่ไม่เห็นหัว “บ้านพี่” ได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่เรากับสหรัฐฯ เคยสัมพันธ์ชื่นมื่นรวมต่อต้านภัยแดงมาด้วยกัน แต่โอบามาถึงแค่ลาว ไม่เคยคิดข้ามฝั่งมาไทย ทำไม?
รัฐบาลโอบามาเลือกใช้ “การเจรจา” เป็นแนวทางการทูตหลัก สังเกตมั้ย กับ “รัฐศาสนา” อย่างอิหร่านก็เจรจาจนยอมลงนามในความตกลงกันได้ กับ “รัฐคอมมิวนิสต์” อย่างคิวบา ก็ “thaw” เกิดการผ่อนปรนความตึงเครียดกัน ทั้ง ๆ ที่ครั้งหนึ่งเคยเกือบเป็นชนวนให้เกิดสงครามนิวเคลียร์ครั้งแรกในโลก สำหรับ “Asian Pivot” โอบามาเองเยือนพม่ามาแล้วสองครั้ง เจรจาจนรัฐบาลทหารพม่าที่ว่าโหดเกิดดวงตาเห็นธรรม ยอม “แบ่งปัน” อำนาจกับฝ่ายประชาธิปไตย กับรัฐบาลคอมมิวนิสต์อย่างลาวและเวียดนาม ซึ่งมีอดีตอันขมขื่นด้วยกัน โดยเฉพาะลาวเป็นประเทศที่ครั้งหนึ่งสหรัฐฯ ทิ้งระเบิดจำนวนมากกว่าระเบิดที่เยอรมนีกับญี่ปุ่นใช้รวมกันในสมัยสงครามโลก 8 นาทีต่อลูกติดต่อกัน 24 ชั่วโมง 30% ของระเบิดเหล่านี้หลงเหลือเป็น UXO ระเบิดที่ยังไม่ทำงาน กระจายตามท้องไร่ท้องนาในลาว กับอินโดฯ และสิงคโปร์ ผู้นำทั้งสองประเทศได้รับการต้อนรับแบบปูพรมแดงที่ทำเนียบขาวมาแล้ว แต่ในปีสุดท้ายของโอบามา และหลังรัฐประหาร 2557 เขายังไม่เคยมาเยือนไทยเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ช่วงแรก ๆ ที่ได้ไปต่างประเทศกับเขา ประยุทธ์ไม่มีแม้แต่โฟโต้ออป หาทางเผยอหน้าขอถ่ายรูปกับเขายังไม่ได้ด้วยซ้ำ และที่ผ่านมาโอบมาไม่เคยเปิดการเจรจานอกรอบแบบสองต่อสองกับผู้นำรัฐบาลทหารไทยแม้แต่ครั้งเดียว อย่าใช้กะลาคิดนะว่าเราไม่อยากคุยกับเขา โถ....ผู้เชี่ยวชาญยอมรับว่า กรณีชองไทยนั้นถือเป็น “ตัวอย่างความล้มเหลวอย่างร้ายแรงของการใช้อิทธิพลทางการทูตของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ “Thailand that represents the starkest failure to leverage US diplomatic power in the region.”
คือแค่เขาแหย่นิดแหย่หน่อย เตือนให้ผ่อนคลายการปราบปราม ผู้นำไทยก็ชักดิ้นชักงอจะตายให้ได้ จะฟ้องทูตเขาว่าหมิ่นสถาบันฯ ก็มี ทั้ง ๆ ที่เดิมกองทัพไทยเคยมีความสัมพันธ์เหนียวแน่นกับทางการสหรัฐฯ มาตลอด ซ้อมรบร่วมกัน รับงบช่วยเหลือด้านการทหารมาไม่รู้กี่สิบปี (สลิ่มจะรู้หรือไม่?) เพราะสหรัฐฯ ไม่ต้องการให้เราเข้าหาจีนกับรัสเซียมากนัก เพื่อถ่วงดุลอำนาจเอาไว้ แต่เรากลับกำลังทำตรงข้าม โอบามาจึงเห็นว่าเป็นการเอาพิมเสนมาแลกกับเกลือ ป่วยการที่จะเจรจาสร้างสัมพันธ์กับรัฐบาลทหารไทยที่ไม่รู้จักการผ่อยปรนและแบ่งปันอำนาจกับใคร นี่คือสภาพความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทยในยุคนี้
เนื้อหาบางส่วนจาก http://www.scmp.com/…/what-about-thailand-barack-obama-caps…
Pipob Udomittipong
ooo
เค... ไม่ค่อนแคะลุงตูบก็ได้
ภาพ แอบมอง จาก บรรจบ ขุมทอง