วันจันทร์, สิงหาคม 01, 2565

กฎแห่งอำนาจ : “ไม่มีอำนาจใดคงทนอยู่ถาวร หากหมดสิ้นศรัทธาประชาชน”


ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
Yesterday

กฎแห่งอำนาจ
.
ในทางการเมือง มีคำพูดที่ต้องพึงระลึกอยู่เสมอว่า
.
“ไม่มีอำนาจการเมืองใดที่คงอยู่ตลอดกาล”
.
แต่การเมืองไทย ด้วยความกลัวของผู้มีอำนาจ จึงพยายามฝืนสัจธรรมความเป็นจริงทุกวิถีทาง
.
ไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ ก็เอาด้วยคาถา
.
อลเวงกับสูตรคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อ เดี๋ยวเอาหาร 100 แล้วเปลี่ยนไปเป็นหาร 500 พอเห็นท่าไม่ดี ยังคิดจะพลิกกลับไปเป็นหาร 100 อีก
.
และยังกลับไปกลับมาได้อีกหลายตลบ ตามใบสั่งผู้มีอำนาจ
.
เอาตามที่สบายใจ ไม่ได้ใยดีประชาชน
.
สาเหตุมาจากความกลัวขี้หดตดหาย ว่าจะสูญเสียอำนาจที่เสวยสุขมานาน กระแสเบื่อมาแรง
ไม่ว่าหารแบบไหนล้วนเข้าทางฝ่ายตรงข้าม “รัฐบาล 3 ป.”
.
ยังไม่พอ คิดเปลี่ยนสูตร รื้อรัฐธรรมนูญเพื่อกลับไปใช้ “บัตรใบเดียว” ตามเดิมอีก เพราะเพิ่งรู้สึกตัวว่า เสือกเอาหอกไปยื่นให้ฝ่ายตรงข้ามทิ่มตัวเองด้วย “บัตรสองใบ”
.
อำนาจที่มีมาอย่างยาวนาน และความย่ามใจทำอะไรก็ได้ จะสั่งให้หันซ้าย หันขวา ก็ทำได้หมด ใช้อิทธิพลทั้งทางตรง และทางอ้อม (กล้วยยัดปาก)
.
อาการลนลานกลัวไม่ได้กลับสภาสมัยหน้าของเหล่า ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ กับแกนนำรัฐบาล หารือกันหน้าดำคร่ำเครียด จนไม่ว่าสูตรไหนก็ดูไม่ลงตัว
.
สร้างความสับสนให้รัฐธรรมนูญ “ฉบับมั่วของพวกเรา” มีการคำนวณสูตรพิสดาร บัตรเขย่ง ส.ส. ปัดเศษ เอาพวก “ลิเกลิง” เข้าร้องเจี๊ยวจ๊าวเต็มสภา พากันกินแต่กล้วยที่ผู้มีอำนาจยัดปิดปากให้โหวตซ้ายขวาได้ตามใบสั่ง
.
ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แถมชื่ออยู่พรรคหนึ่งแต่ตัวไปอยู่อีกพรรค ดูสับสนวุ่นวาย จนชาวบ้านเอือมระอาด่ากันขรม จำไม่ได้ว่าอยู่พรรคไหน ฝั่งไหน?
.
แต่แลกมากับการได้ครองอำนาจต่อ ย่อมคุ้มค่า ติดใจหลงหัวปักหัวปำกับบารมีที่มีมาอย่างยาวนานต่อเนื่อง
.
ไม่ได้ปฏิรูปบ้าบออะไรสำเร็จสักเสี้ยวกระผีก ตามแผนล้ำลึกแหกตาชาวบ้านของ “ลุงกำนัน”
.
กระแสยี้ เบื่อสุดๆ กับ 3 ป. ที่ทำท่าทีเล่นการเมืองแบบ “ตกปลาในอ่างหลังบ้าน”
.
นับไปนับมา อำนาจวนเวียนกันแค่ 3 ป. ตามระบอบประชาธิปไตยครึ่งใบ
.
ป. 1 ทำท่าทางรังเกียจนักการเมือง ทำตัวเหมือน “พระมาโปรดสัตว์”
.
ป. 2 ลีลานักการเมืองอาชีพยังอาย เป็นเสมือน “ผู้มากบารมี พี่นี้มีแต่ให้” คนแย่งกันเข้าบ้าน เฝ้ากันข้ามคืน เป็นผู้อาวุโสคุมเกมการเมือง แต่ปากบอก “ไม่รู้ ไม่เกี่ยว”
.
ป. 3 เป็นเหมือนมันสมอง ลุ่มลึก เงียบกริบ แต่คมกริ๊บ พูดน้อย ต่อยหนัก
.
ทั้ง 3 ป. ผลัดกันเล่นมุข เดี๋ยวรุก เดี๋ยวรับ เดี๋ยวรัก เดี๋ยวโกรธ ทำท่าระหองระแหง แล้วกอดกัน
.
ไม่ว่าเกมเปลี่ยนอย่างไร แต่ผู้เล่นยังมีแค่ 3 ป. เหมือนเดิม ตั้งแต่ยึดอำนาจมา จนแปรสภาพตกผลึกมา 8 ปี คุมองคาพยพทั้งการเมือง ข้าราชการ กองทัพ นายทุน องค์กรกลางทั้งหลาย ไปจนถึงสภาล่าง สภาบน ด้วยอำนาจของ “ผลไม้เครือหวี”
.
แผนสุดท้ายยังแตกแบงค์พัน จัดตั้งสารพัดพรรค พาเหรดเปิดตัวแผนสำรอง เผื่อดันพรรคพลังประชารัฐไปไม่ไหว
.
ส่วนพวกเห็นช่องทางก็ร่วมผสมโรง แห่กันเปิดพรรคเหมือนเปิดร้านเซเว่น
.
เปิดกันทุกวันจนชาวบ้านจำชื่อพรรคไม่ได้
.
นี่คือผลของกระบวนการบิดเบี้ยวเพื่อสืบทอดอำนาจที่ผ่านมา
.
ไม่ว่าใครจะแก้เกมด้วยท่าไหน ทำปู้ยี่ปู้ยำกับรัฐธรรมนูญยังไง แหกตากันกลางสภา เล่นลิเกโหวตสวนขู่ แล้วไปกราบตีนหวังจะเปลี่ยนกฎปรับ ครม. ก่อนเลือกตั้ง
.
ก็มิอาจสะเทือนซาง 3 ป. ได้
.
ลิเกแห่งอำนาจยังคงดำเนินต่อไปไม่เปลี่ยน
.
แต่ผมก็ยังเชื่อในกฎการเมืองที่ว่าไว้
.
“ไม่มีอำนาจใดคงทนอยู่ถาวร หากหมดสิ้นศรัทธาประชาชน”
.....

