[เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าสิ่งที่ผมพูดเป็นความจริง]
วันนี้ผมเสียเวลาทำงานทั้งวันไปกับขั้นตอนทางกฎหมาย
รอศาลอนุญาตให้ประกันตัว จากกรณีที่อัยการสั่งฟ้องผมในข้อหา 112
และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ จากการที่ผมแถลงผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ ในหัวข้อ “วัคซีนพระราชทาน: ใครได้-ใครเสีย?” ซึ่งมีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์การบริหารวัคซีนของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์
จันทร์โอชา ที่มีลักษณะ “แทงม้าตัวเดียว” สั่งวัคซีนหลักยี่ห้อเดียวคือแอสตร้าเซเนก้า
ทำให้ผมตั้งข้อสังเกตว่าการตัดสินใจแบบนี้
จะทำให้ประชาชนเสี่ยงได้วัคซีนช้าและไม่มีประสิทธภาพ เพราะในเวลานั้น
ไม่มีใครรู้ว่าวัคซีนชนิดไหนจะมีประสิทธิภาพที่สุด
กรณีของผม
เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการใช้กฎหมายทั้งมาตรา 112 มาตรา
116 และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์
ปิดปากผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและเห็นต่างจากผู้มีอำนาจ โดยนับตั้งแต่กรกฎาคม 2563
ถึงปัจจุบัน มีผู้ถูกดำเนินคดี 112 จำนวนถึง 183
ราย
ผมไม่ใช่คนแรก และจะไม่ใช่คนสุดท้าย
ที่ถูกปิดปากโดยมาตรา 112 ทั้งที่การวิพากษ์วิจารณ์การบริหารจัดการวัคซีนของผมเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชน
โดยความเป็นห่วงว่าคนไทยจะได้วัคซีนช้าเกินไปและไม่มีประสิทธิภาพ
และเวลาก็พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่ผมพูดเป็นความจริง ตอนนี้วัคซีนที่ได้ผลที่สุดในการป้องกันการติดเชื้อและลดความรุนแรงของโควิด
คือชนิด mRNA ไม่ใช่ไวรัลเวคเตอร์
การใช้คดี 112
กับผม และนักกิจกรรมทางการเมือง รวมถึงประชาชนทั่วไป
เป็นอาวุธที่ผู้มีอำนาจใช้ หวังว่าจะเป็นไม้ตายในการปิดปากพวกเรา
หยุดยั้งพวกเราไม่ให้ตั้งคำถาม และเรียกร้องความเป็นธรรม
เรียกร้องสังคมที่ดีกว่านี้ และขอยืนยันตรงนี้ว่าการทำงานของผมจะยังดำเนินต่อไป
โดยยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ผมจะไม่ลังเลที่จะพูด จะทำ
สิ่งใดก็ตามที่ผมเห็นว่าจำเป็น และมีประโยชน์ต่อประเทศชาติ
เพียงเพราะเกรงกลัวว่าจะเกิดคดีความเป็นโทษกับตัวเอง
สุดท้าย ผมขอให้กำลังใจผู้ต้องหาคดี 112
และคดีการเมืองทุกคน
สู้ด้วยกันต่อไปจนกว่าจะถึงวันที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนครับ
(https://www.facebook.com/ThanathornOfficial/posts/537501421059105)