วันอังคาร, สิงหาคม 09, 2565

แชร์เรื่องผู้พิพากษาวิชิต ลีธรรมชโย ก.ต.ไม่ต่ออายุ น่าจะเป็นการกลั่นแกล้งด้วยเหตุผลทางการเมือง


Jaran Ditapichai
Yesterday

มีผู้รู้เรื่องกรณี ผู้พิพากษาวิชิต ลีธรรมชโย
ส่งข้อความมาให้ ถึงความไม่ขอบมาพากลของกรรมการตุลาการ(กต) ที่น่าจะเป็นการแกล้งด้วยเหตุผลทางการดมือง
 
มันน่าแปลกมากตามปกติการบริหารงานบุคคลของศาลยุติธรรมเวลาที่จะพิจารณาเรื่องใดที่เกี่ยวข้อง
จะเริ่มต้นที่คณะอนุกรรมการตุลาการ ( อกต )ก่อน
และเมื่อผ่านการพิจารณาของ อกต จึงจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการตุลาการ ( กต )
ซึ่งเท่าที่ทราบมาข้อเท็จจริงของเรื่องนี้มีอยู่ว่า ...
อกต (อนุกรรมการตุลาการ)ได้ลงมติไปแล้วว่าผิดวินัยไม่ร้ายแรงจึง ให้ลงโทษภาคทัณฑ์ และลงมติเอกฉันท์ว่า...#เหมาะสมแก่การเป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา
แต่ เมื่อเรื่องเข้าที่ประชุม กต กลับไปลงลงมติไหม่ว่า ผิดวินัยไม่ร้ายแรง ลงโทษตัดเงินเดือน และกลับลงมติเอกฉันท์ว่า ไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้พิพากษาอายุโสในศาลฎีกา
และนี่น่าจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของศาลยุติธรรมกระมัง? เพราะตามปกติ กต จะไม่มีการพิจารณาลงโทษรุนแรงกว่า อกต อยู่แล้ว
ซึ่งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงได้ มีความเห็นว่า การไปร่วมม็อบ ผิดวินัย..#แต่ไม่ร้ายแรง ... ให้ลงโทษภาคทัณท์ เท่านั้น
อกต จึงได้มีความเห็นตามคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และมีมติเอกฉันท์ว่าเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาในศาลฎีกาเรียบร้อยไปแล้ว
แต่ กต มีความเห็นว่า ผิดวินัยแต่ไม่ร้ายแรง ลงโทษตัดเงินเดือน ก็ยังถือว่าเบา กว่ามากแต่สุดท้ายกลับเอาข้อเท็จจริงในสำนวนสอบสวนและมีมติเอกฉันท์ว่าไม่เหมาะสมแก่การเป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา
ซึ่งแบบนี้ไม่เคยมี
แค่ผิดวินัยไม่ร้ายแรง จะไม่เหมาะสมแก่การเป็นผู้พิพากษาในศาลฎีกาได้อย่างไรกล่าวโดยสรุป ตอนลงมติว่าสมควรเป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกาหรือไม่?
มี กต บางคนเอาข้อเท็จจริงจากสำนวนการสอบสวนว่า ว่า ผพษ.วิชิตเป็นพวกล้มเจ้า (เอาอะไรมาประกอบความเห็นก็ไม่รู้นะว่าไปม็อบแล้วจะเป็นพวกล้มเจ้า ตรรกะวิปริตไปมั้ย มโนเหมาเข่งเอาหรือ?)ทั้งๆที่ กต ลงมติไปแล้วเป็นเรื่องผิดวินัยแต่ไม่ร้ายแรง
แต่พอโดนข้อกล่าวหาว่าล้มเจ้า กต เลยลงมติเอกฉันท์ว่าไม่เหมาะสมแก่การดำรงตำแหน่งในศาลฎีกา ( กต ส่วนใหญ่กำลังจะขึ้นตำแหน่งก็ระวังตัวไม่กล้าปกป้องด้วย
)
เรื่องแบบนี้ มันให้น่าสงสัยว่ามีเหตุจูงใจอะไรมาแทรกแซงอยู่หรือไม่หนอ?)
ตามจริง กต ลงมติไปแล้วว่า ข้อเท็จจริงในสำนวนที่ถูกกล่าวหาว่าไปร่วมม้อบ 3 นิ้ว
เป็นเรื่องผิดวินัยแต่ไม่ร้ายแรง
แต่พอตอนลงมติว่า สมควรดำรงตำแหน่ง พ อาวุโส หรือไม่
กลับไปเอาข้อเท็จจริงในสำนวนการสอบสวนมา กล่าวหาในทำนองว่าเป็นพวกล้าเจ้า มาลงมติเอกฉันว่า ไม่เหมาะแก่การเป็น พ อาวุโสในศาลฎีกา
เท่าที่รู้ ผู้พิพากษาส่วนใหญ่ก็ไม่ห็นด้วยกับมติ กต
.. ตัว ผพษ วิชิต ท่านได้รับราชการอยู่ที่ศาลฎีกามาเป็นเวลากว่า 20 ปี
ก็ไม่เคยขอตำแหน่งใดๆ เพราะเชื่อว่าศาลฎีกาเป็นศาลสุดท้ายที่จะอำนวยความยุติธรรมให้ประชาชน
เป็นผู้พิพากษาที่เขียนคำพิพากษามากที่สุดในประวัติศาสตร์เป็นหมื่นคดี
แต่ กต กลับทำลายสิ่งดีงามที่ข้าราชการในสายงานยุติธรรม ผู้ตั้งมั่นในความยุติธรรมมายาวนานไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยทำงานตรงไปตรงมาช่วยเหลือให้ความเป็นธรรมกับสังคม มาตลอดชีวิต
กลับไปตอบแทนคนทำงานด้วยการลงมติไม่ให้เป็น พ อาวุโสในศาลฎีกา เมื่อเกิดเรื่องราว เช่นนี้แล้ว อยากถามสักคำว่ามันยุติธรรมกับท่านหรือไม่? ถ้าหากตัว ผพษ.ยังต้องเผชิญความไม่ยุติธรรม จากองค์กรที่มีหน้าที่ต้องรักษาความยุติธรรมเสียเองแล้ว ปชช ตาดำๆ จะหันหน้าไปพึ่งใครได้ จะมี ผพษ อีกสักกี่คนที่กำลังหวั่นไหวหวาดกลัวที่จะสร้างความยุติธรรมให้สังคมของเรา อำนาจอันมืดมนต์ภายในองค์กรนี้ พรากชีวิต ผพษ ผู้ทรงธรรมไปแล้วกี่คน ท่านจะไม่ย้อนคิดคำนึงถึงเกียรติศักดิ์ศรี ที่ ปชช ให้พวกท่านกันบ้างเลยหรือ ?หรือว่าจะเดินหน้าสร้างความไม่ยุติธรรมให้ผู้คนสิ้นศรัทธากันต่อไปอีก ภายหน้าชีวิตคนที่เป็น ผพษ จะเผชิญหน้าสังคมอย่างเต็มภาคภูมิต่อไปกันได้หรือ ?ฝากไว้ให้ทั้ง ผพ ษ.และสังคมช่วยกันคิดนะว่าเราต้องการแบบนี้จริงๆหรือ?

อนึ่ง ช่วงผมเป็นกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เคยไปบรรยายเรื่องสิทธิมนุษยชนให้ปู่พิพากษาอายุโส ครั้งหนึ่ง ได้ข้อมูลมาว่า ผู้พิพากษาปลดเกษียณ์ ถ้าอยากเป็นผู้พิพากษาอาวุโสต่อ ก็ได้เป็นทุกคน