Thanapol Eawsakul
3h

ฟันธง เลือกตั้งครั้งหน้าจะไม่มีชื่อประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

รวมทั้งพรรคร่วมรัฐบาล เช่นภุมิใจไทย หรือ ประชาธิปัตย์ ก็จะรังเกียจไม่ประกาศว่าจะร่วมรัฐบาลกับประยุทธ์ จันทร์โอชาด้วย

.....................

ถึงนาทีนี้โอกาสที่ ประยุทธ์ จันทร์โอชา (2497) จะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในการเลือกตั้งครั้งหน้า 2566 ซึ่งตอนนั้นประยุทธ์ จันทร์โอชา จะอายุ 69 ปี เข้าไปแล้ว

สำหรับผมแล้วโอกาสน้อยมากหรือแทบจะไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่ประยุทธ์ จันทร์โอชาจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีก

ด้วยเหตุผลต่าง ๆ

1. สังขารและท่าทีของ ประวิตร วงษ์สุวรรณ (2488) นั่งร้านสำคัญของประยุทธ์ จันทร์โอชา

ซึ่งในปี 2566 ประวิตรจะมีอายุ 78 ปี เข้าไปแล้ว ไม่เพียงแต่สังขารของประวิตรเองที่แทบจะเดินไม่ไหว แต่ที่สำคัญคือนักการเมืองอย่างประวิตรทราบดีว่า การลงอย่างหลังเสืออย่างปลอดภัยไม่ให้เสือกัด คืออย่าไปทะเลาะกับเสือ

ถ้าจะลงสนามเลือกตั้งในปี 2566 ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเปิดศึกกับพรรคฝ่ายค้านทั้ง เพื่อไทย ก้าวไกล หรือแม้กระทั่งเสรีรวมไทย

ดังนั้นถ้าแพ้ในสนามเลือกตั้งก็ยากที่จะไม่ถูกเช็คบิล

ดังนั้นนกรู้อย่างประวิตรก็เลี่ยงจะขึ้นเวที หรือไม่อย่างนั้นก็จะ "ล้มมวย"

เมื่อประวิตร ไม่คิดจะสู้ คนอย่างประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ทั้งชีวิตไม่เคยสู้อะไรนอกจากรบกับคนเสื้อแดง ก็ไม่กล่าออกมาสู้เช่นกัน

ส่วนอนพงษ์ เผ่าจินดานั้นเล่า แค่ให้ ส.ส.ปากน้ำยกมือให้ยังทำไม่ได้เลย จะมีน้ำยาอะไรมาอุ้มประยุทธ์

คนอย่างประวิตร ไม่โง่ขนาดที่เอาเงินที่เก็บมาทั้งชีวิตจะต้องถูกยึดทรัพย์ไปง่าย ๆ หรอก สู้แตะมือยอมแพ้เสียดีกว่า

2. ความนิยมของประยุทธ์ ตกต่ำอย่างมาก และไม่มีทางกลับขึ้นมาอีกแล้ว

นิด้าโพล เป็นโพลทางการเมืองที่ทุกสำนักจับตามอง
ถ้าเราดูคะแนนความนิยมในตัวประยุทุธ์จะเห็นว่านับวันมีแต่ต่ำลง

2563
ไตรมาส 1/2563 ความนิยม 23.74 %
ไตรมาส 2/2563 ความนิยม 25.47%
ไตรมาส 3/2563 ความนิยม 18.64%
ไตรมาส 4/2563 ความนิยม 30.32%

2564
ไตรมาส 1/2564 ความนิยม 28.79 %
ไตรมาส 2/ 2564 ความนิยม 19.32%
ไตรมาส 3 /2564 ความนิยม 17.54%
ไตรมาส 4/2564 ความนิยม 16.93%

2565
ไตรมาส 1/ 2565 ความนิยม 12.67%
ไตรมาส 2/2565 ความนิยม 11.68%

ในปี 2563 เพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่คะแนนประยุทธ์ต่ำกว่า 20 % คือได้เพียง 18.64% ไตรมาส 3/2563 เนื่องจากการระบาดโควิดในรอบแรก ซึ่งถือว่าเป็นวิกฤติที่สุดนับตั้งแต่รัฐประหาร 2557

แต่รัฐบาลก็สามารมคุมได้ในไตรมาส 4 ตอนต้น คะแนนจึงกลับมาที่ 30.32%
(แต่การสำรวจนั้นเร็วไปเพราะโควิดระรอก 2 มาระบาดวันที่ 20 ธันวาคม 2563)

ดังนั้นในปี 2564ทั้งปี คะแนนความนิยมของประยุทธ์ จึงลดต่ำลงทุกไตรมาส นับจาก 28.79 % , 19.32%, 17.54%, 16.93%

เมื่อเข้าสู่ปี 2565 ก็ยังไม่กระเตื้องอีก
2 ไตรมาสแรก 12.67% และ 11.68% ตามลำดับ

คาดว่าในไตรมาส 3/2565 คะแนนนิยมของประยุทธ์ จันทร์โอชาจะต่ำกว่า 10 % เมื่อถึงเวลานั้นนักการเมืองในพรรคพลังประชารัฐก็หาที่อยู่ใหม่กันเรียบร้อยแล้ว

ดังนั้นเมื่อมีซากหมาตายลอยน้ำอยู่ บรรดาเห็บบนซากหมาตาย
ไม่ว่าจะเป็นคนในพรรคพลังประชารัฐ หรือพรรคร่วมรัฐบาลก็จะกระโดดหนีตายออกมาก่อน

คนที่จะเหลือกับประยุทธ์คือพวกที่ไปไหนไม่ได้

ไม่ว่าจะเป็น “แรมโบ้” เสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และบรรดา กปปส. เดนตายเท่านั้น

ในตอนนี้ประยุทธ์ก็ต้องทำใจดีสู้เสือไปก่อน พอถึงเวลาจะเหมือนกับจักรทิพย์ ชัยจินดา ก็ขอถอนตัวเสียดื้อ ๆ

3. บรรดา ส.ว.นกรู้ก็จะออกมาประกาศว่าจะไม่โหวตให้ประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นนายกอีกต่อไปแล้ว ไม่จำเป็นต้อง 250 คนพร้อมเพียงกันเียงแต่มีบางคนออกมาก็ป่วนแล้ว ส.ว. เหล่านั้นไม่ใช่เพิ่งดวงตาเห็นธรรม แต่ก็เหมือนกับ ส.ส.พลังประชารัฐนั่้นแหละ พอหมาตาย เห็บก็กระโดดออกมาทันที

มาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญ 2560 ไม่จำเป็นต้องแก้ในทางนิตินัย เพราะในทางพฤตินัยก็แก้แล้ว

สำหรับชนชั้นนำ ทางที่ดีที่สุดเพื่อให้ประยุทธ์ แลนดิ้งได้อย่างสวยงาม

คือการให้ศาลรัฐธรรมรนูญวินิจฉัย ว่าเป็นนายกได้ไม่เกิน 8 ปี
ซึ่งอาจจะวินิจฉัยไม่เร็วนัก อาจะหลังงานเอเปคไปก่อน

..............

สถานีต่อไปของประยุทธ์ จันทร์โอชา น่าจะเป็นองคมนตรี
เหมือนดัง ธานินทร์ กรัยวิเชียร และเปรม ติณสูลานนท์